ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 729 – ผู้พัฒนาเกมอินดี้
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน
ปักกิ่ง
ชิวหงดูที่อยู่บนหน้าจอมือถือแล้วเงยหน้ามองย่านชุมชนเก่า เบื้องหน้า
ย่านชุมชนเก่านี้เต็มไปด้วยผู้สูงอายุและสภาพความเป็ นอยู่ดู ค่อนข้างน่าเป็ นห่วง อาคารที่พักอาศัยคับแคบมาก อย่าว่าแต่มา ท างานเลย ถ้าให้คนหนุ่มสาวมาอยู่คงไม่มีใครอยากมา
แต่จากที่อยู่บนมือถือ มีนักออกแบบเกมอินดี้อาศัยอยู่ที่นี่
ชิวหงมองเลขห้อง จากนั้นก็เดินตามทางเดินที่บนผนังมีป้ าย โฆษณาเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงินแปะอยู่จนขึ้นไปถึงชั้นหก
หลังจากเพ่งดูซ้าไปมาว่าห้องไหนคือ 601 ห้องไหน 602 เขาก็ เคาะประตูเบาๆ
ก๊อกๆ
ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากด้านใน ก่อนที่ประตูกัน ขโมยสภาพเก่าจะเปิดออก
ชายหัวยุ่งใต้ตาดาคล้าถามด้วยความไม่แน่ใจ “บอสชิว…ใช่มั้ย ครับ”
ชิวหงพยักหน้า “ใช่ครับ คุณอูจื้อเฉิงใช่มั้ยครับ”
อูจื้อเฉิงพยักหน้า “ใช่ครับ เรียกผมว่าเสี่ยวอูก็ได้นะครับบอสชิว เชิญด้านในก่อนครับ”
อูจื้อเฉิงหลีกทางให้
ชิวหงเดินเข้าไปด้านในแล้วปิดประตู
ปักกิ่งจะเริ่มร ้อนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็คืออีกหนึ่ง สัปดาห์ ตอนนี้จึงเป็ นช่วงที่หนาวที่สุด
หลังเข้าไปในห้อง ชิวหงไม่รู ้สึกอุ่นขึ้นมาสักนิด แต่กลับรู ้สึกถึงที่ ลมพัดเข้ามาผ่านช่องหน้าต่าง
อูจื้อเฉิงเหมือนจะชินแล้ว เขาลากเก้าอี้มาให้ “ขอโทษครับบอส ชิว ห้องรกไปหน่อย ช่วยทนหน่อยนะครับ”
ชิวหงไม่ได้ใส่ใจ เขาดึงเก้าอี้มานั่ง
ตอนแรกอูจื้อเฉิงตั้งใจว่าจะไปคุยกันที่คาเฟ่ แต่ชิวหงยืนกรานว่า จะไปที่ทางานของอูจื้อเฉิง เพื่อที่จะได้เห็นสภาพแวดล้อมการทางาน และสภาพการท างานจริง
ชิวหงมองไปรอบๆ
ที่นี่ดูเหมือนจะเป็ นอพาร ์ตเมนต์หนึ่งห้องนอนขนาดเล็กมากๆ ห้องนั่งเล่นกลายเป็ นห้องทางานของอูจื้อเฉิง ซึ่งมีโต๊ะ คอมพิวเตอร ์
กองหนังสือ เครื่องเกมคอนโซล ทีวีขนาดเล็ก โต๊ะกินข้าวตัวเล็ก… แทบไม่มีพื้นที่สาหรับเดิน
อีกห้องคือห้องนอนของอูจื้อเฉิง นอกจากเตียงกับตู้เสื้อผ้าแล้วก็ ไม่ค่อยมีอะไรอีก บนเตียงเองก็เต็มไปด้วยหนังสือ สภาพดูน่าเป็ นห่วง ไม่ต่างกัน
อูจื้อเฉิงรู ้สึกขัดเขินเล็กน้อย เขาค้นตู้เย็นขนาดเล็กอยู่นาน แต่ ก็เจอแค่โคล่า ซึ่งเขาก็ไม่รู ้ว่าอีกฝ่ายชินกับการดื่มอะไรแบบนี้รึเปล่า
ชิวหงรีบพูดขึ้น “ไม่ต้องคิดมากครับ มาเข้าประเด็นหลักกันเลย ดีกว่า”
อูจื้อเฉิงพยักหน้า “โอเคครับ ผมขออธิบายสถานการณ์ของผม ให้ฟังคร่าวๆ”
เทียบกับเจี่ยงฟานจากสตูดิโออิงเถาแล้ว ประสบการณ์ของอูจื้อ เฉิงนั้นหวือหวาน้อยกว่า
เจี่ยงฟานเคยท างานในส านักงานกฎหมาย เขาสร ้างเกมในเวลา ว่างแล้วประสบความสาเร็จ จากนั้นก็ตัดสินใจเริ่มธุรกิจด้วยการเปิด สตูดิโออิงเถา
กลับกันหลังจบจากมหาวิทยาลัย อูจื้อเฉิงทางานอยู่สักพักจนมี เงินเก็บจานวนหนึ่ง จากนั้นก็ลาออกมาทาเกมเพราะไม่พอใจงาน ของตัวเอง
อูจื้อเฉิงไม่เคยคิดเลยว่าถ้าท าเกมไม่เสร็จและท าเงินไม่ได้จะท า ยังไง
ถ้าไม่ไหวก็ค่อยไปหางานท า
ชิวหงถามขึ้น “คุณพัฒนาเกมไปถึงไหนแล้วครับ ผมของลอง เล่นได้รึเปล่า”
อูจื้อเฉิงพยักหน้า “ได้ครับ แต่… เกมยังคืบหน้าไปไม่เท่าไหร่เลย ครับ บอสชิวอาจจะต้องใช ้จินตนาการเยอะหน่อยตอนที่ลองเล่น”
ระหว่างที่พูด อูจื้อเฉิงก็เปิดคอมพิวเตอร ์และเปิดโปรเจ็กต์เกมที่ ทาอยู่บนเครื่องมือพัฒนาเกมของแพลตฟอร ์มทางการ
ชิวหงนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร ์ของอูจื้อเฉิง เขามองฝุ่ นบน คีย์บอร ์ดและเมาส์ รวมถึงที่เขี่ยบุหรี่ที่เต็มไปด้วยก้นบุหรี่และขวดโค ล่าเปล่าบนโต๊ะ แล้วก็อึ้งไป
อูจื้อเฉิงรีบหยิบทิชชูออกจากกล่องที่วางอยู่ข้างๆ มาเช็ด คีย์บอร ์ดกับเมาส์และจัดแจงโต๊ะคอมพิวเตอร ์
“เกมนี้เป็ นเกมมือถือครับบอสชิว แต่ตอนนี้เล่นได้แค่บน คอมพิวเตอร์ ต้องใช้เมาส์ในการเล่น อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ช่วย ทนหน่อยนะครับ”
ชิวหงพยักหน้าแล้วกดเข้าเกม
เกมนี้ชื่อว่า ‘หมึกหมอกม่านเมฆ’ เป็ นเกมสองมิติมุมมอง ด้านข้าง ซึ่งจัดว่าค่อนข้างยากทีเดียว ข้อแตกต่างที่เด่นชัดที่สุด ระหว่างเกมนี้กับเกมมุมมองด้านข้างอื่นๆ คือมีระบบการเล่นแบบ พิเศษ ซึ่งเป็ นการตอบโต้กับฉากในเกมผ่านการวาดรูป
ผู้เล่นสามารถสร ้างหรือลบวัตถุในฉากด้วยการวาดได้ การมี ปฏิสัมพันธ ์กับเกมทาให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์สุดล้าในด่านพิเศษ และการสู้กับบอส
แต่… นั่นคือสถานการณ์ในอุดมคติ
หลายๆ เกมมีไอเดียมากมาย แต่ความเป็ นจริงนั้นแสนโหดร ้าย
มีเงื่อนไขสองอย่างที่อูจื้อเฉิงต้องทาให้เสร็จก่อนจะทาตามที่ คาดหวังได้ อย่างแรกคือ ทุกด่านและทุกการต่อสู้ต้องท าออกมาให้ ละเอียด อย่างที่สองคือ ต้องมีเอฟเฟกต์ทางศิลปะที่ยอดเยี่ยม
ข้อแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดของเกมหมึกหมอกม่านเมฆกับเกม สองมิติมุมมองด้านข้างอื่นๆ คือประสบการณ์โต้ตอบกับงานภาพ แต่ ถ้าเป็ นการวาดและขีดเขียนง่ายๆ ประสบการณ์ที่ผู้เล่นได้รับก็จะน่า เบื่อมาก และนวัตกรรมสุดล้าของเกมก็จะไร ้ประโยชน์
สิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมในเกมต้องไม่ใช่แนวคิดเรียบง่าย แต่เป็ น เนื้อหาและระบบการเล่นที่สมบูรณ์ทั้งชุด
เขาต้องคิดและวางแผนด่านต่างๆ และการต่อสู้กับบอสแต่ละตัว จากนั้นก็พัฒนาเทคนิคเพิ่มเติมจากรูปแบบการเล่นนี้ ถึงจะถือว่าเกม ประสบความส าเร็จ
อีกอย่าง ถ้าเกมเน้นเรื่องการโต้ตอบกับงานภาพ ก็ต้องทางาน ภาพออกมาให้โด่นเด่น ไม่งั้นความสนุกก็จะถูกลดทอนลงไปมาก
ดูจากความคืบหน้าของเกมในตอนนี้แล้วถือว่ายังห่างไกลจาก จุดนั้นมาก
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะอูจื้อเฉิงเป็ นเด็กเพิ่งจบใหม่ได้ไม่นาน เขา สร ้างเกมเพราะความชอบล้วนๆ พิจารณาจากเงื่อนไขนี้ เขาไม่มี ความสามารถมากพอที่จะทาระบบการเล่นและเป้ าหมายต่างๆ ให้ สาเร็จ อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่มีทางออกเรื่องทรัพยากรงานภาพ
อูจื้อเฉิงไม่เก่งเรื่องศิลปะและไม่มีกาลังมากพอที่จะจ้างนักวาดชื่อ ดังบนแพลตฟอร ์มทางการ เพราะงั้นทรัพยากรต่างๆ ในเกมก็ต้อง รวบรวมมาจากทั่วสารทิศ ซึ่งดูไม่ดีเลย
อีกอย่างการเล่นในตอนนี้ต้องใช ้เมาส์ จึงไม่ลื่นไหลเท่ากับการ เล่นบนมือถือ
สรุปแล้ว ความสนุกของชิวหงนั้นขึ้นอยู่กับจินตนาการของ ตัวเอง
ชิวหงถอนหายใจด้วยความเศร ้า
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าสตูดิโออิงเถาที่เงินทุนกาลังจะหมด และอีก ไม่นานจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ตรงกับเงื่อนไขการ ช่วยเหลือของโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานมากแล้ว
แต่พอมาพบอูจื้อเฉิงในวันนี้ เขาก็ตระหนักว่ายังมีคนที่ล้มลุก คลุกคลานหนักกว่านั้นอีก
คาถามคือ โปรเจ็กต์นี้ตรงกับเงื่อนไขรึเปล่า
บอสเผยห้ามไม่ให้ลงทุนในโปรเจ็กต์ที่น่ าเชื่อถือและไม่ น่าเชื่อถือเกินไป
ตามเกณฑ์มาตรฐาน โปรเจ็กต์นี้ถือว่าไม่น่าเชื่อถือแน่นอน เพราะการันตีความสามารถในการออกแบบหรือระดับของงานภาพ จากคนธรรมดาที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาเกมมาก่อนและ ท าเกมด้วยความชอบล้วนๆ ไม่ได้เลย
แต่ชิวหงหวังจากใจว่าอูจื้อเฉิงจะได้รับการช่วยเหลือ เพราะอูจื้อ เฉิงมีศรัทธา ซึ่งศรัทธานี่แหละที่ทาให้โปรเจ็กต์นี้น่าเชื่อถือ
“บอสเผยบอกว่าถ้าไม่แน่ใจว่าเชื่อถือได้รึเปล่าให้ฉันตัดสินใจ เองเลย
“ถ้าอย่างนั้น…”
ชิวหงคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถามออกไป “คุณคิดว่าต้องใจเงิน เท่าไหร่ถึงจะทาเกมนี้ได้สาเร็จ”
อูจื้อเฉิงผงะไป “เอ่อ… คือ… “ตรงๆ เลยนะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน “ถ้าได้ทุนสักสองแสน ก็เอาไปจ้างนักวาดฝีมือดีมาช่วยท างาน ภาพให้เกมได้ “ถ้าได้อีกห้าหมื่นหยวน ก็จะเอาไปจ่ายค่าเช่าก่อน ทีนี้ก็อยู่ได้ ยาวเลยครับ…” ชิวหงเข้าสู่ภวังค์ความคิด
สตูดิโออิงเถามีแผนการพัฒนา เงินเดือนพนักงาน และค่าใช้จ่าย ประจาวันที่ชัดเจนมาก
แต่อูจื้อเฉิงไม่มีการวางแผน ระยะเวลาการพัฒนา และการ ควบคุมทรัพยากรที่ชัดเจน ทาให้เขาบอกตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง ไม่ได้
ไม่ว่าจะให้เงินเท่าไหร่ก็ท าได้แค่เอาไปจัดการปัญหาเร่งด่วนก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องอื่นทีหลัง
ชิวหงไม่ได้กังวลว่าอูจื้อเฉิงจะใช ้เงินสุรุ่ยสุร่าย ดูจากสภาพต่างๆ แล้ว เขาไม่น่าจะใช้เงินเยอะ
ประเด็นคือ ถ้าไม่มีแผนงานที่ชัดเจน การควบคุมโปรเจ็กต์ก็จะ อยู่ในความสับสนอลหม่าน ชิวหงรู ้ดีว่านี่คือปัจจัยร ้ายแรงที่อาจนา โปรเจ็กต์ไปสู่ความล้มเหลว