ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 17 บทที่ 500 สถานการณ์พลิกผัน
แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นระหว่างการแข่งขัน แต่กลับไม่ดึงดูดความสนใจของทุกคนเท่าไรนัก
ทว่าคนทั้งสองบนที่นั่งรับชมรับรู้ดี
“ดูเหมือนเจ้าจะมองคนไม่ผิด โหวหลิงอวี้คนนี้เป็นคนซื่อสัตย์และมีเมตตา เขายอมละทิ้งการแข่งขันเพียงเพราะต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้แก่เจ้า ช่างเป็นหมอที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก”
จั่วชิวอวี้มองโหวหลิงอวี้ที่กลับมามีสมาธิดั่งเดิมและกำลังรักษาเด็กหญิงด้วยสายตาชื่นชม
“คุณชายสกุลโหวคนนี้น่าสนใจยิ่งนัก เจ้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาเด็ดผลไม้บนโต๊ะชาใส่ปาก นางหรี่ตาลงขณะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“สกุลโหวมีประวัติไม่เลว แต่เพราะเจ้าตระกูลคนก่อนติดการพนันเป็นนิสัย ต่อมาจึงทำผิดนำสมุนไพรไปขายสนองความโลภ ตอนนั้นลูกศิษย์เป็นผู้เปิดโปงเรื่องนี้ สุดท้ายสกุลโหวเข้าตรวจสอบ เขาจึงถูกขับออกจากสกุลโหว”
จั่วชิวอวี้ได้ยินเรื่องเล่าเหล่านี้มาอีกทอดหนึ่ง แต่เขามิได้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในคราวนั้นด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้เพียงเล็กน้อย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เพราะเหตุนี้เฉียนอวี้หมิงจึงหวาดกลัวคนสกุลโหวนัก บางทีเรื่องนั้นอาจเกี่ยวข้องกับเขาด้วยก็เป็นได้”
จั่วชิวอวี้ผงกศีรษะลง อันที่จริงเขาเองก็คิดเหมือนกันกับหลินเมิ้งหยา
เฉียนอวี้หมิงเป็นใคร? เขาเป็นเห็บหมัดตัวใหญ่ที่สุดแห่งหอป๋ายเฉา หากสกุลโหวไม่ล่มสลาย เช่นนั้นเขาจะสามารถรับช่วงต่อในตำแหน่งนี้ได้อย่างไร?
ทว่าตอนนี้เขามีผู้อาวุโสอีกสามคนคอยสนับสนุน มิเช่นนั้นสกุลเฉียนตอนนี้ก็คงไม่แตกต่างไปจากสกุลโหว
“นี่เป็นโอกาสอันดี ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามิได้แน่นแฟ้นอย่างที่คิดหรอกกระมัง? น่าสนใจยิ่งนัก ดูเหมือนการมาของพวกเราในคราวนี้จะถูกต้องแล้ว”
หลินเมิ้งหยาเป็นใคร? แม้อายุของนางจะยังน้อย แต่ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความร้ายกาจ
จั่วชิวอวี้หันไปมองนางด้วยสายตาสงสัย ก่อนจะหันกลับไปมองการแข่งขัน
ถึงอย่างไรหลินเมิ้งหยาก็ไม่มีวันทำร้ายเขา ฉะนั้นไม่ว่านางจะทำอะไร เช่นนั้นเขาจะสนับสนุนนางอย่างเต็มกำลัง
“จริงสิ เมื่อครู่เจ้าไปเจอกับสกุลจูมาแล้ว เจ้ารู้ข่าวเกี่ยวกับหลงเทียนอวี้หรือไม่?”
แม้จะไม่ชอบหน้าคนผู้นั้นเท่าไรนัก แต่จั่วชิวอวี้รู้ดีว่าหลงเทียนอวี้มีความสำคัญต่อหลินเมิ้งหยามาก
แม้นางจะไม่พูด แต่ตลอดหลายวันมานี้นางซูบผอมลงมาก
อวี้อันเล่าว่านางไม่แม้แต่จะกินข้าวเลยด้วยซ้ำ
เพื่อน้องสาวแล้ว เช่นนั้นเขาก็ควรพยายามสุดกำลังเพื่อช่วยเหลือหลงเทียนอวี้มิใช่หรือ?
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า แม้นางจะพยายามปกปิด ทว่าแววตาก็ยังสะท้อนความผิดหวังออกมาอยู่ดี
“นอกจากคำพูดของจูเจียจิงที่ว่าหลงเทียนอวี้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วก็ไม่มีข่าวอื่นใดอีก”
ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ้งหยายังมีคำถามค้างคาใจ แต่มิอาจเอ่ยออกมา
นางกำลังสงสัยว่าคนที่ต้องการจับตัวหลงเทียนอวี้เป็นคนอื่น
ส่วนสกุลจูเพียงแค่ถูกหลอกใช้เท่านั้น
ครุ่นคิด ตอนนั้นสกุลจูคิดอะไรอยู่จึงจับตัวหลงเทียนอวี้ไป?
ซ้ำยังสร้างความซับซ้อนในสถานที่เกิดเหตุเพื่อต้องการทำให้นางสับสนอีกด้วย
ความลับนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
แม้วันนี้สกุลจูจะวางแผนทำให้นางต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ก็เหมือนกับว่ายังขาดอะไรบางอย่างไป
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังไม่เคยบอกใครเรื่องที่ตนเองมองแผนการของสกุลจูออก
แต่การที่จูเจียจิงเป็นฝ่ายเข้ามาบอกว่าจูฉีหยุนจับตัวหลงเทียนอวี้ไป เช่นนั้นจะไม่เป็นการประจานความผิดของตนเองหรือ!
ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงค่อนข้างกังวล หากมีคนคอยบงการสกุลจู แล้วคนผู้นั้นเป็นใครกันเล่า?
“รีบมาดูเร็ว ดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันแล้ว”
เสียงจั่วชิวอวี้พลันดังขึ้นเรียกสติของหลินเมิ้งหยา
มองตามนิ้วที่ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งของเขา ดูเหมือนว่าโหวหลิงอวี้จะกำลังปะทะฝีปากกับใครบางคนอยู่
ไม่นานก็มีคนเข้ามารายงานสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีการแข่งขัน
ที่แท้โหวหลิงอวี้ก็วิเคราะห์รักษาอาการของเด็กหญิงคนนั้นเสร็จแล้ว ขณะที่เขากำลังจะไปแสดงให้ผู้อาวุโสคนสุดท้ายดู ใครจะคาดคิดเล่าว่าสายตาของเขาจะเหลือบไปเห็นสูตรยาสมุนไพร รของชายหนุ่มคนหนึ่งเข้า
ชายหนุ่มคนนั้นไม่เพียงวิเคราะห์อาการผิดพลาด แต่หากกินยาสูตรนั้นเข้าไปแล้วล่ะก็ อาการป่วยของคนไข้ก็จะยิ่งสาหัสมากขึ้นและอันตรายถึงชีวิต
ตอนแรกเขาเพียงกระซิบเตือน แต่ใครจะรู้ว่าชายคนนั้นไม่คิดจะรับน้ำใจ
ซ้ำร้ายยังตำหนิฝีมือทางการแพทย์ของคุณชายโหว อีกทั้งยังปรามาสว่าเขาไม่รู้เรื่องยาสมุนไพรเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าโหวหลิงอวี้ไม่มีทางยอมปล่อยให้อีกฝ่ายดูถูก ดังนั้นทั้งสองจึงเกิดการปะทะฝีปากกันขึ้นมา
“ชายคนนี้หัวรั้นยิ่งนัก”
หลังจากได้ยิน หลินเมิ้งหยาส่ายหน้าเบาๆ ขณะประเมินสถานการณ์
“ไม่ ข้ากลับคิดว่าเขาน่ายกย่องยิ่งนัก คนเป็นหมอควรมีลักษณะนิสัยเช่นนี้ ชีวิตคนไข้อยู่ในมือของหมอ หากไม่รอบคอบ เช่นนั้นก็อาจทำลายชีวิตคนไข้ไปตลอดชีวิต!”
หลินเมิ้งหยาเอียงคอมอง คิดไม่ถึงเลยว่าอวี้เปี่ยวเกอกับบุรุษผู้นี้จะมีวาสนาต่อกันถึงเพียงนี้
มุมปากหยักยิ้มมีเลศนัย หลินเมิ้งหยามองจั่วชิวอวี้ด้วยสายตาพิลึกพิลั่น
“หากวันหนึ่งเจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุด เช่นนั้นเก็บเขาไว้เป็นผู้ช่วยเถิด เพียงแต่ผู้อาวุโสในหอป๋ายเฉาอย่างพวกเจ้าล้วนเป็นคนหัวรั้น เช่นนั้นข้าจะไปหาคนหัวอ่อนมาคอยรับใช้พวก กเจ้าได้จากที่ใดกันเล่า?”
“หลิวซวนอย่างไรเล่า เขาดีที่สุดแล้ว”
จั่วชิวอวี้เอ่ยออกมาโดยไม่คิด
“ได้ เช่นนั้นก็หลิวซวนแล้วกัน”
แน่นอนว่าคนมีอุปนิสัยรักความสะอาดผู้นั้นย่อมหัวอ่อนกว่าทั้งสองคนนี้
หากพวกเขาทั้งสามอยู่ด้วยกัน คิก คิก เฉินเปี่ยวเกอคงสบายใจไม่น้อย
เสียงวิวาทบนเวทียังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เห็นได้ชัดว่าโหวหลิงอวี้เป็นฝ่ายได้เปรียบ
เขาไม่เพียงวิเคราะห์อาการเจ็บป่วยได้ แต่ยังสามารถบอกสูตรยาและวิธีการรักษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนได้อีกด้วย แม้แต่คนหยาบกระด้างยังฟังคำอธิบายของเขาได้กระจ่าง
ผู้อาวุโสทั้งห้ายังคงสงบนิ่งมิเอ่ยอันใด
ทว่ามุมปากของฉางเทียนหัวกลับเหยียดยิ้มแปลกประหลาด
ผิดกับเฉียนอวี้หมิงที่กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ส่วนคนอื่นๆ ตกอยู่ในอาการเงียบขรึม
แปลกจริงเชียว ทั้งที่ผู้เข้าแข่งขันกำลังทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง เหตุใดพวกเขาจึงไม่ออกหน้าห้ามกันเล่า?
ในที่สุดโหวหลิงอวี้ก็ทำให้อีกฝ่ายหมดข้อแก้ตัว
ชายคนที่เพิ่งส่งเสียงวิวาทกับเขาใหญ่โตอยู่ๆ ก็โค้งตัวคำนับเขา
โทสะมลายหายไปจนหมดสิ้น แต่กลับส่งยิ้มชื่นชม
โหวหลิงอวี้ที่เพิ่งจะช่วยชีวิตคนไข้เอาไว้ได้อึ้งงันอยู่กับที่
นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรกันแน่?
“แปะ แปะ แปะ…”
ฉางเทียนหัวปรบมือ จากนั้นนอกจากเฉียนอวี้หมิงแล้ว ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างปรบมือตาม
บุรุษร่างสูงใหญ่อย่างโหวหลิงอวี้ยืนนิ่งอึ้งมิขยับเขยื้อน
“ยินดีกับคุณชายโหว เจ้าเป็นคนแรกที่ผ่านหัวข้อที่สามเข้าไปได้!”
ชายคนที่เพิ่งจะทะเลาะวิวาทกับเขาเมื่อครู่พลันส่งเสียงยินดี
โหวหลิงอวี้ตกตะลึง แต่หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ที่แท้นี่ก็เป็นการทดสอบหัวข้อที่สาม
เขามิได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจแต่อย่างใด มากที่สุดเห็นจะเป็นความรู้สึกผิด
ยกมือลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ ไอหยา ไอหยา ไอหยา ตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ขณะเดียวกัน หนานรุ่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ส่งสายตาชื่นชมไปทางคุณชายสกุลโหว
“คุณชายโหวเหมือนกับบิดาของเจ้าไม่มีผิดเพี้ยน เจ้ามีจิตใจของคนเป็นหมออย่างแท้จริง หากพบเห็นคนรักษาอาการผู้อื่นด้วยวิธีที่ผิดแล้วไม่เข้าไปช่วยเหลือ เช่นนั้นคงมิใช่หมอที่มีคุณ ณธรรม ยิ่งไปกว่านั้นหากมองสูตรยาไม่ออก ไร้ซึ่งความสามารถ เช่นนั้นจะต่างอันใดจากการทำร้ายคนไข้”
แม้คำพูดของหนานรุ่ยจะมิได้เจาะจงถึงใคร แต่คนอื่นๆ กลับก้มหน้าลงเพราะความรู้สึกผิด
เวลาในการแข่งขันทุกวินาทีล้วนมีความหมาย
เหตุเพราะพวกเขากลัวว่าคนอื่นจะเสร็จก่อน ดังนั้นจึงคิดแต่เพียงเรื่องอยากจะเอาชนะ
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าแม้จะเป็นการแข่งขัน แต่พวกเขาล้วนอยู่ในฐานะหมอทั้งสิ้น
แม้จะเห็นโหวหลิงอวี้กำลังถกเถียงกับชายคนนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสูตรยาที่ใช้รักษาคนไข้ไม่ถูกต้อง แต่พวกเขากลับเลือกจะเงียบไม่พูดอะไร
สุดท้ายสิ่งที่พวกเขาได้รับคือความพ่ายแพ้
“ข้าไม่ยอม! เขาเพียงแต่สนใจเรื่องของคนอื่นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกท่านยังไม่เคยบอกว่าหัวข้อที่สามคือการจับผิดการรักษาของผู้อื่น ฉะนั้นผลการทดสอบนี้ต้องเป็นโมฆะ!”
เสียงโต้แย้งพลันดังขึ้น ขณะเดียวกันยังได้รับความเห็นชอบจากคนอื่นๆ
กว่าพวกเขาจะมาถึงขั้นนี้ได้ไม่ง่ายเลย อีกเพียงแค่เอื้อมพวกเขาก็จะได้เข้าไปในหอป๋ายเฉาแล้ว
เช่นนั้นพวกเขาจะยินยอมได้อย่างไร!
“ใช่ ถูกต้องแล้ว พวกเราไม่ยอม! การแข่งขันจะต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง”
เสียงเรียกร้องด้วยความไม่ถึงพอใจดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาเอ่ยค้านได้เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น ครู่ต่อมาปลายดาบของทหารองครักษ์ก็ชี้ไปที่ลำคอของพวกเขาแล้ว
มองตามพวกเขาที่ถูกโยนออกไปเหมือนไก่ คนที่เหลือจึงนึกหวาดกลัวขึ้นมา
ขณะที่พวกเขาเตรียมเงยหน้าขึ้นยอมรับผลการตัดสิน แต่ใครจะรู้เล่าว่าชายคนที่แสร้งทำตัวเป็นผู้เข้าแข่งขันเมื่อครู่จะหันมาโค้งคำนับให้กับพวกเขาที่เหลือ
“พวกท่านล้วนรู้ว่าตัวเองผิดและพร้อมจะแก้ไข ความเอื้อเฟื้อนี้ไม่น้อยไปกว่ากัน ยินดีกับพวกท่านด้วยที่ผ่านการทดสอบหัวข้อที่สาม”
ครู่ต่อมา เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี
คนที่เหลืออีกสี่คนเผยรอยยิ้มปลื้มปีติยินดี
แม้แต่โหวหลิงอวี้เองก็อึ้งงันอยู่กับที่
มองเหล่าผู้อาวุโสทั้งห้า ก่อนจะหันมามองเพื่อนผู้เข้าแข่งขันของตนเอง
เขารู้สึกว่าวิชาที่ตนเองร่ำเรียนมาตลอดยี่สิบกว่าปีเลือนรางหายไปจากสมอง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้คิดหัวข้อการแข่งขันนี้ขึ้นมา ล้ำลึกยิ่งนัก”
หลินเมิ้งหยานวดหว่างคิ้ว เหตุการณ์พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ทำให้นางประหลาดใจไม่น้อย
“อันที่จริงหัวข้อการทดสอบเหล่านี้ถูกเตรียมขึ้นหลังจากสร้างหอป๋ายเฉาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดคนก่อนเองก็ไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก่อนข้าก็ไม่รู้ว่าหนึ งในความลับนั้นจะเป็นเช่นนี้ อดที่จะถอนหายใจให้กับผู้คิดหัวข้อการทดสอบนี้ไม่ได้จริงๆ”
จั่วชิวอวี้เองก็รู้สึกเช่นเดียวกับหลินเมิ้งหยา เพราะเหตุนี้ทุกครั้งที่มีการแข่งขันวิชาการแพทย์ขึ้น สุดท้ายหอป๋ายเฉาก็ต้องออกโรงคัดคนอีกครั้ง
เหตุเพราะพวกเขามิได้แข่งขันวิชาการแพทย์กันแต่เพียงเท่านั้น แต่เป็นการทดสอบจิตใจของมนุษย์