กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1058.1 ที่แท้คือการปกป้ องมรรคา
เฉาเกิงซินมาถึงเรือนในตรอกเก่าโทรมที่เงียบสงบแห่งหนึ่งของ เมืองหลวง หยิบกุญแจออกมาเปิดประตูเรือน เรือนหลังเล็กสองชั้น เต็มไปด้วยฝุ่ นและใบไม้ร่วง และยังมีกลิ่นเน่าเปื่อยขุมหนึ่งโชยมา ปะทะใบหน้า เรือนที่ไม่มีคนอยู่มาเนิ่นนานก็ย่อมเก่าโทรมเร็ว
นี่เป็ นครั้งแรกที่เฉาเกิงซินเข้ามาในเรือนแห่งนี้ ก่อนหน้านี้หลาย ครั้งล้วนแค่ผ่านทางโดยที่ไม่ได้เข้าไป เพราะเคยมีคนบางคนกาชับ ผู้ตรวจการเฉาในเวลานั้นไว้บนจดหมายลับว่า ในอนาคตไม่ว่าใครก็ ตามที่ได้เป็ นราชครูก็ให้มาเปิดเรือนหลังนี้แล้วเปิดการประชุม ส่วนจะ ประชุมเรื่องอะไร จะเรียกใครมา ในจดหมายไม่มีบอกไว้ อีกฝ่ายเพียง แค่ให้ตาแหน่งหนึ่งที่ไม่ได้รับเงินเดือนจากทางราชส านักแล้วก็ไม่ถูก ราชส านักรับเข้าไว้ในบันทึกของขุนนางแก่เฉาเกิงซิน ในลานบ้าน ถึงกับมีบ่อน้าบ่อเล็กอยู่ด้วย เฉาเกิงซินนั่งยองมองเข้าไปในบ่อน้าครู่ หนึ่ง ดาสนิท ไม่คล้ายว่าจะมีศพอยู่ข้างใน แล้วก็ไม่เหมือนทางเข้าที่ ทอดยาวไปยังวังมังกรใต้ดินสักแห่ง ทั้งไม่มีกลิ่นอายอัปมงคลแล้วก็ ไม่มีกลิ่นอายของโชคลาภ ยิ่งไม่มีโชคด้านสาวงาม เฉาเกิงซินจึง โยนหินก้อนหนึ่งเข้าไป เสียงดังจ๋อม ยังดี สามารถสูบน้าได้ ดึงน้าขึ้น มาแล้วเฉาเกิงซินก็ไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผงในห้องเก็บของมาแล้ว เริ่มทาความสะอาดลานบ้าน ห้องหลักและห้องข้างสองด้านล้วนว่าง เปล่า ยากจนจนไม่มีอะไรเลยก็เป็ นเช่นนี้เอง
เฉาเกิงซินทาเรื่องพวกนี้เสร็จแล้วก็ไปนั่งอยู่ตรงปากบ่อ ปลดกา เหล้าที่เป็ นน้าเต้าลูกเล็กสีม่วงมันขลับใบนั้นลงมา ดึงจุกออกแล้ว แหงนหน้ากระดกดื่มเหล้าฉางชุนที่ในวังมอบให้
ตรงหน้าประตูห้องห้องหลักแปะกลอนปีใหม่ไว้บทหนึ่ง เพียงแต่ ว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว เมื่อต้องเจอลมพัดฝนตกแดดส่องปีแล้ว ปีเล่า กลอนคู่ที่เดิมทีเป็ นพื้นแดงก็เริ่มซีดขาวมานานแล้ว ตัวอักษร เหมือนตัวหนังสือบนป้ ายศิลาที่เริ่มเลือนรางไม่ชัดเจน อีกทั้งครึ่งท่อน แรกของกลอนช่วงบนยังหายไปแล้ว
จรดพู่กันไร ้เทพ คนอื่นว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น
หากสวรรค์ละทิ้งวัฒนธรรมและคุณธรรมเหล่านี้ คนรุ่นหลังก็มิ อาจเรียนรู ้และสืบทอดวัฒนธรรมและคุณธรรมเหล่านี้ เปิดต ารามี ประโยชน์ วัฒนธรรมและความรู ้อยู่ในมือ
เฉาเกิงซินดื่มเหล้าไปประมาณสามตาลึง ยังไม่ทันคิดได้ว่าควร จะเสริมเนื้อหาของบทกลอนให้ครบถ้วนอย่างไรก็หยุดคิดไปอย่างขุ่น เคือง ผูกน้าเต้าบรรจุเหล้าให้เรียบร ้อยหยิบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งที่ แกะสลักค าว่า “แผนภูมิดิน” ออกมาจากชายแขนเสื้อ
กรอกปราณวิญญาณลงไปในแผ่นหยกตามวิธีการยิบย่อยที่ระบุ ไว้ในจดหมาย ก็เหมือนใช ้พู่กันอีกด้ามวาดไปตามเส้นขีดตัวอักษร สองค าว่า “แผนภูมิดิน”
ครู่หนึ่งต่อมาก็มีคนสองกลุ่มทยอยกันมาถึงบ้านหลังเล็ก เฉาเกิง ชินมีสีหน้าเป็ นปกตินี่คือสิ่งที่เขาคิดมาดีแล้วก่อนจะเรียกคนมา ต้อง วางมาดของเทพเซียนบนภูเขาสักหน่อย จะทาท่าขี้ขลาดไม่ได้ เพียงแต่ว่ารอกระทั่งรองเจ้ากรมเฉาลืมตาขึ้นแล้วพบว่าโจวไห่จิ้งก็อยู่ ในกลุ่มคนด้วย สีหน้าของเขาก็ดูไม่เป็ นธรรมชาติเล็กน้อย เพียงแค่ เพราะก่อนที่เฉาผิงท่านอาของเขาจะไปยังท่าเรือรื่อจุ้ยของใต้หล้า เปลี่ยวร ้าง เคยเรียกเฉาเกิงซินไปที่ห้องหนังสือ เรื่องหนึ่งที่พูดก็คือ บอกให้เฉาเกิงซินที่อายุมากแล้วรีบหาภรรยาให้กาเนิดบุตรเสีย หาก เฉาผิงกลับมาถึงต้าหลีแล้วยังไม่มีวี่แวว เชื่อว่าเฉาผิงจะต้องชักเข็ม ขัดออกจากเอว ให้รองเจ้ากรมเฉาได้กินเนื้อผัดแส้จนอิ่มแน่นอน ตอนนั้นเฉาเกิงซินก็เอาสตรีผู้นี้มาเป็ นโล่บัง คิดไม่ถึงว่าเฉาผิงจะคิด
เป็ นจริงเป็ นจัง
อยู่ในเรือนหลังนี้ไม่มีสถานะขุนนางอะไรทั้งนั้น ดังนั้นพอเฉาเกิงซินเห็นองค์ชายซ่งชวี่จึงไม่ได้ลุกขึ้นทักทาย หยวนฮว่าจิ้งถาม “เฉาเกิงซิน เจ้ามีป้ ายหยกแผ่นนี้ได้อย่างไร?”
เพราะตามกฎของสายแผนภูมิดิน เห็นป้ ายหยกนี้ก็เหมือนเห็น ชุยฉาน
อวี๋อวี๋ยิ้มเอ่ย “ก็แค่ผ่านมือเท่านั้น อีกไม่นานก็ต้องมอบให้กับ อาจารย์เฉิน นี่จะถือว่าเป็ นของกลับคืนสู่เจ้าของหรือไม่?”
เฉาเกิงซินยิ้มเอ่ย “นั่นก็ไม่แน่หรอกนะ แต่ว่ารองเจ้ากรมขุนนาง คนหนึ่งสามารถควบคุมพวกเจ้าสิบสองคนได้ ดูเหมือนว่าทุกท่าน จะต้องเสียเกียรติกันแล้ว”
เหล่าคนมีความสามารถมารวมตัวกัน ยอดฝีมืออยู่กันเต็มลาน กลิ่นอายเซียนล่องลอย
ลูกหลานสกุลหยวนเสาค้ายันแคว้น หยวนฮว่าจิ้ง ผู้ฝึ กกระบี่ ขอบเขตก่อก าเนิด ซ่งซวี่องค์ชายต้าหลี ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถ ทอง หันโจ้วจิ่น อาจารย์ค่ายกลหญิงที่มีชาติกาเนิดมาจากพื้นที่ มงคลชิงถานส านักโองการเทพ อวี๋อวี๋ ผู้ฝึกตนสานักการทหารที่มี ชาติก าเนิดมาจากสกุลอวี๋เสาค้ายันแคว้น เก๋อหลิ่งคนสกุลจวี้หลง เต้าลู่แห่งเมืองหลวง โฮ่วแจว๋เณรน้อยแห่งหน่วยแปลคัมภีร ์ สุยหลินผู้ ฝึกลมปราณสานักหยินหยาง ลู่ฮุยลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ ผู้ฝึกตนผีก่าย เยี่ยน โก่วฉุน ขู่โส่วเด็กหนุ่มที่มีชาติกาเนิดมาจากภูติ ผู้ฝึกยุทธเต็ม ตัวเพียงหนึ่งเดียว มีชาติกาเนิดจากชาวประมงริมทะเล โจวไห่จิ้ง ปรมาจารย์ขอบเขตยอดเขา
คนสิบสองคนของแผนภูมิดินต้าหลี เฉาเกิงซินรู ้จักแค่เกินครึ่ง
ครู่หนึ่งต่อมาคนชุดเขียวก็ปรากฏตัวในตรอกเล็ก สองนิ้วงอลง เคาะประตูเรือนเบาๆ จากนั้นก็พาเสี่ยวโม่เดินข้ามธรณีประตูเข้ามา ในลานบ้าน เสี่ยวโม่ปิดประตูเรือนลงเบาๆ
เฉาเกิงซินลุกขึ้นยิ้มเอ่ย “อาจารย์เฉิน คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้ เจอกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้
เฉินผิงอันสะบัดชายแขนเสื้อ กลิ่นสุราที่อยู่บนร่างก็สลายหายไป ตามลม ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ได้เกรงใจรองเจ้ากรมเฉา เมื่อครู่เพิ่งพาพวก หลิ่วซวี่ไปดื่มเหล้าที่เหลาสุราลาคลองชางผูมา คิดไม่ถึงว่าพอบอก ชื่อของรองเจ้ากรมเฉาออกไป ดื่มเหล้าไม่เพียงแต่ไม่ได้ลดราคา ราคายังเพิ่มไปอีกเท่าตัว แล้วยังไม่ยอมให้พวกเราจากมา ข้าบอกว่า ไม่ต้องจดลงบัญชีได้ไหม ทางเหลาสุราบอกว่าไม่ได้ พวกเราอยากจะ ออกมาก็ทาไม่ได้ ถูกกระชากตัวดึงรั้งไว้ไม่ยอมให้กลับ บอกว่าช่วย ใช ้หนี้ค่าเหล้าแทนรองเจ้ากรมเฉาได้เท่าไรก็เท่านั้น”
ต่อให้เป็ นหยวนฮว่าจิ้งก็ยังอดไม่ไหวเหลือบมองเฉาเกิงซิน
พวกลู่ฮุย ขู่โส่วที่เคยเสียเปรียบครั้งใหญ่ด้วยน้ามือของอาจารย์ เฉินมาก่อน พวกเขาก็ยิ่งเกือบจะยกนิ้วโป้ งให้รองเจ้ากรมเฉาอยู่แล้ว
รองเจ้ากรมเฉาที่ขวัญกล้าเทียมฟ้ าผู้นี้รนหาที่ตายจริงๆ
เจ้าหลอกใครไม่หลอก ดันกล้ามาหลอกอาจารย์เฉินอย่างนั้น หรือ?
พูดถึงแค่ลู่ฮุยก็เคยถูกเฉินผิงอันใช ้วิธีการที่เหมือนทั้งวิชาหมัด แล้วก็เหมือนทั้งวิชากระบี่ ทาให้เขาเป็ นดั่ง “บุปผาเบ่งบาน พริบตาเดียวก็ถูกกระบี่ยาวหลายสิบเล่มแทงทะลุร่างและยังมีผีสาว ก่ายเยี่ยนที่ตอนนั้นก็ไม่เห็นว่า “เฉินผิงอันผู้นั้น” จะรักหยกถนอมบุ
ปผาอย่างไร ใช ้กระบวนท่ากระบี่ “เศษจันทร ์” ที่ได้ยินมาว่าเขาคิดค้น ขึ้นด้วยตัวเองมาสับนางเสียเละ
มีเพียงโจวไห่จิ้งที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มช ้าสุด ตอนนี้นางจึงยังไม่รู ้จัก หนักเบาดีร ้าย ไม่รู ้ถึงผลลัพธ ์จากการที่ไปหาเรื่องเฉินผิงอัน ดังนั้น เมื่อนางสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในลานบ้านไม่ถูกต้องจึงค่อนข้างจะ ประหลาดใจ ผู้มีพรสวรรค์ในกลุ่มผู้มีพรสวรรค์พวกนี้ ที่อยู่กับข้าทา กร่างกันดีนัก ทาไมวันนี้พอเจอเฉินผิงอันกลับทาเหมือนหนูกลัวแมว อย่างไรอย่างนั้น มันต้องขนาดนี้เลยหรือ?
สีหน้าของเฉาเกิงซินมีแต่ความกระอักกระอ่วน “กรรมตามสนอง เร็วขนาดนี้เลยหรือ?”
เฉินผิงอันอธิบายกับพวกเขา “เสี่ยวโม่บอกว่าจู่ๆ พวกเจ้าก็ เปลี่ยนสถานที่รวมตัวกันข้าค่อนข้างใคร่รู ้ ในเมื่อรองเจ้ากรมเฉา เรียกรวมตัวพวกเจ้าที่นี่ก็คงไม่มีเรื่องอะไรของข้าแล้ว”
เฉาเกิงซินรีบเอ่ย “มีสิ อาจารย์เฉินอย่าได้หวังว่าจะวางตัวอยู่ นอกสถานการณ์ได้ราชครูชุยมีค าพูดฝากให้ข้ามาบอกกับพวกเจ้า ทั้งสองฝ่ายต่อหน้าอย่างเปิดเผย”
โก่วฉุนเป็ นคนช่างสังเกตจึงไปยกม้านั่งยาวตัวหนึ่งในห้องมา อยากจะให้อาจารย์เฉินมีทีนั่ง
ผลคือถูกก่ายเยี่ยนแย่งเอาไปวางไว้ข้างกายเฉินผิงอันแทน
แค่คาพูดล้าค่าที่อาจารย์เฉินพูดตอนที่อยู่ในที่ว่าการกรม กลาโหมก่อนหน้านี้ ก่ายเยี่ยนที่เป็ นเถ้าแก่โรงเตี๊ยม อย่าว่าแต่ยกม้า นั่งมาให้เลย ขอแค่อาจารย์เฉินยินดี จะนั่งบนตัวนางก็ยังได้!
ตอนที่ก่ายเยี่ยนวางม้านั่งยาวลงเห็นคนหนุ่มที่สวมหมวกเหลือง รองเท้าเขียวผงกศีรษะยิ้มบางๆ ให้ตน นางก็ยิ้มบางๆ ตอบกลับคืน
ก่ายเยี่ยนรู ้แค่ว่าเขาคือผู้ติดตามของอาจารย์เฉิน เคยเข้าวังไป พบไทเฮาเหนียงเนียงด้วยกัน
เฉินผิงอันเอ่ยขอบคุณก่ายเยี่ยนแล้วนั่งลงบนม้านั่งยาว ยิ้มเอ่ย ว่า “ไหนลองว่ามาสิข้ารอฟังอยู่”
เฉาเกิงซินเอ่ย “แค่สองประโยคเท่านั้น ประโยคแรกคือมอบให้ เซียนกระบี่หยวนของพวกเรา วันนี้คนในลานทุกคนที่มีป้ ายห้อยเอว วันหน้าจะอยู่ในการดูแลของข้า ไม่อยู่ในการจัดการของราชครูคน ใหม่ของต้าหลี แต่ราชครูคนใหม่สามารถเสนอความคิดได้ แต่ก็ เพียงแค่นี้เท่านั้น ประโยคที่สองคือมอบให้กับอาจารย์เฉิน อันที่จริง ในจดหมายราชครูชุยไม่ได้ระบุชื่อ…ข้าจะทวนซ้าอีกรอบก็แล้วกัน บนจดหมายเขียนไว้ว่าอย่างไร ข้าก็จะพูดอย่างนั้น “เจ้าไม่ใจดามาก พอ ลงมือไม่อามหิตมากพอ ย่อมมิอาจใช ้คนกลุ่มนี้ได้ดี เหมือนกระบี่ ในฝักนานวันเข้าก็ถูกลดทอนปณิธานกระบี่ไปเท่านั้น มีแต่จะทาให้ ความแหลมคมหายสิ้น เดือดร ้อนให้พวกเขากลายไปเป็ นซี่โครงไก่ที่ ไร ้รสชาติแต่จะทิ้งก็เสียดาย”
เฉินผิงอันพยักหน้า สองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ ใบหน้า ประดับยิ้มน้อยๆ จากนั้นถามว่า “ศิษย์พี่ชุยรู ้สึกว่าข้าไม่น่าจะทาได้ แต่กลับเป็ นเจ้าที่มีโอกาสชนะ?”
เฉาเกิงซินสะอึกอึ้ง คาถามนี้ตอบยากมากนะ
ดวงตาอวี๋อวี๋เป็ นประกายเจิดจ้า ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “มาแล้วๆ ลง เดิมพัน ลงเดิมพันข้าเดิมพันว่าอาจารย์เฉินจะต้องฟันเฉาเกิงซิน อย่างน้อยที่สุดต้องส่งกระบี่ออกไปหนึ่งทีหรือไม่ก็มอบหมัดให้หนึ่ง หมัด”
ก่ายเยี่ยนรีบเอ่ยคล้อยตามทันที “ครั้งนี้พวกเราอย่าเดิมพันเอา เงินกันเลย เดิมพันเป็ นเหล้าหมักต าหนักฉางชุนกันดีกว่า”
เฉินผิงอันยื่นมือออกมา “เอาจดหมายฉบับนั้นมาให้ข้าอ่านสิ ก่อนจะไปดื่มเหล้าที่ลาคลองชางผู แน่นอนว่าข้าเชื่อใจผู้ตรวจการ เฉาที่เป็ นขุนนางอยู่ที่บ้านเกิดของข้า ทั้งยังมีชื่อเสียงดีเยี่ยม แต่ ตอนนี้กลับบอกได้ยากแล้ว”
เฉาเกิงซินอ่อนใจอย่างยิ่ง “ช่วงท้ายของจดหมาย ราชครูชุยยัง เตือนข้าโดยเฉพาะว่าอ่านจบแล้วให้ทาลายทิ้งทันที จะได้ไม่มี หลักฐานอะไรให้อาจารย์เฉินจับได้”
เฉินผิงอันถาม “ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนมาใช ้วิธีการพิสูจน์ความ จริงที่ง่ายกว่านั้น เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าตัวเองใจดาและยิ่งลงมือ อย่างอ ามหิตได้มากพอ?”
เฉาเกิงชินมองคนสิบสองคนของแผนภูมิดิน จากนั้นมองไปยัง บุรุษผู้สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ปลดน้าเต้าบรรจุ เหล้าลงมา ยกขึ้นแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ก่อนจะพูดความในใจ อาจารย์เฉิน ขอให้ข้าได้ดื่มเหล้าปลุกความกล้าหน่อยได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันยกชายชุดกว้าตัวยาวสีเขียวขึ้นมา เปลี่ยนมานั่งท่า
ไขว่ห้าง ผายฝ่ามือ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตามสบาย”
เฉาเกิงซินกรอกเหล้าเข้าปากหนึ่งคาแล้วก้มหน้าลง ยกหลังมือ ขึ้นเช็ดมุมปาก เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “หากข้าเข้ามาใน บ้านหลังนี้เร็วกว่านี้ พวกหยวนฮว่าจิ้งสิบสองคน เกรงว่าตอนนี้คงไป ปรากฏตัวที่เมืองหลวงหรือหน้าประตูศาลบรรพจารย์บางแห่งทางทิศ ใต้ของแจกันสมบัติทวีป และศีรษะของฮ่องเต้บางแคว้น ศพของเจ้า ประมุขของขุนเขาบางแห่งก็คงเพิ่มมากขึ้นเป็ นเท่าตัวแล้ว จานวน รวมต้องมียี่สิบสี่ศพ”
“ก่อนจะกลับมายังต้าหลีก็ต้องเอ่ยเตือนราชส านักและจวนเซียน พวกนั้นไว้สักหน่อยว่า หากหลังจากนี้มีรายงานภูเขาสายน้าฉบับใด ก็ตามที่พูดถึงฝันร ้ายหรือไม่ก็การแจ้งข่าวมรณกรรมที่คาดไม่ถึง พวกนี้ หรือเป็ นการคาดเดาอย่างส่งเดช ไม่ก็ใส่ร ้ายราชสานักบาง แห่งทางทิศเหนือ ถ้าอย่างนั้นเพื่อเป็ นการตอบแทน เก้าอี้มังกรของ ราชสานักพวกเขา เก้าอี้ของเจ้าประมุขบนภูเขาของพวกเขาก็จะถูก ปล่อยวางไปตลอด ใครมานั่งคนนั้นก็ต้องหายไป”
รอกระทั่งเฉาเกิงซินพูดความในใจจบ ในลานบ้านก็เงียบสงัดไร ้ เสียง
เฉาเกิงซินเหลือบมองรองเท้าผ้าส้นหนาที่อยู่ตรงม้านั่งยาว เท้า ข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนพื้น อีกข้างลอยอยู่กลางอากาศ
“หากใช ้ความไม่ชอบธรรมไล่ล่าความชอบธรรม ย่อมง่าย แต่ หากใช ้ความชอบธรรมไล่ล่าความไม่ชอบธรรม ย่อมยาก”
เฉาเกิงซินเอ่ยประโยคนี้จบก็ดื่มเหล้าไปอีกคาใหญ่เสียงดังอีกๆๆ ก่อนจะรัดน้าเต้าบรรจุเหล้าให้เรียบร ้อย “การวางแผนของแคว้น มากมายในใต้หล้า ใช ้ความไม่ชอบธรรมไล่ล่าความไม่ชอบธรรม คือ เรื่องที่ถูกต้องตามหลักฟ้ าดิน ราชครูเฉินเห็นด้วยหรือไม่?”
อวี๋อวี๋อ้าปากกว้าง นางกาหมัดข้างหนึ่งแล้วโบกตวัดอย่างแรง
ประโยคที่สองหากนับมาจากช่วงท้ายของเฉาเกิงซิน พูดตรงใจ นางเผงเลย
เฉินผิงอันพยักหน้า “หากไม่พูดถึงกรณียกเว้นที่หาได้ยากก็คือ หลักการเหตุผลข้อนี้”