ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 16 บทที่ 476 เป้าหมายบางอย่าง
ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง คาดว่าเมื่อคืนจั่วชิวอวี้คงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงว่างเทียนให้ฟังแล้วกระมัง
ฉะนั้นนอกจากหลิวซวนจะแสดงท่าทีเคารพเลื่อมใสหลินเมิ้งหยาแล้ว เขายังเพิ่มความสนิทสนมมากขึ้นอีกหลายส่วน
ทว่าดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับเจือไว้ซึ่งความระแวดระวัง
หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดา
คนรับใช้ยกน้ำชาให้ทั้งสอง หลินเมิ้งหยาและหลิวซวนยกชาขึ้นจิบพลางพิจารณาอีกฝ่ายโดยไม่พูดอันใด
“ญาติผู้พี่ที่ไม่ได้เรื่องของข้ามิได้สร้างความลำบากใจให้ใต้เท้าใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาเอื้อนเอ่ยด้วยท่วงท่าสง่างาม น้ำเสียงมิได้หยิ่งทะนงดั่งคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แต่กลับเจือความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน ซ้ำยังแสดงท่าทีสุขุมเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย
ร่องรอยของความสับสนวาดผ่านแววตาของหลิวซวน
เหตุเพราะเมื่อคืนเขาขู่บังคับจั่วชิวอวี้ ดังนั้นจึงได้รู้ข้อมูลของหลินเมิ้งหยาทั้งหมดแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่านางมีความกล้าบ้าบิ่นเพราะได้รับความรักความเมตตาจากบิดาและพี่ชายรวมถึงอำนาจมหาศาลของสามี
แต่เมื่อมาพิจารณาตอนนี้แล้ว ทุกการกระทำหรือแม้แต่คำพูดของนางสุขุมรอบคอบไม่เหมือนหญิงสาวธรรมดาทั่วไป
ดังนั้นทัศนคติของเขาที่มีต่อนางจึงเปลี่ยนไปทีละน้อย
“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ เซิ่นจวิ้นอ๋องกับข้าน้อยเติบโตมาด้วยกัน แต่เพราะตื่นเต้นมากไปเสียหน่อยที่ได้เจอสหายเก่า จวิ้นจู่จึงได้เห็นเรื่องน่าขันเข้าให้แล้ว”
ไม่พูดถึงยศถาบรรดาศักดิ์ จะพูดถึงก็แต่เพียงความสัมพันธ์ฉันเพื่อน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงท่าทางเป็นมิตร
“ที่ไหนกันเล่า ญาติผู้พี่ของข้ามีอุปนิสัยดื้อรั้น เกรงว่าเขาจะสร้างความลำบากใจให้ใต้เท้าเสียมากกว่า”
หลินเมิ้งหยาหาใช่คนที่จะถูกล่อหลอกเอาได้ง่ายๆ ในเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยวาจาดีมีมารยาท แม้จะเจือนัยยะแอบแฝงอยู่หลายส่วน แต่นางสามารถต่อวาจากับเขาได้อย่างลื่นไหล ไม่ร้อนใจเลย ยแม้แต่น้อย
หลังจากสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง หลิวซวนเห็นแล้วว่าหลินเมิ้งหยายังคงสุขุมสงบนิ่ง ไร้ซึ่งวี่แววว่าจะเผยพิรุธหรือแสดงออกถึงท่าทางร้อนรนกระวนกระวาย ความหวาดระแวงจึงแปรเปลี่ยนเป็นปร ระหลาดใจ
“ได้ยินมาว่าเหตุที่จวิ้นจู่เดินทางไปยังหอป๋ายเฉาในคราวนี้ก็เพื่อขอให้รักษาอาการบาดเจ็บ เรื่องนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก เหตุเพราะพระองค์มีฐานะเป็นถึงชายาอวี้และคุณหนูใหญ่แห่ งสกุลหลิน บารมีของพระองค์ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ จะมีหมอคนใดในใต้หล้าที่มิอาจเชิญมารักษาอาการบาดเจ็บของพระองค์ได้อีกหรือ?”
สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งตวัดขวับ หลิวซวนทำเพียงผงกศีรษะให้หลงเทียนอวี้เพื่อเป็นการทักทาย แต่ถึงกระนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้หาใช่คนที่สามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆ
เขามิใช่พวกเชื้อพระวงศ์ที่มีอุปนิสัยแข็งนอกอ่อนใน
คนผู้นี้จะต้องมิได้เดินทางไปยังเมืองหลวงเก่ากับจวิ้นจู่และเซิ่นจวิ้นอ๋องเพียงเพื่อขอให้ช่วยเหลือในการรักษาพระชายาอย่างเดียวแน่นอน
สบตากับหลงเทียนอวี้อย่างมิกลัวเกรง รอยยิ้มสักนิดบนใบหน้าก็ไม่มี หลิวซวนเพิ่งพบว่าไม่ว่าหลินเมิ้งหยาหรือหลงเทียนอวี้ พวกเขาล้วนมีความลับบางอย่างที่เขายังมองไม่ออก
“แน่นอนว่าข้ายังมีวัตถุประสงค์อื่น ในเมื่อเจ้ากับญาติผู้พี่ทั้งสองของข้าเป็นมิตรสหายกันมาแต่เนิ่นนาน เช่นนั้นเจ้าเองก็คงรู้เรื่องของมารดาข้ามาบ้างแล้ว เหตุที่ข้าเดินทาง ไปในคราวนี้ก็เพื่อพบเจอบรรพบุรุษของตนเอง มารดาของข้าด่วนจากไป ญาติฝ่ายมารดาล้วนมีรับรู้การมีอยู่ของข้า ฉะนั้นข้าจึงได้รับอนุญาตจากเปี่ยวเกอเพื่อไปกราบไหว้บรรพบุรุษ ไม่รู้ ว่าใต้เท้าพึงพอใจในคำตอบนี้หรือไม่?”
แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่มีโทสะ แต่ถึงกระนั้นก็อดที่จะตอกกลับคำถามหยั่งเชิงของหลิวซวนไม่ได้
บุรุษฉลาดเฉลียวมั่นใจในตัวเองสูงเช่นนี้ย่อมมองคนทั้งโลกเป็นคนเลว
แม้หอป๋ายเฉาจะมีความสำคัญมาก แต่นางกับหลงเทียนอวี้มิได้โง่เขลาถึงขั้นต้องการใช้โอกาสนี้ในการทำลายเมืองหลินเทียน
กอปรกับความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและญาติผู้พี่ที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว สำหรับต้าจิ้นย่อมเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน
สายตาทอดมองยังใบหน้าของหลงเทียนอวี้ ความรู้สึกผิดพลันบังเกิดขึ้นในใจ
หลงเทียนอวี้เป็นคนหยิ่งทะนง หากมิใช่เพราะนาง เกรงว่าเขาคงไม่เสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
บรรยากาศเริ่มอึดอัด
แม้แต่หลิวซวนเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าอันเล่อจวิ้นจู่ที่เอื้อนเอ่ยวาจาอ้อมค้อมอ่อนหวานจะพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้
หลิวซวนยกชาขึ้นจิบ หัวใจเหยียดยิ้มขมขื่น
เพราะเหตุนี้จั่วชิวอวี้จึงบอกว่าห้ามมิให้ทำให้ญาติผู้น้องของเขาขุ่นเคืองใจเป็นอันขาด
ดูท่าแล้ว…สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
“หากใต้เท้าหลิวไม่วางใจ เช่นนั้นตามไปด้วยกันดีหรือไม่ ข้าเห็นแล้วว่าเมืองชิงหยวนแห่งนี้เป็นระเบียบยิ่งนัก แม้ใต้เท้าจะจากไปราวครึ่งเดือนก็คงไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นหากคนนอก กอย่างข้านึกสนใจอยากทำลายความสงบสุขขึ้นมา เช่นนั้นท่านจะได้ป้องกันได้ทันท่วงทีมิใช่หรือ?”
น้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าคำพูดกลับทำให้หลิวซวนรู้สึกขมขื่นอยู่หลายส่วน
ปรายตามองเขาหนึ่งหน ผลปรากฏว่าได้ขนคิ้วของอีกฝ่ายกระตุกเล็กน้อย
สมน้ำหน้า หากเทียบความไร้ยางอายกันแล้ว หากนางกล้าพูดว่าที่สอง ย่อมไม่มีใครกล้าบอกว่าตนเองเป็นที่หนึ่งหรอก
ดังนั้นหลิวซวนจึงพูดอะไรไม่ออก
สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มิกล้าต่อฝีปากกับสตรีกันเล่า
“ฮ่า ฮ่า หลิวซวน ใต้เท้าหลิวเอ๋ย นี่เจ้ามีวันที่ถูกบีบจนต้องยอมจำนนด้วยหรือนี่? เป็นอย่างไรเล่า ญาติผู้น้องของข้าไม่เหมือนผู้ใดใช่หรือไม่? เมื่อเทียบฝีปากกันแล้ว ข้าว่าหั วเจ้ากระแทกเต้าหูจนตายยังไม่เจ็บปวดเท่า!”
จั่วชิวอวี้ที่ยืนมองอยู่ได้ทีจึงรีบทับถม
ในเมื่อมีโอกาสเกทับอีกฝ่ายแล้ว เช่นนั้นเขาจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
ส่งสายตาล้อเลียนไปยังสหายคนสนิท คำพูดทิ่มแทงของญาติผู้น้องจะต้องทำให้หลินซวนไปไม่เป็นอย่างแน่นอน
หลินเมิ้งหยาปรายตามองจั่วชิวอวี้ที่ตั้งใจเข้ามาเกทับหลิวซวนโดยเฉพาะ
ฮึ ถือว่าไว้หน้าจั่วชิวอวี้ก็แล้วกัน
แต่เมื่อหันหน้าไปอีกทาง นางกระพริบตาปริบๆ ให้หลงเทียนอวี้ ราวกับต้องการจะบอกว่าเห็นหรือไม่ นางแก้แค้นแทนเขาแล้ว
นานมากทีเดียวที่หลงเทียนอวี้ไม่มีคนปกป้อง
เขาผละจากข้างหน้าต่างมาหานาง เขาเคยชินกับการยืนทางฝั่งขวามือนางไปเสียแล้ว
เงยหน้าแล้วช่วยปัดผมที่หล่นลงมาระหน้าผากของนางออก
อากัปกิริยาหวานซึ้งของทั้งสองทำให้จั่วชิวอวี้รู้สึกอิจฉา
จั่วชิวอวี้ปรายตามอง ก่อนจะกระซิบบอกหลิวซวน
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าริอาจหยั่งเชิงพวกเขา”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ทว่าหลิวซวนกลับไม่ยี่หระ
จ้องมองคนคู่ด้วยสายตาเคร่งขรึม
“คนของสกุลหลงเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยหรือ? ฮึ คราวนี้ข้าจะเดินทางไปด้วยกันกับพวกเจ้า!”
จั่วชิวอวี้เหลือบมองหน้าสหายคนสนิท แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลิวซวนจึงมีท่าทีกระวนกระวายใจหลังจากรู้ว่าพระสวามีของเมิ้งหยาคือหลงเทียนอวี้ อีกทั้งตอนนี้ยังเปลี่ยนแผนกะทันหัน ว่าจะไปกับพวกเขา
ทว่าเขาเลือกที่จะกลืนปัญหาเหล่านี้ลงท้องก่อน เหตุเพราะแม้แต่ฮวงซงยังมิอาจสยบเจ้าคนอวดดีคนนี้ได้
ช่างเถิด จะตามไปก็แล้วแต่เขาเถิด มีคนมากขึ้นหนึ่งคนก็แบ่งเบาภาระได้อีกหนึ่งเท่าตัว
หลังจากพักผ่อนและเตรียมการทุกอย่างที่เมืองชิงหยวนแล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางอีกครั้ง
เมืองหลวงเก่าอยู่เบื้องหน้าแล้ว ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกกังวลและมักจะเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง
นางไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร บางทีอาจเพราะการเดินทางคราวนี้ล้วนเริ่มต้นจากความไม่รู้กระมัง
แม้หลิวซวนจะเป็นผู้คุ้มกันด้วยตนเอง แต่นางรู้สึกได้ว่าการเดินทางไปยังเมืองหลวงเก่าในคราวนี้จะต้องไม่ราบรื่นนัก
“คิดอะไรอยู่หรือ?”
นางเงยหน้า ก่อนจะเห็นเป็นใบหน้าด้านข้างสะอาดเกลี้ยงเกลาของหลิวซวน
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าเบาๆ เมื่อครู่นางฟุบหน้าลงข้างหน้าต่างและเหม่อลอย
กวาดสายตามองหาหลงเทียนอวี้ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะนางไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
“อ๋องอวี้กับเซิ่นจวิ้นอ๋องออกไปสำรวจเส้นทางก่อน พวกเราต้องเดินทางผ่านป่าทึบ เหตุเพราะเจ้า พวกเขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก”
น้ำเสียงแข็งทื่อ หลินเมิ้งหยาไม่เข้าใจความคิดของหลิวซวนเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อลองไตร่ตรองดูอีกครั้ง นางจึงเข้าใจบางอย่าง
แม้ต้าจิ้นและหลินเทียนจะสงบศึกกันมาหลายปีแล้ว แต่ในอดีตพวกเขาทำสงครามกันไม่หยุดหย่อน
จนถึงทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากยังคงระแวดระวังต้าจิ้น โดยเฉพาะหลงเทียนอวี้ที่มีฐานะค่อนข้างอ่อนไหว แน่นอนว่าผู้อื่นย่อมมองเขาเป็นศัตรู
ทว่านางกลับอดไม่ได้ที่จะแก้ต่างแทนเขาสักสองสามคำ
“เขาไม่เหมือนผู้อื่น แม้จะเพื่อข้า แต่เขาไม่มีทางทำลายการคุ้มกันของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเขากับเฉินเปี่ยวเกอยังเป็นสหายกันแล้ว เขาเคารพมิตรสหายของตนเองเสมอ”
หลินเมิ้งหยาแก้ต่างเพียงสองสามคำ ทว่ากลับเหมือนหอกทิ่มแทงปมในใจบางอย่างของหลิวซวน
ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาพลันเย็นชาแข็งกระด้าง ก่อนจะเอ่ยกับหลินเมิ้งหยาด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน
“แต่ไหนแต่ไรมาสกุลหลงล้วนชอบซื้อใจคน แม้เจ้าจะเกิดที่ต้าจิ้นและเป็นบุตรสาวสกุลหลิน แต่หากเจ้ายังมีความเคารพรักมารดาของเจ้าแล้วล่ะก็ เช่นนั้นจงระวังสกุลหลงให้ดี อย่าได้ล ลุ่มหลงจนหน้ามืดตาบอด!”
พูดจบ เขาก็รีบควบม้าคู่ใจออกไป
“เจ้า…..”
หลินเมิ้งหยามีโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุเพราะเขาทำให้นางอารณ์เสียขึ้นมาเสียได้
ไม่รู้ว่าสกุลหลงไปก่อกรรมทำเข็ญอันใดไว้กับเขา
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แต่สุดท้ายนางทำได้เพียงระงับอารมณ์ให้เย็นลง
ปล่อยชายผ้าม่านลง เพียงไม่เห็นก็ไม่หงุดหงิดแล้ว!
ความโคลงเคลงของรถม้าทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกราวกับโดนสะกดจิต
กอปรกับความเงียบงันจึงทำให้นางผล็อยหลับไป
ระบบเซินหนงเริ่มทำงานอีกครั้ง หลังจากอัปเดตอัตโนมัติแล้ว หลินเมิ้งหยาค้นพบว่านางสามารถควบคุมความฝันของตัวเองได้
แน่นอนว่าไม่สามารถควบคุมความฝันทุกอย่างได้ แต่ทุกครั้งที่ร่างกายของนางเข้าสู่สภาวะของการพักผ่อน ประสาทการรับรู้ของนางสามารถใช้งานทุกฟังก์ชั่นของระบบเซินหนงได้
อย่างเช่นตอนนี้แม้ภายนอกนางจะดูเหมือนคนกำลังนอนหลับฝันหวาน แต่อันที่จริงแล้วนางกำลังเล่นกับตำราพิศวงชิงเจิงผู่ในระบบเซินหนงอยู่
พลิกเปิดตั้งแต่หน้าแรกจวบจนหน้าสุดท้าย
น่าแปลก แม้ตำราเล่มนี้จะล้ำค่า แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะสามารถให้คนห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงกันเลยนี่นา?