กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1089.6 การแก้แค้นคือการดื่มเพียงลาพัง
หม่าชวนขมวดคิ้วมุ่นไม่คลาย ขดตัวอยู่ในมุมบนเตียงเตา ถอน หายใจเฮือกๆ ไม่หยุดนอกห้องคือหิมะใหญ่ตกกระหน่าฟ้ าดินเยียบ เย็น เขากระชับเสื้อคลุมขนเดียวตัวเก่าบนร่างสภาพความเป็ นอยู่ที่ บ้านมีแค่กาแพงสี่ด้าน บนโต๊ะมีตะเกียงน้ามันที่แผ่แสงไฟเหลืองจาง สลัวรางอยู่ดวงหนึ่ง มีสตรีออกเรือนแล้วกาลังปะชุนเสื้อผ้าเก่าขาด อยู่ใต้แสงไฟ โชคดีที่บนโต๊ะยังมีอาหารอุดมสมบูรณ์ที่ไม่ได้พบเห็น บ่อยอยู่ ไม่สอดคล้องกับสภาพชีวิตของเขา เป็ นภรรยาที่หามาได้ จากการเป็ นคนเย็บผ้าให้กับตระกูลใหญ่ เจ้าของบ้านมักจะได้ ต้อนรับแขกที่เป็ นขุนนางและชนชั้นสูงเป็ นประจา ในตระกูลมักจะมี การจัดงานเลี้ยงใหญ่ อาหารที่กินเหลือจึงยกให้นางเอากลับมาบ้าน จะดีจะชั่วหม่าชวนก็เป็ นอาจารย์สอนหนังสือในโรงเรียนที่สอบติด เป็ นถงเซิง เขาจึงหยิ่งในศักดิ์ศรี กินอาหารที่เหลือเหมือนเศษทาน พวกนี้ไม่ลง แล้วนับประสาอะไรกับที่….เขาเหลือบตามองสตรีออก เรือนแล้วด้วยสายตาเย็นชา แล้วนับประสาอะไรกับที่ในนามนางเป็ น คนเย็บผ้าให้กับตระกูลใหญ่แห่งนั้น แต่แท้จริงแล้วกลับมีสัมพันธ ์กับ เจ้าเฒ่าอัปลักษณ์วัยหกสิบปี ผู้นั้น นางสกปรกยิ่งนัก และยังมีคา นินทาของพวกเพื่อนบ้านที่ยิ่งไม่น่าฟัง ว่ากันว่าที่นั่นแทบจะเปิดช่อง ที่คนเข้าไม่ต้องจ่ายเงินได้อยู่แล้วสัมผัสได้ถึงสายตาของบุรุษ สตรีที่ เพ่งสายตามองมากัดริมฝีปากแล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง ไม่เอ่ยอะไร
ลมหิมะนอกห้องพัดวูบไหว อาหารบนโต๊ะเย็นชืดไปนานแล้ว สตรีออกเรือนแล้วที่มีนามว่าชิวจวินผินหน้าไปอีกทาง น้าตากลิ้งตก ลงข้างแก้ม หัวใจของนางคล้ายจะเยียบเย็นขึ้นอีกหลายส่วน
นางหันหลังให้บุรุษ ยกมือขึ้นเช็ดน้าตา ก่อนที่จะแข็งใจเอ่ยเสียง เบาว่า “ท่านพี่ นายท่านจ้าวอยากจะขอให้ท่านไปเป็ นอาจารย์สอน หนังสือที่โรงเรียนส่วนตัว หากท่านไม่ยินดีพรุ่งนี้ข้าจะปฏิเสธไป”
ดวงตาหม่าชวนเป็ นประกาย กระแอมอยู่สองสามที ขยับตัวมาที่ ริมขอบเตียง ทิ้งสองเท้าลงมา ปลายเท้าสอดเข้าไปในรองเท้าผ้าฝ้ าย ฟีบแบนที่เย็นราวกับแท่งน้าแข็ง เขาสะดุ้งเยือก ก่อนจะเปิดปากพูด เนิบช ้าว่า “หากไม่ได้สอบติดตาแหน่งดีๆ สร ้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ ตระกูล ก็ต้องได้เปิดโรงเรียนสอนหนังสือ ถ่ายทอดวิชาไขข้อข้องใจ ล้วนเป็ นอาชีพที่ถูกต้องจริงจังของบัณฑิตอย่างพวกเรา ใช่แล้ว ชิวจ วิน นายท่านจ้าวได้พูดเรื่องราคาหรือไม่”
สตรีเอ่ยเสียงแผ่วต่า “ทุกเดือนได้เงินเดือนแปดเฉียน หากเป็ น ช่วงเทศกาลปีใหม่ยังมีของแดงให้อีกเพิ่มเติม”
หม่าชวนหัวเราะจนใบหน้าแทบจะบิดเบี้ยว น้าเสียงของเขายัง เป็ นปกติ อืมรับเบาๆ“พอใช้ได้ ถือว่าเหมาะสมแล้ว”
เดินมาที่โต๊ะ หม่าชวนมองเนื้อปลาและอาหารจานอื่นๆ ที่เย็นชืด แล้ว ทอดถอนใจเอ่ยว่า “เพียงแต่ไม่รู ้ว่าน้องชายที่นับตั้งแต่เด็กมาก็ ชอบรากระบี่กระบองของข้าคนนั้น ทุกวันนี้อยู่ในกองทัพชายแดน
เป็ นอย่างไรบ้างแล้ว หากได้ตาแหน่งขุนนางมาเป็ นสักครึ่งตาแหน่งก็ ถือว่าเขาไม่ผิดต่อบรรพบุรุษแล้ว”
สตรีหลุบตาลงต่า ไม่รู ้ว่าคิดถึงเรื่องเก่าอะไรอยู่ นางหน้าแดง เล็กน้อย ภายใต้แสงไฟดวงหน้านั้นจึงมีสีสันความงามเพิ่มมาหลาย ส่วน
หม่าชวนเคี้ยวเนื้อปลาที่ยากจะกลืนลงคอ แต่เขาก็ยังคงกินราว กับว่ามันเอร็ดอร่อยมาก แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มเอ่ยว่า “หึ แซ่สกุลของพวกเรา สองพี่น้องอาจจะเป็ นแซ่ของแคว้นก็ได้ ออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอก ไม่ว่าพบเจอใครก็ไม่จ าเป็ นต้องพูดถ้อยค า “ถ่อมตัว”
หม่าเช่อโอรสสวรรค์ในทุกวันนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็ นฮ่องเต้ แห่งยุคผาสุก ตอนที่อายุยังน้อยก็มานะหมั่นเพียรในการปกครอง บ้านเมือง พออายุถึงวัยกลางคนก็เริ่มโลภมากในการเสพสุข ทว่าขุน นางบุ๋นแม่ทัพบู๊ที่อยู่ในแคว้นต่างก็เป็ นผู้กล้ามากความสามารถ ก่อน หน้านี้ไม่นานได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่ชายแดน ฮ่องเต้ก็เพิ่งจะแต่งตั้ง แม่ทัพบู๊ที่คุณูปการเลิศล้าคนหนึ่งเป็ นกง ทั้งยังมอบตาแหน่งจ้วง หยวนหญิงให้กับเด็กสาวคนหนึ่ง ทั้งไม่มีภัยภายในแล้วก็ไม่มีภัย ภายนอก เขาก็ยิ่งมักมากในกามไม่รู ้จักพอ นอกจากฮองเฮาที่อายุ ใกล้เคียงกับเขาซึ่งเป็ นเพียงเครื่องประดับแล้ว สนมชายาทุกคนในวัง หลวงนับตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ตอนอายุยังน้อยล้วนเป็ นสตรีโต เต็มวัย ตอนกลางวันมั่วสุมในกาม เริงรักอย่างเร่าร ้อน วันนี้ฮองเฮา เรียกฮูหยินเก้ามิ่งกลุ่มหนึ่งมาเข้าเฝ้ า ฮ่องเต้ที่รอมานานมากแล้วจึง
ใช ้แล้ปัดฝุ่ นด้ามหยกเลิกผ้าม่านขึ้นเบาๆ เห็นสตรีวัยกลางคน หน้าตางดงามรูปร่างแตกต่างกันไป ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวก็คือ จ้วงหยวนหญิงคนนั้น ฮองเต้คลี่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่าพี่สาวทุกท่านถอด เสื้อผ้ากันได้เลย เหล่าสตรีออกเรือนแล้วไม่รู ้สึกประหลาดใจกับเรื่อง นี้ บ้างคนก็ฝืนยิ้มเอาใจ บางคนก็เชื้อเชิญเย้ายวน มีเพียงเด็กสาวคน นั้นที่มองฮ่องเต้อย่างเหม่อลอยใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความ เหลือเชื่อ ใบหน้าใบหูแดงก่า เพียงแต่ไม่รู ้ว่าเหตุใดนางถึงมิอาจเปิด ปากพูดได้ เด็กสาวเจ็บแค้นใจถึงขีดสุด ยื่นนิ้วชี้ไปที่ฮ่องเต้ แล้วจึงชี้ มาที่ตัวเอง ร ้องอืออาเพราะไม่อาจส่งเสียงพูด ฮ่องเต้รู ้สึกสนใจ หัวเราะชอบใจ เดินก้าวเร็วๆ ไปหาเด็กสาวที่ทั้งรูปร่างและหน้าตาล้วน งดงามโดดเด่น วันนี้จะยอมแหกกฎให้นางสักครั้ง หลังจากลมฟ้ าลม ฝนผ่านไป รอกระทั่งฮ่องเต้วัยกลางคนนอนหลับไปแล้ว เด็กสาวคน นั้นก็ยื่นมือไปบีบคอฮ่องเต้จนอีกฝ่ ายตายคาที่ แล้วนางถึงได้ผูกคอ ตายตามไป
คนตายเหมือนนอนหลับใหญ่ตื่นหนึ่ง ฮ่องเต้หม่าเช่อพลันสะดุ้ง ตื่นจากฝัน ในมือถือคันฉ่อง ทว่าใบหน้าของตนกลับเป็ นใบหน้าของ เด็กสาว เขาตกใจจนขว้างคันฉ่องทิ้งลงพื้นนาทีถัดมานางก็มาถึงวัง หลวง กวาดตามองรอบด้านอย่างมึนงง นอกจากฮองเฮาที่มีใบหน้า แก่ชรา จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วก็ยังมีฮูหยินเก้ามิ่งอีกกลุ่มหนึ่งที่ สีหน้าแตกต่างกันไป ฮ่องเต้หรือควรจะเรียกว่าจ้วงหยวนหญิงได้แต่ เบิกตากว้างมองดูม่านถูกแส้ปัดฝุ่นชิ้นหนึ่งเลิกขึ้นเบาๆ ทั้งอย่างนั้น
จวนหม่าอาเภอหย่งเจีย หม่าเหยียนประคองฉินเจิงกลับมาถึงที่ พักก็เห็นหญิงชราคนนั้นรออยู่หน้าประตู คู่สามีภรรยาก็คล้ายจะได้ กินยาสงบใจเข้าไป
หม่าเหยียนเอ่ยเสียงเบา “ไฉนผูฮูหยินถึงไม่ขัดขวางไม่ให้คนผู้ นั้นลงมือโหดเหี้ยม? แม้กระทั่งกระบี่บินส่งข่าวสามฉบับก็ยังถูกไอ้
หมอนั่นดักเอาไว้ได้”
หญิงชราใช ้เสียงในใจยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ท่านประมุขคงไม่รู ้ว่าข้า มีการเตรียมการไว้นานแล้ว หนึ่งลับหนึ่งแจ้ง ได้ส่งจดหมายลับ ออกไปทั้งหมดหกฉบับ ส่วนที่ถูกขวางไว้มีแค่กระบี่บินส่งข่าวที่อยู่ ในทางแจ้งเท่านั้น”
หม่าเหยียนเผยสีหน้าปิติยินดีทันใด ถอนหายใจหนักๆ ฉินเจิง กลับเหลือบตามองหญิงชราที่ชื่อว่าผูหลิ่วอย่างว่องไว แต่นางกลับไม่ เอ่ยอะไร
หญิงชรามีสีหน้ามืดทะมึน แค่นเสียงเย็นชา พูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉินฮูหยิน หากรู ้แต่แรกว่าศัตรูที่สกุลหม่าของพวกท่านไปมีเรื่อง ด้วยคือคนผู้นั้น ข้าคงออกจากแคว้นอวี้เซวียนไปนานแล้ว! อย่าว่า แต่แคว้นอวี้เซวียนเลย แม้กระทั่งแจกันสมบัติทวีปก็ไม่กล้าอยู่!”
ฉินเจิงเอ่ยขอโทษอย่างรู ้สึกผิด จากนั้นหยิบกุญแจพวงหนึ่งที่ มักจะพกติดตัวไว้เสมอออกมาจากชายแขนเสื้อ ให้หม่าเหยียนเปิด ประตูใหญ่ของห้องลับออก พวกเขาเดินลงบันไดไปด้วยกัน ผนัง
ตลอดเส้นทางฝังเลื่อมไว้ด้วยไข่มุกราตรีที่สามารถให้แสงสว่าง ตรา ผนึกหนาชั้น สุดท้ายเดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีขุนเขาเขียวน้าใส คล้ายเป็ นดินแดนอีกแห่งหนึ่ง นางทายาที่ซื้อมาจากร ้านยาตระกูลห ยางก่อน จิตวิญญาณก็พลันสงบนิ่งลงได้ทันทีความเจ็บปวดราวกับ หัวใจถูกคว้านหายวับไปในชั่วพริบตา จากนั้นให้หญิงชราร่ายเวท คาถาบนภูเขาก็สามารถต่อข้อมือที่ขาดกลับไปได้จริงๆ มองเห็น เลือดเนื้องอกขึ้นมาบนกระดูกขาวได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่ารอย แผลเป็ นยังคงเด่นชัด ฉินเจิงปลุกความกล้าบิดหมุนข้อมือแล้วพรูลม หายใจขุ่นมัวออกมายาวเหยียด หม่าเหยียนถามเสียงสั่นว่า “ไอ้หมอ นี่พูดจาสามหาว แค่เห็นหน้าก็บอกว่าจะฆ่าพวกเราให้ตายสี่สิบกว่า ครั้ง ผลคือตอนนี้ดันฆ่าแล้วก็ไม่ฆ่า แล้วยังปล่อยให้พวกเรามาที่นี่
เขาต้องการอะไรกันแน่?”
หญิงชราทอดถอนใจ “ผู้ฝึกตนบนยอดเขา มรรคกถาแล้งน้าใจ ใจแห่งฟ้ ายากจะคาดเดา”
หม่าเหยียนบ่นอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง “ผูฮูหยินคือเทพเซียนพสุธา ที่ฝึกตนประสบความสาเร็จ เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงให้ เอาคืนเลยหรือ?”
หญิงชรายิ้มเพื่อนเอ่ยว่า “ผู้ฝึ กตนบนภูเขา แต่ไหนแต่ไรมา ขอบเขตต่างกันก็เหมือนมีภูเขากางกั้นอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับที่ ต่อให้ข้าเป็ นขอบเขตหยกดิบ แต่มีหรือจะกล้าเรียกตัวเองว่าอยู่บน “ยอดเขา” อย่างมากสุดก็แค่เดินมาถึงกึ่งกลางภูเขาเท่านั้น ยิ่งขึ้น
ภูเขาไปสูงเท่าไรก็ยิ่งรู ้ว่าตัวเองอยู่ไกลจากแผ่นฟ้ ามากเท่านั้น คนแช่ เฉินผู้นั้น อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็ นเซียนกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิด ประลองฝีมือกับผู้ฝึกกระบี่ที่เป็ นขอบเขตเดียวกัน จะเอาโอกาสชนะ มาจากไหนได้”
หม่าเหยียนก่นด่าเสิ่นเค่อว่าเลวระยาไม่ใช่คนไปหลายประโยค กว่าจะสงบอารมณ์ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาถามหยั่งเชิงว่า “ผูฮูหยิน เสิ่นเค่อหนีไปแล้ว อวี๋ซิ่งที่อยู่ในห้องครัวก็เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่าง ทอง นางก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกันหรือ?”
หญิงชราหลุดหัวเราะพรืด “พวกนักเลงในยุทธภพที่ดีแต่สร ้าง ชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้ล้วนพึ่งพาไม่ได้ แค่ได้ยินนามของเซียน กระบี่เฉิน บุรุษไข่หด สตรีเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก”
หม่าเหยียนถาม “เจียงกุ้ย อาจารย์เจียงล่ะ? แล้วยังมีฉงฉ่างที่ แม้แต่ท่านก็ยังบอกว่าเขาอาพรางตนอย่างลึกล้าอีก? พวกเขาต่างก็ เป็ นเซียนดินโอสถทองที่มีวิชาอภินิหารแตกต่างกันไป หลายปีมานี้ ล้วนกินดื่มของของพวกเรา พอเจอเรื่องก็เอาแต่เป็ นเต่าหดหัวอยู่ใน กระดองคงไม่สมควรเท่าไรกระมัง? น่าจะออกแรงบ้างนะ?”
หญิงชราส่ายหน้า
ฉินเจิงพลันถามว่า “ผูหลิ่ว เจ้าแอบส่งกระบี่บินแจ้งข่าวออกไป จริงๆ หรือ?”
หญิงชรายิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าจริง เรื่องมาถึงขึ้นนี้แล้วข้าผู้อาวุโส จะต้องจงใจพูดขอความดีความชอบไปไย มีความหมายตรงไหน? ถูกหรือไม่ ฉินฮูหยิน?”
หม่าเหยียนพึมพา “แบบนี้ก็ดี แบบนี้ก็ดี ตลอดทางมานี้ข้าถึงเพิ่ง นึกขึ้นได้ว่าหลายปีมานี้เจ้าเด็กเหยียนซานได้พูดอยู่สองสามประโยค ในที่สุดข้าก็ขบคิดความนัยในคาพูดเขาออกแล้ว บอกว่ากิจการ บ้านเรือนที่ใหญ่โตอย่างตระกูลหม่าพวกเรา หากวันใดเจอกับด่าน ยากก็มีเพียงสัจจะที่อยู่นอกเหนือจากทรัพย์สินเงินทองและอานาจ เท่านั้นที่จะสามารถช่วยชีวิตได้ ถึงจะเป็ นยันต์คุ้มกันกายอย่างแท้จริง ฮ่องเต้ ภูเขาลู่เจียว บวกกับศาลเทพอภิบาลเมือง ขอแค่กองก าลัง ของทั้งสามฝ่ ายรู ้เรื่องของที่นี่ก็ไม่ต้องให้พวกเขาลาเอียงอะไรด้วยซ้า แล้วก็ไม่ต้องเพ้อฝันให้พวกเขาเอนเอียงเข้าหาสกุลหม่าของพวกเรา แค่ด าเนินการโดยยึดหลักความเป็ นธรรมก็พอแล้ว เจ้าเด็กชั้นต่า ตรอกหนีผิงผู้นี้อาศัยสถานะและขอบเขต ในสายตามองไม่เห็นหัว ใคร เขาประมาทมาก คิดไปว่าตัวเองวางแผนได้อย่างรอบคอบรัดกุม คิดว่าตัวเองเป็ นใครกัน หากไม่เป็ นเพราะมีควันเขียวผุดขึ้นจากหลุม บรรพบุรุษ เดินเหยียบโชคขี้หมามาได้ตลอดทาง เขาจะมีวาสนา อย่างในวันนี้ได้ไหม? ถุย….”
หญิงชราหยิบเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งออกมาจากชายแขน เสื้อ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ท่านประมุข ฉินฮูหยิน นอกจากเงินเหรียญ ทองแดงของชาวบ้านที่เพิ่งได้มาเหรียญนี้แล้วตอนนี้ข้าผู้อาวุโสก็ไม่
มีทรัพย์สมบัติอย่างอื่นอีก ถุงเงินฟี บแบนจนไม่ได้ยินเสียงเหรียญ กระทบกัน หากอยากให้ข้าช่วยขายชีวิตให้กับตระกูลหม่าของพวก ท่านต่อก็น่าจะมีการแสดงท่าทีบ้างกระมัง?”
เซียนกระบี่เฉินผู้นั้นจะปล้นก็ปล้นไปสิ ยังจะยัดเงินเหรียญ ทองแดงเหรียญนี้มาให้ข้าอีก
ฉินเจิงลุกขึ้นยืน “ผูหลิ่ว เจ้าได้เจอกับเขาแล้วหรือ?!”
หญิงชราหัวเราะเสียงต่า “ยังคงเป็ นฉินฮูหยินที่ฉลาดกว่า เหรียญทองแดงเหรียญนี้เป็ นเซียนกระบี่เฉินที่มอบให้ข้า”
ฉินเจิงถาม “ที่บอกว่าส่งกระบี่บินแจ้งข่าวออกไปได้สาเร็จก็ หลอกพวกเราสินะ?”
หญิงชราส่ายหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อน “ส่งออกไปได้แล้วจริงๆ แต่ ไม่ใช่ข้าที่ส่งออกไปเป็ นเซียนกระบี่เฉินที่ส่งไปด้วยตัวเอง ต่อหน้าต่อ ตาข้าเลย เป็ นเรื่องจริงแท้แน่นอน”
นางไม่เปลืองสมองคิดอะไรให้มากมายไปมากกว่านี้หรอก
สามารถหลุดพ้นมาจากทัณฑ์เปลวเพลิงนั้นได้ นางที่ซาบซึ้งใน พระคุณของอีกฝ่ ายก่อนหน้านี้ก็ได้โขกหัวขอบคุณเซียนกระบี่ชุด เขียวอยู่ในห้องของตัวเองไปหลายทีแล้ว
หญิงชราแบฝ่ ามือออก ยิ้มเอ่ย “เซียนกระบี่เฉินบอกแล้วว่าคู่ สุนัขชายหญิงอย่างพวกเจ้ารอดได้แค่คนเดียวเท่านั้น อีกทั้งพวกเจ้า
ยังต้องลงมือสังหารอีกฝ่ ายกับมือตัวเองด้วยเดิมทีสามีภรรยาก็คือนก ในป่าเดียวกัน ยามที่หายนะใหญ่มาเยือนก็ต่างคนต่างบินหนี หม่าเห ยียน ฉินเจิง พวกเจ้าท าตามกฎเดิมเถอะ ปรึกษากันให้ดีๆ ว่าจะท า อย่างไร ใครจะตายใครจะรอด?”
พื้นที่ประกอบพิธีกรรมเปลือกหอยแห่งนี้พลันแปรเปลี่ยนไปใน ชั่วพริบตา กลายมาเป็ นบ้านบรรพบุรุษของตรอกซิ่งฮวาในอดีต ด้าน นอกมีฝนตกกระหน่าราวฟ้ ารั่ว
เพียงแต่ว่าปีนั้นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้กลับกาลังปรึกษากัน อย่างลับๆ ว่าควรจะสังหารช่างเฉินของเตาเผามังกรบ้านตัวเอง อย่างไรดี
หญิงชราผูหลิ่วคล้ายจะกลายไปเป็ นหญิงชราหม่าหลันฮวาที่ ตอนนั้นขัดขวางลูกชายและลูกสะใภ้ว่าอย่าทาเช่นนี้
หญิงชรามีใบหน้าอมทุกข์ พูดซ้าๆ กลับไปกลับมาว่าพวกเจ้าทา เรื่องที่โหดเหี้ยมผิดศีลธรรมเช่นนี้ จะต้องโดนกรรมตามสนอง
ฉินเจิงหัวเราะหยัน “รอดคนหนึ่ง? จะรอดอย่างไร รอดได้นานแค่ ไหน?”
หม่าเหยียนคืนสติในชั่วพริบตา กล่าวด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวหนัก แน่น “คาพูดบ้าๆ แบบนี้ใครจะไปเชื่อ?”
ประตูข้างเปิ ดออกช ้าๆ คนที่เดินออกมาไม่ใช่เด็กน้อยหม่าขู่ เสวียนที่แอบฟังบทสนทนา
แต่เป็ นคนที่สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียว เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยว่า “ชอบ ที่พวกเจ้าโง่แบบนี้”
หญิงชราที่ขวางอยู่ตรงหน้าประตูเดี๋ยวก็กลายเป็ นร่างของผู้หลิ่ว เดี๋ยวก็กลายเป็ นใบหน้าของหม่าหลันฮวา นางหยิบผ้าแพรต่วนสีขาว สองผืนออกมาจากชายแขนเสื้อ พูดประโยคหนึ่งซ้าๆ ว่า “คนที่ก่อ
กรรมทาชั่วไม่ควรมีชีวิตรอด”
หญิงชราที่พึมพาอยู่กับตัวเองเอาผ้าแพรต่วนสองผืนรัดคอของ “คู่สามีภรรยาหนุ่มสาว” แล้วผูกเงื่อนตาย ก่อนจะขว้างชายผ้าอีก ด้านขึ้นสูง ให้ไปล้อมพันอยู่กับชื่อสองอันที่มองไม่เห็น ก่อนจะมัดปม อีกด้านของผ้าแพรต่วนทั้งสองผืนเข้าด้วยกัน หม่าเหยียนกับฉินเจิง ใช ้สองมือขยุ้มคว้าผ้าแพรขาว แล้วก็จาต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นพร ้อม กัน ทว่าต่อให้เป็ นเช่นนี้รองเท้าของคนทั้งสองก็ยังลอยสูงพ้นจากพื้น ไม่มากไม่น้อย แต่ละคนต่างก็ลอยพันพื้นมาประมาณหนึ่งฉือกว่า พอดี นี่หมายความว่าหากคนทั้งสองอยากจะมีใครสักคนหนึ่งที่รอด ชีวิตก็ต้องทาให้อีกคนหนึ่งตาย
ดูจากท่าทางแล้ว คนที่อยากรอดชีวิตก็ต้องดูว่าใครจะมีเรี่ยวแรง มากกว่า สามารถหยัดยืนได้มั่นคงกว่า
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ หรี่ตาเอ่ยว่า “แบบ