novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet สล็อตเว็บไหนแตกดี แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 944.2 ผลักดันสิ่งเก่าแนะนำสิ่งใหม่

  1. Home
  2. กระบี่จงมา! Sword of Coming
  3. บทที่ 944.2 ผลักดันสิ่งเก่าแนะนำสิ่งใหม่
Prev
Next

หลาย​ปี​มานี้​ต้อง​ร่อนเร่​พเนจร​ ถูก​คน​ดูถูกดูแคลน​ เจอ​ความยากลำบาก​มาสารพัด​อย่าง​ หาก​ประสบการณ์​ใน​ชีวิต​คน​สามารถ​เอา​บัญชี​เล่ม​เก่า​มาเปิด​ออก​ดู​ได้​ แต่ละ​หน้าที่​เขียน​เอาไว้​ก็​มีแต่​คำ​ว่า​ไม่มีเงิน​ ยากจน​จน​ไม่ได้ยิน​เสียง​เหรียญ​กระทบ​กัน​ ราคา​ขึ้น​อีกแล้ว​ อย่า​ว่าแต่​เข้า​พัก​โรงเตี๊ยม​ตระกูล​เซียน​ไม่ได้​เลย​ แม้แต่​ประตู​บาน​ใหญ่​ก็​ไม่กล้า​เดิน​เข้าไป​ ใน​ร้าน​ที่​ตั้งอยู่​ตาม​ท่าเรือ​ตระกูล​เซียน​ ได้​แต่​กล้า​มอง​ไม่กล้า​ลูบคลำ​ ดูเหมือนว่า​มักจะ​ถูก​คน​ดูแคลน​เป็นประจำ​ จะโทษ​พวกเขา​ไป​ทั้งหมด​ก็​ไม่ได้​…สรุป​ก็​คือ​ใน​สมุดบัญชี​เล่ม​นั้น​เขียน​สามคำ​ว่า​ ‘ไร้​หนทาง​’ เอาไว้​จน​เต็ม​ทุก​หน้า​

กว่า​จะมีสถานที่​ให้​พักอาศัย​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ เดิมที​นึกว่า​มาอาศัย​อยู่​ใต้​ชายคา​ของ​คนอื่น​ก็​คง​ต้อง​เก็บ​หาง​ทำตัว​สำรวม​ ขอ​กิน​ขอ​ดื่ม​ไป​วัน​ๆ จะไม่ต้อง​คอย​ทน​รับ​อารมณ์​ของ​คนอื่น​ได้​อย่างไร​ คิดไม่ถึง​ว่า​มาอยู่​ที่นี่​กลับ​ไม่ต้อง​เจอ​กับ​ความอยุติธรรม​เลย​สักนิด​จริงๆ​ ต่าง​ก็​พูด​กัน​ว่า​ความสนใจ​ใน​การ​เป็น​ขุนนาง​บางเบา​เหมือน​ผ้า​โปร่ง​หนึ่ง​ชั้น​ คิดไม่ถึง​ว่า​ข้า​เซียน​เว่ย​จะกลับ​กลายเป็น​ว่า​โชคชะตา​ผลิก​พัน​ ขอ​แค่​วันหน้า​หน่วน​ซู่น้อย​ถูก​คน​รังแก​ ได้รับ​ความ​น้อยเนื้อต่ำใจ​แม้เพียง​น้อย​นิด​ ข้า​ผู้อาวุโส​ไม่เชี่ยวชาญ​การต่อสู้​ แต่​ก็​จะต้อง​เป็น​คน​แรก​ที่​เปิดปาก​ด่า​แน่นอน​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ถ้อยคำ​หนึ่ง​ประโยค​สอง​ความหมาย​ของ​เด็กหญิง​สวม​ชุด​กระโปรง​ชมพู​ที่​ทำให้​นักพรต​ปลอม​ซึ่งมีฉายา​ว่า​เซียน​เว่ย​ ชื่อจริง​คือ​เหนียน​จิ่งเกือบจะ​น้ำตาไหล​

‘ปี​นี้​บ้าน​ของ​พวกเรา​มีการ​เก็บเกี่ยว​ประจำปี​ (เหนียน​จิ่ง) ที่​ดี​ หวัง​ว่า​ปีหน้า​จะมีการ​เก็บเกี่ยว​ที่​ดี​ยิ่งกว่า​นี้​ เชื่อ​ว่า​จะต้อง​ดี​ยิ่งกว่า​นี้​ได้​แน่นอน​!’

จูเหลี่ยน​ยัง​เรียก​เด็กชาย​เด็กสาว​สกุล​เฉาที่​เป็น​เหมือน​คู่​หยก​งามซึ่งพัก​อยู่​ที่​ภูเขา​ด้านหลัง​มาด้วย​ ทุกคน​กิน​อาหาร​มื้อ​คืน​ข้าม​ปี​ด้วยกัน​อย่าง​ครึกครื้น​ อยู่​ด้วยกัน​นาน​วัน​เข้า​ คู่​หยก​ที่​มาจาก​แซ่สกุล​ของ​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ต้า​หลี​คู่​นั้น​ก็​ไม่ระมัดระวัง​สำรวม​ตน​เหมือน​ตอนที่​เพิ่ง​ขึ้น​มาบน​ภูเขา​อีก​

เฉิน​ยวน​จีไป​ที่​บ้าน​ตัวเอง​ซึ่งตั้งอยู่​ใน​ตัว​จังหวัด​ ทาง​ฝั่งของ​ตรอก​ฉีหลง​ จูเหลี่ยน​ไม่ได้​เรียก​ใคร​มา

สือ​โหร​ว​เห็น​ร้าน​แห่ง​นั้น​เป็น​บ้าน​ของ​ตัวเอง​ไป​แล้ว​ เจ้าใบ้​น้อย​ที่​เป็น​ลูกศิษย์​ใหญ่​ของ​เผย​เฉียน​ก็​ไม่ค่อย​ยินดี​จะขึ้น​ภูเขา​มา พอดี​กับ​ที่​สามารถ​กิน​อาหาร​มื้อ​ข้าม​ปี​ร่วมกับ​พวก​ชุยฮ​วา​เซิงและ​เด็กชาย​ผม​ขาว​ที่​ตั้งชื่อ​ให้​ตัวเอง​ว่า​คง​โหว​ซึ่งอยู่​ร้าน​ข้างๆ​ ได้​พอดี​ เพราะ​รวมตัวกัน​แล้วก็​รวมกัน​นั่ง​โต๊ะ​ใหญ่​ได้​

กิน​อาหาร​มื้อ​ข้าม​ปี​อิ่มหนำ​ จูเหลี่ยน​กับ​หน่วน​ซู่ช่วยกัน​เก็บ​ตะเกียบ​และ​ชาม เพ่​ยเซียง​นึก​อยาก​จะช่วย​ ผล​กลับ​ถูก​บุรุษ​ใจดำ​บางคน​ถลึงตา​ใส่ จึงได้​แต่​ล้มเลิก​ความคิด​

หลังจากนั้น​ก็​คือ​การเฝ้า​คืน​แล้ว​

ทาง​ฝั่งของ​เมือง​เล็ก​ พวก​คน​เฒ่าคนแก่​คน​ที่​ตาย​ก็​ตาย​ไป​ คน​ที่​ย้ายบ้าน​ก็​ย้าย​ไป​ ตอนนี้​จึงไม่มีประเพณี​การ​แวะเวียน​ไป​ถามมื้อ​ข้าม​ปี​ระหว่าง​แต่ละ​ครอบครัว​อีกแล้ว​

หน่วน​ซู่น้อย​ต้องการ​ไป​เฝ้าคืน​ที่​ชั้นหนึ่ง​ของ​เรือน​ไม้ไผ่​ อันที่จริง​ก็​ไม่ถือว่า​นาง​อยู่​อย่าง​โดดเดี่ยว​ เพราะ​ข้าง​กระถาง​ไฟที่​เด็กหญิง​ชุด​กระโปรง​ชมพู​นั่ง​อยู่​มีคน​จิ๋ว​ดอกบัว​มานอน​ฟุบ​อยู่​บน​ศีรษะ​ของ​นาง​ อ่านหนังสือ​ไป​ด้วยกัน​

เซียน​เว่ย​กิน​อาหาร​แล้วก็​รีบร้อน​ลง​จาก​ภูเขา​ เฝ้าคืน​พลาง​อ่านหนังสือ​ไป​ด้วย​เหมือนกัน​

เจิ้งต้าเฟิงคน​เฝ้าประตู​คน​ก่อน​ทิ้ง​ ‘ภูเขา​ตำรา​’ เอาไว้​ให้​ลูก​หนึ่ง​ เซียน​เว่ย​จำต้อง​ทอดถอนใจ​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​มหาสมุทร​ความรู้​ไร้​ที่​สิ้นสุด​

พี่น้อง​ต้าเฟิง​ที่​ยัง​ไม่เคย​พบ​หน้า​ผู้​นั้น​ คือ​ต้นแบบ​ของ​ความสง่างาม​แห่ง​คน​รุ่น​ข้า​ สมกับ​เป็น​เทพ​ใน​ร่าง​คน​อย่าง​แท้จริง​

ใน​เมื่อ​มาก็​มาแล้ว​ หง​เซี่ย​จึงไป​ที่​ภูเขา​หวง​หู​ เฝ้าคืน​พร้อมกับ​อวิ๋นจื่อ​อยู่​ที่​จวน​วารี​

ทาง​ฝั่งเรือน​พัก​ของ​จูเหลี่ยน​ บน​เก้าอี้นอน​ปู​ไว้​ด้วย​พรม​ผืน​เก่า​

เพียงแต่ว่า​จูเหลี่ยน​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ ใน​มือถือ​เตา​อุ่น​มือ​ ให้​เพ่​ยเซียง​นอน​บน​เตียง​หวาย​ตัว​นั้น​

เพ่​ยเซียง​นอน​อย่าง​สบายอารมณ์​ สอง​มือวาง​ทับซ้อน​กัน​เบา​ๆ ยิ้ม​จน​ดวงตา​ที่​คลอ​ประกาย​น้ำ​คู่​นั้น​หรี่​ลง​ ถามชวน​คุย​ว่า​ “กิน​อาหาร​คืน​ข้าม​ปี​ แล้ว​ค่อย​เฝ้าคืน​กับ​คนอื่น​ เป็นเรื่อง​ที่​มิอาจ​จินตนาการ​ได้​เลย​”

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​กล่าว​ “รอ​กระทั่ง​เรื่อง​ที่​สด​ใหม่​ไม่สด​ใหม่​อีกต่อไป​แล้ว​ ยัง​สามารถ​ทำ​เหมือนเดิม​ได้​อีก​ นั่น​ต่างหาก​จึงจะถือว่า​เป็นเรื่อง​ที่​มิอาจ​จินตนาการ​ได้​”

เพ่​ยเซียง​เบี่ยง​ตัว​หันข้าง​ สอง​มือวาง​ทับซ้อน​กัน​ แนบ​แก้ม​ไว้​บน​หลัง​มือ​ “ถึงอย่างไร​ตอนนี้​รอบด้าน​ก็​ไม่มีใคร​ ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​สิ?”

เพ่​ยเซียง​เห็น​ว่า​เจ้าหมอ​นี่​ไม่ยอม​คุย​ด้วย​ แสร้ง​ทำเป็น​คน​หูหนวก​เป็น​ใบ้​ก็​เอ่ย​กับ​เขา​ว่า​ “รับรอง​ว่า​จะไม่เล่น​ติก​ตุ​ก​เด็ดขาด​ แค่​ขอ​ดู​ให้​เพลิดเพลิน​ตา​สักหน่อย​”

ตา​จูเหลี่ยน​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​ไม่ลอกแลก​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “คิด​ว่า​ข้า​เป็น​นางโลม​หรือ​?”

เพ่​ยเซียง​ขุ่นเคือง​ ถลึงตา​เอ่ย​ว่า​ “พูด​อะไร​น่ะ​ ทำให้​ข้า​สะอิดสะเอียน​ก็​ช่างเถอะ​ ไหน​เลย​ยังมี​คน​ที่​พูด​ให้​ตัวเอง​สะอิดสะเอียน​อย่าง​เจ้าด้วย​”

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​เฮอ​ๆ

เพ่​ยเซียง​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ “เหยียน​ฟ่าง เจ้าเล่าเรื่อง​ให้​ข้า​ฟังสัก​เรื่อง​เถอะ​?”

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ร่วน​ “เอา​อีกแล้ว​รึ​?”

เพ่​ยเซียง​บ่น​ “พูด​เรื่อง​ที่​เป็นการเป็นงาน​หน่อย​ได้​ไหม​?”

“เป็นการเป็นงาน​? นี่​ก็​ต้อง​พูดถึง​วัตถุประสงค์​ของ​ท่าน​ศาสดา​ที่​เดินทาง​มาจาก​ทิศตะวันตก​แล้ว​นะ​ หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ มีมังกร​คชสาร​ของ​ลัทธิ​พุทธ​มากมาย​ขนาด​นั้น​ ก็​ยังมี​คัมภีร์​แค่​เล่ม​เดียว​เอง​นะ​”

จูเหลี่ยน​คิด​แล้วก็​พูด​เรื่อยเจื้อย​ต่อ​อี​กว่า​ “เพ่​ยเซียง​ เจ้าน่าจะ​รู้​ว่า​ศาสดา​ของ​สำนัก​ฌาน​ (หรือ​ฉาน​ นิกาย​เซน​) อันที่จริง​อยู่​ที่​ดินแดน​พุทธะ​สุขาวดี​ หาก​ใช้การ​แบ่งแยก​ตาม​ประสบการณ์​และ​ความ​อาวุโส​ที่​มนุษย์​ธรรมดา​อย่าง​พวกเรา​ชอบ​ใช้กัน​ อันที่จริง​ก็​คือ​ศาสดา​อันดับ​ที่​ยี่สิบ​แปด​? อืม​ หน้าตา​มึนงง​เช่นนี้​ ดูท่า​เจ้าคงจะ​ไม่รู้​สินะ​ เมื่อก่อน​ตอนที่​ข้า​อยู่​ใน​พื้นที่​มงคล​บ้านเกิด​เคย​อ่าน​นิยาย​เรื่อง​เทพ​และ​มาร​เล่ม​หนึ่ง​ ไม่รู้​ว่า​ใคร​เป็น​คน​แต่ง​ อ่าน​ตอนแรก​เหมือน​จะเลื่อมใส​ศาสนาพุทธ​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ด้อยค่า​ศาสนาพุทธ​ ส่วน​ตอนนี้​มาย้อน​นึกดู​อีกครั้ง​กลับ​บอก​ได้​ยาก​แล้ว​ คงจะ​พูดถึง​ภิกษุ​คน​หนึ่ง​จาก​แผ่นดิน​กลาง​ที่ตั้ง​ปณิธาน​ยิ่งใหญ่​ว่า​จะไป​เอา​คัมภีร์​พระไตรปิฎก​มาจาก​ชมพูทวีป​ ตลอด​ทางผ่าน​หายนะ​ภัยพิบัติ​มากมาย​ สุดท้าย​ถูก​ศาสดา​พุทธ​และ​ศาสดา​แรก​ ศาสดา​รอง​ของ​ลัทธิ​ฌาน​ใน​ภายหลัง​มอบ​คัมภีร์​ไร้​ตัวอักษร​มาให้​ ภิกษุ​ผู้​นั้น​จึงใช้วัตถุ​ที่​ล้ำค่า​บน​ร่าง​ของ​ตัวเอง​เอา​มาแลกเปลี่ยน​กับ​ ‘คัมภีร์​ที่​แท้จริง​’ อีกครั้ง​ ตอนนั้น​ข้า​เป็น​แค่​เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ ไม่รู้ความ​ อ่าน​ตำ​รามา​ไม่มาก​ พอ​อ่าน​มาถึงตรงนี้​ก็​นึก​อยาก​จะลากตัว​เจ้าคน​ ‘นิรนาม​’ ที่​น่ารังเกียจ​ผู้​นั้น​ออกมา​ซ้อม​สักรอบ​ รู้สึก​เพียง​ว่า​กว่า​ข้า​ผู้อาวุโส​จะฝืน​นิสัย​อดทน​อ่าน​จนถึง​ช่วง​ท้าย​ได้​ไม่ง่าย​เลย​ เจ้าที่​เป็น​คน​แต่งเรื่อง​ กลับ​กลายเป็น​ว่า​ให้​ข้า​ได้​อ่าน​เรื่อง​พวก​นี้​? รอ​กระทั่ง​ข้า​ถึงวัยกลางคน​ถึงเพิ่ง​ค้นพบ​ความหมาย​ที่ซ่อน​อยู่​ภายใน​ ไม่พูด​ไม่ได้​ว่า​ชวน​ให้​ขบคิด​ยาวนาน​เหลือเกิน​ คัมภีร์​ไร้​ตัวอักษร​เล่ม​ที่​ภิกษุ​ผู้​นั้น​ได้มา​ตอนแรก​ เป็น​ของปลอม​แน่​หรือ​? คัมภีร์​แท้จริง​ที่​มีตัวอักษร​ซึ่งได้มา​ใน​ภายหลัง​เป็น​ของจริง​แน่​หรือ​? ต้อง​รู้​ว่า​สาย​ของ​สำนัก​ฌาน​ไม่ใช้ตัวอักษร​ เพื่อ​ที่​คนนอก​สาย​จะได้​เอา​ไป​สืบทอด​ต่อ​ไม่ได้​ เพียงแต่​รอ​กระทั่ง​อายุ​ของ​ข้า​เพิ่มขึ้น​อีก​ก็​มีคำถาม​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ว่า​ คง​ไม่เป็น​เพราะว่า​ตอนนั้น​ภิกษุ​ผู้​นั้น​ก็​มอง​ปัญหา​ยาก​ข้อ​นี้​ออก​แล้ว​ เพียงแต่​เพราะว่า​คน​คนเดียว​บรรลุ​ธรรม​ไม่สู้ให้​สรรพ​ชีวิต​บรรลุ​ธรรม​? สำหรับ​คน​ทั่วไป​แล้ว​ บางที​อาจ​ยัง​ต้อง​ใช้ลำดับ​และ​ขั้นบันได​บางอย่าง​ เหมือน​การ​ปู​ถนน​สร้าง​สะพาน​? ดังนั้น​เจ้าเห็น​หรือไม่​ว่า​ สำนัก​ฌาน​ของ​โลก​ยุค​หลัง​จึงมีความขัดแย้ง​เรื่อง​ระบบ​สืบทอด​ดั้งเดิม​ของ​ตำแหน่ง​หก​ศาสดา​ไม่ใช่หรือ​ แบ่ง​ออก​เป็น​สาย​ตระหนัก​รู้​อย่าง​ฉับพลัน​ของ​สำนัก​ใต้​และ​สาย​ค่อยๆ​ ตระหนัก​รู้​ของ​สำนัก​เหนือ​? แม้จะบอ​กว่า​คน​มีการ​แบ่ง​สำนัก​เหนือ​ใต้​ แต่​ธรรมะ​ไม่อาจ​แบ่ง​เหนือ​ใต้​ได้​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​มีการ​แบ่งแยก​ระหว่าง​ฉับพลัน​กับ​เชื่องช้า​ ได้ยิน​มาว่า​สถานที่​บางแห่ง​ที่​เรียก​ว่า​ ‘ยุทธ​จักร​’ ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ด้านล่าง​ภูเขา​หนัน​ผิง​มีวัด​โบราณ​เก่าแก่​เป็น​พันปี​อยู่​แห่ง​หนึ่ง​ มีกรอบ​ป้าย​คำ​ว่า​ ‘สรรพสิ่ง​’ ล้วน​เท่าเทียม​ ช่างดี​จริงๆ​”

เพ่​ยเซียง​ฟังอย่าง​ตั้งใจ​

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ทุกอย่าง​คือ​ธรรมะ​ ประหนึ่ง​ความฝัน​ประหนึ่ง​ภาพมายา​ฟองอากาศ​ ประหนึ่ง​น้ำค้าง​ประหนึ่ง​สายฟ้า​ ไม่ควร​ยึดมั่น​อยู่​กับ​สิ่งใด​”

เพ่​ยเซียง​ยิ้ม​กล่าว​ “ประโยค​นี้​ข้า​พอ​จะเข้าใจ​อยู่​บ้าง​”

จูเหลี่ยน​ส่ายหน้า​ “พวกเรา​แค่​เคย​ได้ยิน​มาเท่านั้น​ ไม่เคย​ได้​เข้าใจ​อย่าง​แท้จริง​”

เพ่​ยเซียง​ยิ้ม​ตอบ​ “เจ้าว่า​อย่างไร​ก็​เป็น​ตามนั้น​”

จูเหลี่ยนยก​เตา​อุ่น​มือ​ใน​มือขึ้น​ “ทดสอบ​เจ้าสัก​ข้อดี​ไหม​? ดอกไม้​ (ฮวา​) อะไร​เติบโต​อยู่​ใต้ดิน​”

เพ่​ยเซียง​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​เป็น​คำถาม​ลี้ลับ​ที่​ต้อง​ไข​ปริศนาธรรม​ จึงส่ายหน้า​แสดงว่า​ไม่รู้​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​กลาย​เป็นที่​หัวเราะเยาะ​

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​เอ่ย​ “ก็​ดอก​ฮวา​เซิง (ถั่วลิสง​ คือ​การเล่นคำ​ คำ​ว่า​ฮวา​คำ​เดียว​จะหมายถึง​ดอกไม้​ แต่​ถ้าฮวา​เซิงจะหมายถึง​ถั่วลิสง​) อย่างไรเล่า​”

เพ่​ยเซียง​อึ้ง​งัน​พูดไม่ออก​

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ร่วน​ “ยังคง​เป็น​หมี่​ลี่​น้อย​ของ​พวกเรา​ที่​ร้ายกาจ​”

“อะไร​คือ​หนึ่ง​ใน​เรื่อง​ที่​งดงาม​ของ​โลก​มนุษย์​ แต่​กลับเป็น​ไม่ใช่ทิวทัศน์​ที่​งดงาม​สบาย​ตา​ที่สุด​ เจ้าลอง​เดา​ดู​สิว่า​เป็นเรื่อง​อะไร​?”

จูเหลี่ยน​ถามเอง​ตอบ​เอง​ “คือ​การ​งีบหลับ​เอาแรง​”

หลังจากที่​เรือ​ข้าม​ทวีป​ลำ​หนึ่ง​เดิน​ทางข้าม​ทวีป​ก็​คล้าย​กับ​ว่า​ได้​มีภูเขา​เล็ก​ลูก​ใหม่​เพิ่ม​มา โจว​หมี่​ลี่​ ไฉอู๋​ ป๋า​ย​เสวียน​ ซุน​ชุน​หวัง​ พวกเขา​อยู่​ด้วยกัน​จน​สนิทสนม​คุ้นเคย​กัน​มาก​แล้ว​

หาก​ใช้คำกล่าว​ของ​ป๋า​ย​เสวียน​ก็​คือ​ แม่นาง​น้อย​ตาปลา​ตาย​อย่าง​ซุน​ชุน​หวัง​ผู้​นี้​ มีเพียง​อยู่​กับ​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ของ​พวกเรา​เท่านั้น​ถึงจะมีรอยยิ้ม​ที่​น่าเกลียด​ยิ่งกว่า​ร้องไห้​ได้​

อยู่​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ หมี่​ลี่​น้อย​ที่​แอบ​ตั้ง​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ผู้​ตรวจตรา​ภูเขา​ให้​กับ​ตัวเอง​ จะต้อง​เดิน​ลาดตระเวน​ภูเขา​เช้าเย็น​สอง​ครั้ง​ทุกวัน​ ต่อให้​ฟ้าผ่า​ก็​ไม่มีสะเทือน​

พอ​มาถึงยอดเขา​มี่เซวี่ย​ของ​ภูเขา​เซียน​ตู​ หมี่​ลี่​น้อย​ก็​จะไป​ที่​เรือ​เฟิงยวน​สอง​ครั้ง​เช้าเย็น​เหมือนกัน​ แต่​ไม่เหมือนกับ​ตอน​อยู่​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​นัก​ ตอน​อยู่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​หลังจาก​ลาดตระเวน​ภูเขา​เสร็จ​จะต้อง​ไป​เที่ยวหา​พวก​เผย​เฉียน​ พี่​หญิง​หน่วน​ซู่ พอ​มาอยู่​ที่​ภูเขา​เซียน​ตู​กลับ​ไป​เดิน​วน​อยู่​รอบ​เรือ​เฟิงยวน​ที่​จอด​เทียบท่า​อยู่​ที่​ท่าเรือ​

แม่นาง​น้อย​ชุด​ดำ​คน​หนึ่ง​สะพาย​ห่อ​ผ้าฝ้าย​ บน​บ่า​แบก​คาน​หาบ​สีทอง​ ใน​มือถือ​ไม้เท้า​เดินป่า​สีเขียว​ แล้วก็​ไม่ขึ้นไป​บน​เรือ​ แค่​หาเรื่อง​สนุก​ให้​ตัวเอง​ทำ​รอบ​ๆ ตัว​เรือ​ แทะ​เมล็ด​แตง​ วาง​หิน​ซ้อน​กัน​ กระโดด​ข้าม​ช่อง​ ทุกวัน​ตอน​เช้าตรู่​จะลง​จาก​ภูเขา​ พอ​ถึงตอนเที่ยง​ก็​จะกลับ​ภูเขา​ไป​กินข้าว​หนึ่ง​มื้อ​ กินข้าว​เสร็จ​ก็​จะวิ่ง​ตะบึง​ลง​จาก​ภูเขา​ไป​อีก​

ป๋า​ย​เสวียน​มักจะ​ลง​จาก​ยอดเขา​มี่เซวี่ย​ไปเป็นเพื่อน​หมี่​ลี่​น้อย​เป็นประจำ​ ไป​เดินเล่น​เตร็ดเตร่​อยู่​ที่​ท่าเรือ​ แต่​ก็​ไม่ขัดต่อ​การ​ที่​เขา​จะอ้า​ปาก​บ่น​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​ปิด​ด่าน​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​ตัวเอง​ เจ้าจะกังวล​อะไร​ ไม่พูดถึง​ห่าน​ขาวใหญ่​กับ​เผย​เฉียน​ ลำพัง​แค่​คน​ที่มา​เป็น​แขก​ที่​ภูเขา​ของ​พวกเรา​ก็​มีกั่ว​หรา​น​แห่ง​ภูเขา​ต้นไม้​เหล็ก​แผ่นดิน​กลาง​ เย่อ​วิ๋นอวิ๋น​แห่ง​เรือ​นอ​วิ๋น​ฉ่าว​ภูเขา​ผู​ซาน​ และ​ยังมี​หวง​ถิงแห่ง​ภูเขา​ไท่​ผิง​ พวกเขา​แต่ละคน​ มีใคร​บ้าง​ที่​ต่อสู้​ไม่เก่ง​? ใคร​จะกล้า​มารบกวน​การ​ปิด​ด่าน​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​ที่​ภูเขา​เซียน​ตู​ของ​พวกเรา​? วัน​สิ้นปี​อย่างนี้​ คง​ไม่ถึงขั้น​มีใคร​อยาก​มาหาเรื่อง​ถูก​ซ้อม​ที่นี่​หรอก​กระมัง​?

หมี่​ลี่​น้อย​เพียงแค่​ยิ้ม​กว้าง​ แล้วก็​ไม่ได้​อธิบาย​อะไร​

ภายหลัง​ป๋า​ย​เสวียน​บ่น​มาก​เข้า​ หมี่​ลี่​น้อย​ก็​ยัง​ไม่รำคาญ​ เพียงแค่​ทำท่า​เหมือน​ได้​ความคิด​ดี​ๆ กะทันหัน​ เอ่ย​กับ​ป๋า​ย​เสวียน​ว่า​ “คนเรา​ง่าย​ที่จะ​ทำ​เรื่อง​ดี​ แต่​ไม่ง่าย​ที่จะ​ได้รับ​คำพูด​ดี​ๆ นะ​”

ตอนนั้น​ป๋า​ย​เสวียน​เอา​สอง​มือ​สอด​รอง​ไว้​ใต้​ท้ายทอย​ เดิน​อาด​ๆ ไป​บน​ถนน​ เอ่ย​อย่าง​ประหลาด​ใจมากว่า​ “ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​เข้าใจ​เรื่องราว​และ​ผู้คน​ได้​มาก​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​?”

หมี่​ลี่​น้อย​ร้อง​ฮ่าหนึ่ง​ที​

เป็น​พี่​หญิง​หน่วน​ซู่ที่​พูด​ ยืม​เอา​มาใช้สักหน่อย​

ป๋า​ย​เสวียน​อดไม่ไหว​ถามขึ้น​มาอี​กว่า​ “ใน​เมื่อ​รีบร้อน​เดินทาง​ จะไป​เดินเล่น​ที่​เรือข้ามฟาก​ ทำไม​แม้แต่​ขึ้น​เขา​และ​ลง​เขา​ก็​ไม่ใช้การ​ทะยาน​ลม​เล่า​?”

หมี่​ลี่​น้อย​อธิบาย​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ว่า​ “ทะยาน​ลมบน​ฟ้า นั่น​คือ​การ​มอง​ภูเขา​ ไม่ใช่ลาดตระเวน​ภูเขา​นะ​”

ป๋า​ย​เสวียน​คิด​อยู่​พักใหญ่​ก็​ยัง​หา​คำพูด​มาโต้เถียง​ไม่ได้​

วันนี้​ป๋า​ย​เสวียน​หยุด​การ​ฝึก​กระบี่​บน​ภูเขา​แล้วก็​ทะยาน​ลม​มาจาก​ยอดเขา​มี่เซวี่ย​ มานั่ง​แทะ​เมล็ด​แตง​อยู่​บน​ราว​รั้ว​ของ​ท่าเรือ​กับ​หมี่​ลี่​น้อย​ อยู่​นาน​ถึงหนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ตั้งแต่​พระอาทิตย์​เริ่ม​ตก​จน​ท้องฟ้า​มืดสนิท​ ป๋า​ย​เสวียน​เงยหน้า​มอง​ท้องฟ้า​ เอ่ย​ว่า​ “ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ เจ้าจะกลับ​ขึ้น​ภูเขา​ไป​เมื่อไหร่​?”

ตาม​ความหมาย​ของ​ห่าน​ขาวใหญ่​ตัว​นั้น​ หาก​วันนี้​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​กลับมา​ที่​ภูเขา​เซียน​ตู​ พวกเรา​ก็​จะกิน​อาหาร​มื้อ​คืน​ข้าม​ปี​กัน​ ไม่อย่างนั้น​ก็​เหลือ​ค้าง​เอาไว้​ก่อน​

หมี่​ลี่​น้อย​เกา​หน้า​ เอ่ย​ว่า​ “วันนี้​ข้า​คิด​ว่า​จะกลับ​ไป​ช้าสักหน่อย​”

ป๋า​ย​เสวียน​กล่าว​ “ข้า​ต้อง​ขึ้น​เขา​ไป​ฝึก​กระบี่​แล้ว​ เจ้ากลับ​ไป​คนเดียว​ ไม่กลัว​หรือ​?”

หมี่​ลี่​น้อย​หัวเราะ​ฮ่าๆ ป๋า​ย​เสวียน​เดี๋ยวนี้​เจ้ารู้จัก​พูดตลก​แล้ว​นะ​

ป๋า​ย​เสวียน​กลับ​ไป​ก่อน​แล้ว​ เขา​ทำ​มุทรา​ขี่​กระบี่​กลับคืน​สู่ยอดเขา​มี่เซวี่ย​อย่าง​สง่างาม

ทาง​ฝั่งของ​ยอดเขา​หมี่​เซวี่ย​ กั่ว​หรา​น​เซียน​เห​ริน​แห่ง​ภูเขา​ต้นไม้​เหล็ก​ที่​มีฉายา​ว่า​ ‘หลง​เห​มิน’​ กับ​หวง​ถิงต่าง​ก็​สัมผัส​ได้​อย่าง​เฉียบ​ไว​ในเวลาเดียวกัน​ว่า​ทาง​ฝั่งของ​ท่าเรือ​มีปณิธาน​กระบี่​ที่​บริสุทธิ์​เฉียบคม​อย่าง​ถึงที่สุด​ขุม​หนึ่ง​โผล่​ขึ้น​มา เพียงแต่ว่า​แค่​ครู่เดียว​ก็​สลาย​หาย​ไป​

ผู้ฝึก​กระบี่​เซียน​เห​ริน​คน​หนึ่ง​และ​หยก​ดิบ​คน​หนึ่ง​ ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​รู้สึก​ประหลาดใจ​อย่าง​มาก​ นี่​เพิ่งจะ​ปิด​ด่าน​ได้​แค่​กี่​วัน​เอง​? หมี่​อวี้​ผู้​นั้น​ไม่เพียงแต่​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​สำเร็จ​ ยัง​ทำสำเร็จ​ได้​เร็ว​ถึงเพียงนี้​อีกด้วย​ มีภาพ​บรรยากาศ​ของ​การ​สร้าง​ความมั่นคง​ให้​ขอบเขต​ได้​แล้ว​?

คน​ผู้​หนึ่ง​ปลงอนิจจัง​ว่า​เซียน​กระบี่​หมี่​ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ใน​ท้องถิ่น​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

อีก​คน​หนึ่ง​เอ่ย​ชื่นชม​หมี่​อวี้​ว่า​ไม่เสียที​ที่​มีฉายา​ว่า​หมี่​ผ่า​เอว​ มิน่าเล่า​ถึงสามารถ​เข้าไป​อยู่​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ได้​

เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​ที่​สวม​ชุด​คลุม​ยา​วสี​ขาว​หิมะ​เดิน​ออก​มาจาก​ห้อง​ใน​ตัว​เรือ​ เงยหน้า​มอง​ไป​ยัง​เรือน​หลัง​หนึ่ง​บน​ยอดเขา​มี่เซวี่ย​ก็​ต้อง​อึ้ง​ตะลึง​ไป​ จากนั้น​หมี่​อวี้​ก็​รีบ​ถอน​สายตา​กลับมา​ทันที​ แล้วก็​เห็น​เงาร่าง​เล็ก​ๆ ที่​เล่น​กระโดด​ข้าม​ช่อง​อยู่​ใกล้​กับ​ท่าเรือ​เพียงลำพัง​จริง​ดัง​คาด​

สีหน้า​ของ​หมี่​อวี้​เปลี่ยน​มาเป็น​อ่อนโยน​ทันที​

ดีด​ปลายเท้า​เบา​ๆ หนึ่ง​ครั้ง​ พลิ้ว​กาย​ไป​ทาง​แม่นาง​น้อย​ชุด​ดำ​ แล้วก็​ไม่กลัว​ว่า​จะทำให้​นาง​ตกใจ​ ลด​เรือน​กาย​ลง​ใน​จุด​ที่​ห่าง​จาก​ตรงหน้า​นาง​ไป​ไม่ไกล​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ ทำ​อะไร​น่ะ​ ดึก​ขนาด​นี้​แล้ว​ยัง​ลาดตระเวน​ภูเขา​อยู่​อีก​หรือ​?”

หมี่​ลี่​น้อย​วิ่ง​เร็ว​ๆ มาหยุด​อยู่​ตรงหน้า​หมี่​อวี้​ด้วย​สีหน้า​สดใส​ “เซียน​กระบี่​ใหญ่​หมี่​ บังเอิญ​จังเลย​ ข้า​กำลังจะ​กลับ​ยอดเขา​มี่เซวี่ย​แล้ว​ หาก​ท่าน​ช้ากว่า​นี้​อีก​สักหน่อย​ แค่​นิดเดียว​เท่านั้น​ ก็​จะไม่เห็น​ข้า​ที่นี่​แล้ว​ ได้​แต่​ไป​เจอกัน​บน​ภูเขา​เท่านั้น​”

หมี่​อวี้​เอ่ย​อย่าง​กระจ่างแจ้ง​ “ที่แท้​ก็​เป็น​แบบนี้​นี่เอง​ บังเอิญ​จังเลย​ บังเอิญ​จังเลย​”

มอง​แม่นาง​น้อย​ที่​ทำท่า​อยาก​ถามแต่​ไม่กล้า​ถาม หมี่​อวี้​ก็​ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ในที่สุด​ก็​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​แล้ว​”

หมี่​ลี่​น้อย​กอด​คาน​หาบ​สีทอง​และ​ไม้เท้า​เดินป่า​สีเขียว​ไว้​ใน​อ้อม​อก​ทันใด​ ยก​นิ้วโป้ง​ทั้งสอง​มือ​ ร้อง​ว้าว​เสียงดัง​ “ร้ายกาจ​ ร้ายกาจ​!”

หนึ่ง​คน​ตัว​โต​หนึ่ง​คน​ตัวเล็ก​เดิน​ไป​ทาง​ภูเขา​เซียน​ตู​ด้วยกัน​ช้าๆ

หมี่​อวี้​ถามว่า​ “หมี่​ลี่​น้อย​ เจ้ารู้​หรือ​ไหม​ว่า​ทุกคน​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ แน่นอน​ว่า​รวมถึง​ตัว​ข้า​ด้วย​ พวกเรา​ต่าง​ก็​ชอบ​เจ้ามาก​เลย​นะ​?”

ฝีเท้า​ของ​หมี่​ลี่​น้อย​แผ่วเบา​ว่องไว​ ไหล่​โยก​ซ้าย​ที​ขวา​ที​ “ต้อง​รู้​อยู่แล้ว​สิ”

หัว​กบาล​น้อย​ๆ นี้​ของ​ข้า​เฉลียวฉลาด​มาก​นะ​

หมี่​อวี้​พยักหน้า​รับ​ “แบบนี้​เอง​หรือ​”

หมี่​ลี่​น้อย​ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “แต่ว่า​ถูก​คน​ชอบ​เป็นเรื่อง​ที่​หา​ได้​ยาก​แล้วก็​ต้อง​ทะนุถนอม​เห็น​ค่า​ให้​มาก​เลย​นะ​ ยาก​กว่า​ไม่ถูก​คน​รังเกียจ​เสีย​อีก​ ดังนั้น​จึงไม่ใช่เรื่อง​ที่จะ​เอา​มาโอ้อวด​กัน​ได้​ ควรจะ​เป็นเรื่อง​ดีใจ​ที่​แอบ​เก็บ​ซ่อน​ไว้​ใน​ใจเท่านั้น​ บางครั้ง​ที่​อารมณ์ไม่ดี​ พอ​เปิด​ประตู​ก็​จะมีความสุข​ พอ​เปิด​ประตู​ก็​จะอารมณ์​ดีแล้ว​ ดังนั้น​ถึงได้​เรียก​ว่า​ ‘ดีใจ​’ (ดีใจ​ภาษาจีน​อ่าน​ว่า​ไค​ซิน​ แต่​ถ้าแปล​ตรงตัว​คือ​เปิดใจ​ ซึ่งว่า​ไค​เป็น​คำ​เดียว​กับ​คำ​ว่า​ไค​เห​มิน​ที่​แปล​ว่า​เปิด​ประตู​) อย่างไรเล่า​”

——