กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 495 คลื่นอันงดงามเทศกาลซงอวิ๋น
บทที่ 495 คลื่นอันงดงามเทศกาลซงอวิ๋น
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของเขา อาเซียงพลันรู้สึกฟุ้งซ่านและใจสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าความลับที่ลึกที่สุดที่ซ่อนอยู่ในใจเธอถูกมองเห็นเข้า
อาเซียงปิดหน้าอกของเธอโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรู้ตัวว่าเธอกำลังมีพิรุธจึงรีบลดมือลง กระแอมในคอแล้วพูดว่า “ฉันแค่ถามเฉย ๆ เท่านั้นเอง”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ก้มศีรษะลงแล้วเล่นตะเกียบในมือ
เป็นเวลาเดือนกว่าที่เธอจะมากว่างโจวสักครั้ง และทั้งสองก็ใช้เวลาร่วมกันไม่มาก เธอไม่ต้องการใช้เวลาอันมีค่านี้มาโต้เถียงกันหรอกนะ
นอกจากนี้ ไม่ว่าเธอจะอยากทะเลาะกับเขามากแค่ไหน ตามนิสัยของเฮ่ออวี้เฟิงแล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผลจะทะเลาะกับเขาได้เลย
เธอยังตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นอีก คือเธอไม่มีสถานะที่จะอารมณ์เสียกับเฮ่ออวี้เฟิงในเรื่องนี้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อกของเธอก็รู้สึกแน่นขึ้นมา
เฮ่ออวี้เฟิงใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวของราดหน้าลงในชามของเธอ และเพิ่มเนื้อวัวอีกสองสามชิ้นลงในชาม
อาเซียงมองไปยังเนื้อวัวที่วาววับในชาม แล้วได้ยินเสียงทุ้มของเฮ่ออวี้เฟิง “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าไปฟังสิ่งไร้สาระให้มันมากนัก กินเร็วเถอะ”
หลังจากประโยคสั้น ๆ อาเซียงก็เบะปากอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาคิดว่าเธอยังเป็นเด็ก แต่เธอจะเติบโตขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
ตราบใดที่เขาไม่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในใจก่อนที่เธอจะ ‘โต’ ละนะ
อาเซียงยกชามขึ้นแล้วพูดอย่างมีความสุข “ค่า”
…
ในพริบตาเดียว ลูก ๆ ของเซี่ยชิงหยวนก็อายุมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
ลูกสาวนั้นขาวและอวบ ส่วนลูกชายของเธอก็หนักกว่าตอนที่เพิ่งถูกนำกลับมาจากโรงพยาบาลมาก
พี่น้องทั้งสองชื่อเสิ่นทิงหลานและเสิ่นทิงอวิ๋นตามลำดับในวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งแปลว่า ‘คลื่นอันงดงามเทศกาลซงอวิ๋น’
บางทีเสิ่นทิงอวิ๋นอาจต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเมื่อตอนที่เขาเกิดมาจากครรภ์ของมารดา ไม่ว่าจะเป็นการเติบโต พัฒนาการ หรือการเชื่อฟัง จึงไม่ดีเท่าเสิ่นทิงหลาน
เสิ่นทิงหลานสามารถดื่มนมได้ครั้งละ 100 มิลลิลิตร แต่เสิ่นทิงอวิ๋นดื่มได้น้อยกว่า เสิ่นทิงหลานจะเรอทุกครั้งที่เธออิ่มและสามารถกล่อมให้นอนได้ง่ายมาก แต่เสิ่นทิงอวิ๋นนั้นยากมากในเรื่องนี้ เซี่ยชิงหยวนต้องใช้เวลานานในการกอดและกล่อมให้ลูกชายของเธอนอนหลับ
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยชิงหยวนเป็นเพียงคนเดียวที่ทำได้
เสิ่นอี้โจวทำได้เพียงมองดูลูกชายคนเล็กของเขาที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของภรรยาและดูดนมทุกคืนเมื่อเขาต้องการกอดภรรยาเข้านอน
เขายังเห็นเด็กเหลือขอคนนั้นยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับสีหน้าเศร้าของเขาด้วย
ดังนั้นเสิ่นอี้โจวจึงตัดสินใจว่า “ชิงหยวน ผมจ้างแม่บ้านให้มาช่วยที่บ้านพรุ่งนี้ดีไหม?”
เซี่ยชิงหยวนกอดลูกชายของเธอและตบก้นเขา “จ้างแม่บ้าน? ไม่ใช่ว่าที่บ้านของเรามีป้าอู๋อยู่เหรอ?”
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้น อุ้มลูกชายขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติแล้วหอมที่มุมปากเล็ก ๆ ของเด็กน้อยที่หดตัวลงทันที ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างและเขาลืมที่จะร้องไห้ไปครู่หนึ่ง
เขาพูดว่า “ป้าอู๋มีงานเดิมของเธออยู่แล้ว เราจะให้แม่บ้านคนใหม่มาช่วยดูแลลูก ๆ ด้วยไง”
หลังจากที่หวังผิงและเซี่ยโยว่หมิงกลับไป เซี่ยชิงหยวนก็ต้องรับหน้าที่ดูแลเด็กเป็นหลัก ปี่เหลาซานกับปี่ฟู่หมานแม้จะช่วยด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วชายสองคนนี้ยังมีความละเอียดไม่พอ
เฉพาะหลังจากที่เสิ่นอี้โจวและหลินตงซิ่วกลับมาบ้านเท่านั้น เซี่ยชิงหยวนถึงจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง
เรื่องอื่นอาจจะจัดการได้ง่าย แต่เสิ่นทิงอวิ๋นนั้นต้องการความสนใจมากจนเซี่ยชิงหยวนตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่อ้วนเท่านั้น แต่ยังผอมกว่าในช่วงอยู่ไฟอีกด้วย
เมื่อเห็นความลังเลของภรรยา เสิ่นอี้โจวจึงฉวยโอกาสพูดโน้มน้าวอีก “ตอนนี้อาจารย์กับฟู่หมานยังช่วยอยู่ก็จริง แต่ถ้าพวกเขาออกไป คุณจะอยู่คนเดียวนะ ถ้าเราจ้างแม่บ้านคนใหม่เข้ามาตอนนี้เลย เธอก็จะได้มีเวลาเรียนรู้งานในขณะที่อาจารย์และคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่นี่ด้วย จะได้ทำความคุ้นเคยกับเด็กแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นไง”
“คุณไม่ได้บอกเหรอว่าปีหน้าอยากจะไปเมืองกว่างโจวเพื่อเยี่ยมชมโรงงานน่ะ? คุณแน่ใจเหรอว่าจะสามารถไปได้ถ้ายังต้องดูลูกด้วยตัวเองแบบนี้?”
แผนเดิมของปี่เหลาซานคือ ‘รอเด็กเกิดก่อนแล้วเขาค่อยออกไปซื้อขายหยกต่อ’ แต่ต่อมาก็กลายเป็น ‘รอเด็กอายุหนึ่งเดือนก่อนค่อยออกเดินทาง’ ทว่าตอนนี้กลายเป็น ‘เฮ้อ ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยไปหลังปีใหม่ก็แล้วกัน’
แต่ไม่ว่าจะเลื่อนแผนการไปแค่ไหน ในหลังปีใหม่เขาและปี่ฟู่หมานจะต้องออกเดินทางอย่างแน่นอน
เซี่ยชิงหยวนฟังการวิเคราะห์ของเสิ่นอี้โจว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องการเปิดโรงงาน สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนก็โอนอ่อนในที่สุด
เธอพยักหน้าและพูดว่า “ได้ คุณจัดหาคนให้มาทดลองงานได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้เลย”
ริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวโค้งขึ้น “งั้นผมจะจัดการพรุ่งนี้เลย”
เสิ่นทิงอวิ๋นเหมือนรู้ความ เขาตกใจและเตะน่องของตัวเอง “เอ้ ๆ” เขาทำเสียงอ้อแอ้เหมือนต้องการแสดงการประท้วง
เสิ่นอี้โจวเหยียดนิ้วชี้ออกแล้วแตะจมูกเล็ก ๆ ของลูกชาย “ลูกอยากลงไปเล่นกับอาของลูกที่ชั้นล่างใช่ไหม? งั้นพ่อจะพาลูกลงไปตอนนี้เลย!”
เสิ่นทิงอวิ๋นเตะเท้าของเขาแรงขึ้นแล้วยื่นมือออกไปทางเซี่ยชิงหยวนพลางส่งเสียง
เซี่ยชิงหยวนมองและถามว่า “ลูกหิวเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวหันไปด้านข้างเพื่อป้องกันไม่ให้เธอเห็น “คุณเพิ่งให้นมเขาไม่ใช่เหรอ? ผมจะอุ้มเขาลงไปกินนมชงแล้วกัน”
จากนั้นเขาก็อุ้มเสิ่นทิงอวิ๋นออกไปจากห้อง
เซี่ยชิงหยวน “เฮ้อ…”
เมื่อเห็นว่าหยุดไม่ได้แล้ว หญิงสาวจึงนอนลงบนเตียง
ในที่สุดก็ถึงเวลาพักเสียที
ไม่นานหลังจากนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดอีกครั้ง เตียงด้านหลังเธอก็ทรุดตัวลง และเธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น