ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 370-2 คุณชำยหำยตัวไป หัวอกของมำรดำ
เหยาจีมองเขาอย่างเรียบเฉย ครู่ใหญ่ต่อมาจึงได้ ถอนใจออกมาเบาๆ เอ่ยว่า “เมื่อครู่หลิ่วอี๋เหนียงให้คน มาบอกว่านางน่าจะตั้งครรภ์ ท่านไปดูเถิด”
มู่หยางสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมา คล้ายว่าเข้าใจใน บางสิ่ง เขาอมยิ้มกอดไหล่ผอมบางของเหยาจีพร้อมเอ่ย ด้วยความกระอักกระอ่วนและภูมิใจว่า “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ไม่ควรปิดบังเจ้า…แต่เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าบิดาของหลิ่วอี๋เหนียง …” เหยาจีหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้ารู้ ยามนี้ใน จวนนอกจากเลี่ยเอ๋อร์แล้ว มีเพียงบุตรสาวสองคนเท่านั้น หลิ่วอี๋เหนียงมีลูกชายจึงเป็นเรื่องที่ดี ท่านไปเถิด”
มู่หยางมองเหยาจีให้แน่ใจอีกครั้งว่าสีหน้าของนาง ปกติไม่ได้โกรธเกรี้ยว แล้วจึงค่อยปล่อยนางแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าไปดูนางก่อน ตอนค่ าจะมาทานข้าวเป็นเพื่อน
书呆子
เจ้า” เหยาจีพยักหน้าด้วยท่าทางที่ไร้ความกระตือรือร้น แล้วมองมู่หยางเดินจากไป
มู่หยางเพิ่งจะออกไป ข้างหน้าต่างก็มีบางอย่าง เคลื่อนไหว มู่เลี่ยปีนเข้ามาจากหน้าต่าง มองเหยาจีพลาง ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านจึงยึดมั่น กับเขา ช่างไม่มีเหตุให้ท่านได้ชื่อว่าเป็นที่โปรดปรานแต่ เพียงผู้เดียวเลย สตรีในจวนนี้มีน้อยกว่าจวนอื่นเสียที่ไหน หากไม่ใช่พวกเราปกป้องท่านไว้ กระทั่งท่านตายอย่างไร ก็คงไม่อาจจะรู้ได้แล้ว”
เหยาจีมองเขาอย่างจนใจพลางเอ่ยว่า “มีประตูดีๆ ไม่เดิน เจ้าปีนหน้าต่างจนติดใจแล้วรึ เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่างเจ้าจะไปรู้อันใด…ข้าไม่รู้สึกอันใดกับเขามาตั้งนาน แล้ว แต่เป็นเขาเอง…”
มู่เลี่ยกรอกตาปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้พลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ชอบใช้ทางเดินปกติ ข้ารู้ว่าท่านคิดอย่างไร ต่อให้
书呆子
ท่านไม่คิดอันใดกับเขาแล้ว แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็น บิดาแท้ๆ ของน้องชายข้าที่ยังไม่เคยเผยโฉมหน้า หาก เด็กเติบโตขึ้นในอนาคตแล้วรู้ว่าท่านที่เป็นมารดาท าร้าย บิดาแท้ๆ ของเขาตาย ท่านคงจะรับผิดชอบต่อลูกได้ยาก ใช่หรือไม่ ท่านไม่บอกเขาก็จบแล้วนี่”
“บนโลกนี้ไม่มีหน้าต่างบานไหนไม่มีลมผ่าน เว้นเสียแต่ว่าชั่วชีวิตนี้ของเขาจะไม่รู้ฐานะของตัวเอง” เหยาจีเอ่ยอย่างเศร้าโศก มู่เลี่ยจึงเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่เคยเห็น หน้าพ่อแม่ข้า แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้มิใช่ หรือไร อีกทั้ง เจ้าบอกว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขาก็ดีต่อเขามาก มิใช่หรือ” เหยาจีมองมู่เลี่ยเงียบๆ เด็กที่ไม่เคยเป็นพ่อแม่ คนต่อให้ฉลาดเพียงใดจะเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่ เลี้ยงดูเขามาได้อย่างไร มู่เลี่ยโบกมือเอ่ยว่า “เอาล่ะ ภาย หน้าท่านกับนายพลฉินค่อยมีอีกสักคนก็ได้แล้ว ส่วน น้องชายตัวน้อยของข้าคนนั้น ขอเพียงรู้ว่าเขามีชีวิตที่ดีก็
书呆子
หายห่วงแล้วมิใช่หรือ มันดีกว่าให้เขารู้ฐานะปัจจุบันของ ตัวเองเป็นไหนๆ จริงหรือไม่ เจ้าบอกว่ายามนี้เขาได้เป็น คุณชายของจวนขุนนางด้วยนี่”
หลายปีมานี้ ฐานะนี้ของมู่เลี่ยกระอักกระอ่วนอยู่ ไม่น้อย เขารู้ดี หนึ่งคือเพราะเขาเป็นลูกชายคนโตของ จวนมู่หยางโหว และเป็นลูกชายเพียงคนเดียวในตอนนี้ หากราบรื่นก็ไม่แน่ว่าในอนาคตจะได้เป็นทายาทของมู่ หยางโหวคนต่อไป แต่อีกด้านหนึ่งนั้น เขาเป็นบ้านสาย รอง มารดาแท้ๆ เคยเป็นนางสังคีต หากไม่ใช่เพราะ จวนมู่หยางโหวไร้ทายาทเพศชายมาโดยตลอดล่ะก็ กระทั่งแผนผังตระกูลเขาก็อยู่ในนั้นไม่ได้ นี่ท าให้เขาถูก บรรดาบุตรสายตรงในตระกูลที่อายุพอๆ กันกีดกันขับไล่ โชคดีที่เขาไม่ต้องอยู่สวมบทบาทคุณชายน้อยแห่งจวนมู่ หยางโหวที่นี่ตลอดไป มิฉะนั้นหลายปีต่อมากระทั่งเรื่อง แต่งงานของเขาคงได้กระอักกระอ่วนแน่ ตระกูลใหญ่ๆ
书呆子
คงไม่ยอมให้ลูกสาวสายตรงของตัวเองแต่งงานกับ บุตรชายของนางสังคีตคนหนึ่งหรอก ส่วนตระกูลเล็กๆ หรือไม่ก็สตรีสายรองก็ไม่เหมาะสมกับฐานะทายาทของ จวนมู่หยางโหว หากบุตรชายคนนั้นของเหยาจีเติบโตที่ จวนมู่หยางโหวด้วยกันจริง มู่เลี่ยกล้ารับรองได้เลยว่า หากไม่ถูกคนท าร้ายจนตาย ก็ต้องถูกมู่หยางเอาอกเอาใจ จนเสียคน เกรงว่าลูกชายคนนี้คงได้มีนิสัยบิดเบี้ยวเป็น แน่
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด!” เหยาจีถลึงตามองเขา อย่างไม่สบอารมณ์ เด็กคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งปากพล่อย มู่ เลี่ยยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ไม่ต้องเขินอายไป เมื่อครู่นายพล ฉินมาหาท่านแล้วกระมัง”
เหยาจีเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พอพูดถึงฉินเฟิงสีหน้าเหยาจีก็ยิ่งอึมครึม มู่เลี่ยยกมือไป ตบบ่านางอย่างเห็นใจ เอ่ยว่า “ความจริงน่ะนะ ตอนนั้น
书呆子
ที่ท่านมายังจวนมู่หยางโหวก็คือการหาเหาใส่หัว หาก ตอนนั้นท่านแต่งกับนายพลฉินไป ต่อให้ท่านอ๋องของ พวกเราจะเกลียดตระกูลม่อเพียงใด แต่เห็นแก่พระชายา และนายพลฉินก็คงไม่หาเรื่องน้องชายให้ได้ล าบาก หรอก”
เหยาจียิ้มขื่น เรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายเหมือนที่ เขาคิดเพียงนั้น หากเป็นพระชายาติ้งอ๋องบางทีอาจจะไม่ ถือสาหาความจริงๆ แต่หากเป็นท่านอ๋องล่ะก็ต้องไม่ ปล่อยตระกูลมู่ไปง่ายดายเพียงนั้นแน่นอน ติ้งอ๋องคิดจะ สังหารมู่หยางโหว ก็สามารถลงมือได้นานแล้ว ที่ไม่ลงมือ ก็เพราะคิดจะทรมานมู่หยางโหวด้วยการท าลายตระกูลมู่ เท่านั้น หมากตัวหนึ่งอย่างนาง ติ้งอ๋องจะปล่อยไปได้ อย่างไร หลายปีมานี้ แม้ว่าจวนมู่หยางโหวจะยังไม่ได้ถูก ท าลายไป แต่ก็วุ่นวายจนไม่เป็นอันอยู่อย่างสงบสุข เช่นกัน
书呆子
“เลี่ยเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้ารู้ดีว่าควรท าเช่น ไร” เหยาจียิ้มบางบอก บนโลกนี้ ไม่มีใครส าคัญไปกว่า ลูกชายนางอีกแล้ว แม้ว่านางจะไม่อาจมองเขาเติบใหญ่ ข้างกายเขาได้ แต่นางต้องพยายามท าให้เขาปลอดภัยไร้ กังวลไปชั่วชีวิตได้แน่
ณ ต าหนักหลีอ๋อง เยี่ยอิ๋งพาคนติดตามข้างกาย สองคนเดินไปทางด้านนอกต าหนัก แต่เพิ่งจะถึงโถงใหญ่ ก็ถูกคนมาขวางไว้เสียก่อน เยี่ยอิ๋งขมวดคิ้วมองตงฟาง โยวตรงหน้า นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าจะท าอัน ใดน่ะ”
ตงฟางโยวจ้องเยี่ยอิ๋งตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจ พิจารณาแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าจะไปไหน”
ดวงหน้างามของเยี่ยอิ๋งพลันเคร่งขรึม เอ่ยอย่างไม่ พอใจว่า “ข้าจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย” ตงฟางโยวเอ่ยเสียงเรียบว่า “ยามนี้ต าหนักหลีอ๋องมีข้า
书呆子
เป็นใหญ่ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้าไม่ว่าใครก็ ออกไปไม่ได้ทั้งนั้น”
เยี่ยอิ๋งหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร กัน เจ้าเป็นพระชายา ข้าก็เป็นพระชายา ข้าจะออกไป แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าขอค าสั่งจาก ไท่เฟยเหนียงเหนียงแล้ว ไท่เฟยเหนียงเหนียงก็ทรง อนุญาตแล้ว เจ้ามีสิทธิอันใดมาไม่อนุญาตกัน” หมู่นี้ ทิศทางในต าหนักหลีอ๋องเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย ตงฟาง โยวที่แต่ก่อนไม่สนใจเรื่องใดจู่ๆ ก็ยื่นมือมารับงาน มากมายภายในต าหนักหลีอ๋อง กระทั่งคิดจะยึดอ านาจ ของเสียนเจาไท่เฟย เสียนเจาไท่เฟยไม่ชอบเยี่ยอิ๋ง แต่ เทียบกับตงฟางโยวที่ทั้งเย่อหยิ่งและก้าวร้าวในยามนี้ แล้ว เยี่ยอิ๋งที่ฉลาดเฉลียวน่ารักไร้พิษภัยจึงน่าเอ็นดูขึ้น เป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นบางครั้งเยี่ยอิ๋งจึงขอร้อง
书呆子
นางในเรื่องบางเรื่อง และส่วนใหญ่เสียนหยางไท่เฟยก็จะ เห็นด้วย
ตงฟางโยวได้ยินเข้าก็ยิ้มเย็นอย่างไม่แยแส เอ่ยว่า “ข้าบอกแล้วว่ายามนี้ต าหนักหลีอ๋องมีข้าเป็นใหญ่ อย่า ว่าแต่เสียนเจาไท่เฟยเลย ต่อให้เป็นไทเฮาเสด็จมาเองก็ไร้ ประโยชน์” มิน่าเสียนเจาไท่เฟยจึงไม่ชอบตงฟางโยว เทียบกับเยี่ยอิ๋งแล้ว ตงฟางโยวนอกจากชื่อเสียงที่มัว หมอง ด้านอื่นล้วนชนะเยี่ยอิ๋งขาดลอย แต่นิสัยของตง ฟางโยวนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเทียบกับเยี่ยอิ๋งได้เช่นกัน บางทีม่อจิ่งหลีอาจไม่รู้ตัว หรือบางทีอาจเป็นเพราะตง ฟางโยวไม่ได้สนใจม่อจิ่งหลีแม้แต่น้อย ในตอนที่ตงฟาง โยวพูดถึงเสียนเจาไท่เฟยกับไทเฮาแน่นอนว่าไร้ซึ่งความ เคารพนบนอบอย่างสิ้นเชิง เสียนเจาไท่เฟยที่สู่งส่งมาชั่ว ชีวิตไหนเลยจะยอมให้ผู้น้อยมาท าตัวไร้มารยาทด้วยได้
书呆子