ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 370-1 คุณชำยหำยตัวไป หัวอกของมำรดำ
ฉินเฟิงเห็นเหยาจีสีหน้าซีดขาวราวกระดาษก็พลัน เก็บง ารอยยิ้มในสายตาไป แล้วมองนางอย่างสงบนิ่งเอ่ย ว่า “เจ้ามีปัญหาอันใดรึ” เหยาจีตกใจ ฝืนยิ้มเอ่ยว่า “ขะ …ข้าจะมีปัญหาอันใดได้” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเรียบว่า “เมื่อ ครู่ที่เจ้าพูดคุยกับมู่เลี่ย ข้าได้ยินหมดแล้ว มู่เลี่ยพูดถูก หากเจ้ารู้สึกเจ็บปวดข้าจะไปเรียนพระชายาให้เจ้าได้จาก ไปเสียก่อน”
เหยาจีรีบส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ เป็นไร”
ฉินเฟิงมองนางอย่างจริงจังแล้วเอ่ยว่า “เจ้าควรคิด ให้ดีจะดีที่สุด หากภายหน้าเจ้าท าท่านอ๋องกับพระชายา เสียเรื่องเพราะเจ้าทนไม่ได้ขึ้นมา…” เหยาจีสั่นสะท้าน กับสายตาสงบนิ่งของฉินเฟิง นางหลับตาลง ในตอนที่ลืม ตาขึ้นมาอีกครั้งกลับนิ่งสงบไปทั้งดวง นางพยักหน้าเอ่ย
书呆子
ว่า “ข้าทราบ ลูกชายข้ายังอยู่ที่เมืองหลี ข้าไม่ท าเรื่องที่ จะท าร้ายเขาแน่นอน”
“เป็นเช่นนี้จะดีที่สุด” ฉินเฟิงมองนางอย่างลึกล้ า คราหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกไป หายวับไปจากจวนมู่ หยางโหวโดยพลัน
ฉินเฟิงออกมาจากจวนมู่หยางได้ไม่ไกลก็เห็นหลิน หานที่ห้อยหัวเป็นค้างคาวอยู่ใต้หลังคาแกว่งไกวไปมา มองตนอยู่ พอหลินหานเห็นฉินเฟิงเดินมาก็ทิ้งกายลง จากหลังคา มองฉินเฟิงแล้วส่ายหน้ากล่าวว่า “เหตุใดเจ้า ต้องท าเช่นนี้ด้วย เจ้าท าเช่นนี้ก็มีแต่จะยิ่งท าให้นาง เกลียดเจ้า” ตั้งใจมายังจวนมู่หยางโหวโดยเฉพาะ เขาก็ นึกว่าฉินเฟิงตั้งใจจะมาระบายความในใจกับเหยาจีหรือ อะไรท านองนั้น ใครจะไปรู้ว่ากลับเป็นการมาเพื่อ ตักเตือนและข่มขู่ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเช่นนี้ไปได้ ฉินเฟิง ชอบเหยาจีจริงๆ หรือ หลินหานนึกสงสัยอยู่ไม่น้อย
书呆子
ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ที่พระชายากล่าวมานั้น ไม่ผิดเลย ยามนี้พูดให้ชัดเจนดีกว่าทิ้งชีวิตไปในภายภาค หน้า”
“สรุปแล้วเจ้าก็ยังไม่เชื่อใจนางรึ” หลินหานเลิกคิ้ว ถาม
ฉินเฟิงเอียงคอครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ข้าต้องเชื่ออัน ใดนางหรือ เชื่อว่าเหยาจีไม่มีความคิดจะหักหลัง ต าหนักติ้งอ๋องอย่างนั้นหรือ ยามนี้ข้าเชื่อว่าเหยาจีจะไม่ หักหลังต าหนักติ้งอ๋อง แต่ว่า…ข้าไม่รู้ว่าเหยาจียังรักมู่ หยางอยู่หรือไม่” หากเหยาจียังมีความรู้สึกแม้เพียงเสี้ยว หนึ่งต่อมู่หยางอยู่ ก็ไม่มีใครสามารถรับรองได้ว่าถึงเวลา นั้นนางจะก่อเรื่องอันใดขึ้นมาหรือไม่ “ยามนี้เราต้องให้ มั่นใจว่าแผนการและความปลอดภัยของพระชายาจะไม่ เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นก็พอ”
书呆子
หลินหานมองฉินเฟิงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่แยแสก็ ยักไหล่เดินตามไปพลางเอ่ยถามขึ้นว่า “ต้องส่งคนไปจับ ตาดูนางหรือไม่”
“มู่เลี่ยจะจับตาดูนางไว้เอง” เสียงเรียบนิ่งของฉิน เฟิงดังขึ้นมา
หลินหานที่อยู่ด้านหลังถอนหายใจออกมา เรื่อง ของความรู้สึกอะไรนี่ช่างยุ่งยากเหลือเกิน ดีที่ยามนี้เขา ไม่มีเรื่องพวกนี้ให้กลุ้มใจ มิฉะนั้นแล้วคงได้เหมือนฉินเฟิง กับเหยาจีเป็นแน่ หรือไม่ก็เหมือนคุณชายเฟิ่งซานเช่นนั้น เขาจะไม่เจ็บปวดตายเลยรึ รอหลายปีผ่านไปให้วันคืน สงบสุขเสียก่อนดีกว่า แล้วเขาค่อยหาหญิงสาวที่ เหมาะสมมาแต่งงานด้วย
ณ จวนมู่หยางโหว เหยาจีเหม่อลอยอยู่ในห้อง อย่างเดียวดาย เรื่องในวันนี้สะเทือนใจนางไม่น้อยเลย จริงๆ นอกจากความลนลานเมื่อครู่แล้ว นางก็ค่อยๆ
书呆子
เข้าใจในเจตนาของพระชายามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ นับถือพระชายาติ้งอ๋องที่สามารถนึกถึงเรื่องหยุมหยิม เหล่านี้ขึ้นมาได้ นางไม่เคยคิดจะหักหลังต าหนักติ้งอ๋อง มาก่อน ก็เหมือนที่นางไม่เคยคิดจะฟื้นความสัมพันธ์กับมู่ หยางให้เป็นดังเก่าก่อนเช่นกัน แต่นางก็ไม่เคยคิดจะให้มู่ หยางตายลงสักวันเช่นกัน พระชายาไม่ได้ต้องการชีวิต ของมู่หยาง แต่คนอย่างมู่หยางนั้น การท าลายจวนมู่ หยางโหว น่ากลัวว่าคงไม่ต่างอันใดกับการเอาชีวิตเขา
ความคิดของพระชายาติ้งอ๋องรอบคอบมากนัก ดังนั้นเหยาจีจึงไม่ถือโทษที่นางต้องการหยั่งเชิงตน หรือ กระทั่งกระตุ้นตน หากรอให้เรื่องมาถึงจุดคับขันแล้วค่อย ให้นางได้รู้เรื่องนี้ นางก็ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าตัวเองจะท าได้ หรือไม่ แม้ยามนี้จะเจ็บปวดทรมานเช่นกัน แต่ก็ให้เวลา แก่นางอย่างเพียงพอที่จะได้ครุ่นคิดและตัดสินใจ แม้ว่า
书呆子
จะเจ็บปวด แต่ก็ลดความเป็นไปได้ของเหตุไม่คาดฝันลง ได้มาก
“เหยาจี ได้ยินว่าเจ้าไม่สบายหรือ” เสียงมู่หยางดัง ขึ้นมาจากด้านนอก เหยาจีรีบเก็บสีหน้า หันไปมองบุรุษ หน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางของชายที่อายุเกิน วัยสร้างเนื้อสร้างตัวแล้ว เมื่อเทียบกับตอนวัยหนุ่มดูมี ราศีและสุขุมนุ่มลึกขึ้นหลายส่วน ไม่ใช่คุณชายชั้นสูงแห่ง เมืองหลวงที่องอาจสง่างามผู้มีหน้าตาเจ้าชู้อ่อนโยนคน นั้นอีกต่อไปแล้ว และไม่ใช่ทายาทจวนโหวที่ต้องดิ้นรน อย่างเจ็บปวดระหว่างคนรักกับพ่อแม่แต่จ าต้อง ประนีประนอมอย่างจ าใจคนนั้นอีกต่อไปแล้วเช่นกัน เขา ในยามนี้มีความแข็งแกร่งและรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม หลายส่วน
เหยาจีลุกขึ้นยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “มิได้ แค่อารมณ์ไม่ ค่อยดีเท่านั้น”
书呆子
มู่หยางมองนางอย่างเจ็บปวด สีหน้ขอาลุแก่โทษ “ฮูหยินใหญ่มาหาเรื่องให้เจ้าล าบากอีกแล้วใช่หรือไม่ เดี๋ยวกลับไปข้าจะไปบอกนาง ให้นางสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ให้นางมารังควานเจ้าอีก” เหยาจีแย้มยิ้มบางๆ มุม อย่างเย้ยหยัน เอ่ยเสียงเรียบว่า “หลายปีเพียงนี้แล้ว พูด แล้วจะมีประโยชน์อันใดอีกหรือ”
“เหยาจี…” มู่หยางถอนใจอย่างจนปัญญา เอ่ยว่า “เจ้ายังโกรธข้าอยู่อีกหรือ เลี่ยเอ๋อร์โตถึงเพียงนี้แล้ว เรา ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขไม่ได้หรือ เจ้าอยากได้สิ่งใดข้า จะหามาให้ และจะไม่มีผู้ใดมารังแกพวกเจ้าสองคนแม่ลูก อีกเช่นกัน”
รอยยิ้มของเหยาจีขมขื่นขึ้นมาเล็กน้อย หลายปี เพียงนี้แล้ว ค าพูดพวกนี้นางฟังจนชินชาไปแล้ว แม้นาง จะกลับมายังจวนมู่หยางโหวด้วยเพราะมีจุดประสงค์อื่น แอบแฝง แต่นางกลับค่อยๆ ปีติยินดีในจุดประสงค์ที่แอบ
书呆子
แฝงนี้ หากปีนั้นนางถูกจับกลับจวนมู่หยางโหวไป เสียก่อน ไม่ได้ถูกฉินเฟิงช่วยเอาไว้ หากลูกชายที่ทิ้งไว้ที่นี่ เป็นลูกชายแท้ๆ ของนาง ไม่ใช่มู่เลี่ยที่ถูกฝึกฝนโดย ต าหนักติ้งอ๋องมาตั้งแต่เด็กล่ะก็ จากท่าทางเช่นนี้ของมู่ หยาง พวกนางสองคนแม่ลูกจะมีชีวิตอยู่ได้มาถึงตอนนี้ หรือ
มู่หยางรักนางมาก แต่เขาก็รักสิ่งอื่นด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเพื่อนางกับลูกเขาก็ไม่ยอมละทิ้งสิ่งใดไป แม้จะ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวก็ตาม และแม้ว่าตัวนางเองจะไม่ มีสิทธิไปโทษเขา แต่เพื่อลูกชายนางแล้วก็ยังเจ็บปวดกับ ท่าทางของเขาอยู่ดี
“ท่านยังจ าได้หรือไม่ ที่เลี่ยเอ๋อร์ป่วยหนักเมื่อใบไม้ ร่วงปีก่อน” เหยาจีถามขึ้นเสียงเรียบ
มู่หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหยาจี เจ้าเป็นอันใด ไป”
书呆子
เหยาจีกลับไม่สนใจเขา นางเอ่ยต่อว่า “ยังมีปีก่อน นั้น ที่เขาตกจากหลังม้า และใบไม้ผลิปีนี้ที่เขาตก ทะเลสาบไป…” เหยาจีพรรณนาถึงอันตรายมากมายที่ เลี่ยเอ๋อร์ได้เผชิญมาในช่วงหลายปีนี้ แน่นอนว่ายังมี อุบัติเหตุทีเกิดขึ้นกับนางทั้งในที่ลับและที่แจ้งด้วยเช่นกัน แม้เลี่ยเอ๋อร์จะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของนาง แต่สิ่งที่เขาถูก กระท าเหล่านี้กลับได้รับแทนลูกชายแท้ๆ ของนางอย่าง แน่แท้ และเรื่องที่ท าให้เหยาจียิ่งท้อแท้หมดก าลังใจก็คือ นอกจากมู่หยางจะท าร้ายและสังหารสาวใช้พวกนั้นแล้ว ก็ไม่เคยจัดการกับผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเลยสักคน
“เหยาจี เจ้าเป็นอันใดไป เลี่ยเอ๋อร์ปลอดภัยแล้ว มิใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงได้ยกเรื่องพวกนี้มาพูดกันอีกเล่า เจ้าก็รู้นี่ว่าเป็นพวกเราที่รู้สึกผิด…” ยังไม่ทันจะกล่าวจบ เขาก็เห็นเหยาจีมองมาด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยว่า “ไม่ใช่ พวกเรา เป็นท่าน มู่หยาง เป็นท่านที่รู้สึกผิดต่อสตรี
书呆子
เหล่านั้น หากตอนนั้นข้าจากจวนมู่หยางโหวไปไม่กลับมา อีก ท่านก็ไม่ต้องมารู้สึกผิดต่อผู้ใด เป็นท่านเองที่ต้อง ทะเลาะกับพ่อแม่ท่านให้ได้ ต้องการจะละเลยและ ระบายอารมณ์ใส่ภรรยาของท่าน พอเวลาผ่านไปนานวัน เข้า ท่านก็รู้สึกผิดต่อพวกนางขึ้นมา แต่…ต่อให้ข้ารู้สึกผิด ต่อพวกนาง ลูกชายข้าก็ไม่รู้สึกผิดต่อพวกนางหรอก”
“เหยาจี…” มู่หยางมองสตรีที่มีสีหน้าเย็นชา ตรงหน้าด้วยความตกใจ ตั้งแต่เหยาจีกับมู่เลี่ยถูกเขารับ กลับมาที่จวนเมื่อหลายปีก่อน นิสัยของเหยาจีก็ไม่ เหมือนเดิมอีกเลย เขาคิดมาโดยตลอดว่าเป็นเพราะเหยา จียังโทษที่เขาท าให้นางและลูกล าบาก เขาจึงได้ใส่ใจ ปกป้องและตามใจนางทุกอย่าง แต่จนกระทั่งยามนี้เขา จึงได้รู้ว่า เหยาจีไม่ใช่เหยาจีคนนั้นที่มีดวงตาเป็น ประกายกระจ่าง พูดจามีเสน่ห์ งดงามน่าหลงใหลในกอง สังคีตมานานแล้ว บนใบหน้าเดิมที่งดงาม มีแต่ความเย็น
书呆子
ชาและเด็ดเดี่ยวที่เขาไม่เคยรู้จัก มู่หยางพลันหวาดกลัว ขึ้นมาทันใด หรือหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้จักเหยาจี อย่างถ่องแท้เลย