คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 813 ท่านหมอน้อยมหัศจรรย์ยังเชี่ยวชาญเรื่องในครอบครัวอีกด้วย
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 813 ท่านหมอน้อยมหัศจรรย์ยังเชี่ยวชาญเรื่องในครอบครัวอีกด้วย
……….
การเรียกราคาเช่นนั้นของฉินหลิวซี อย่าว่าแต่หญิงวัยกลางคนเลย แม้แต่เด็กขายยาก็ตกใจ เจ้าช่างกล้าจริงๆ
“ท่านป้า หนึ่งตำลึงถือว่าเป็นราคาที่พวกเรามีวาสนาได้พบกัน ซ้ำยังมีหลานชายของท่าน ข้าก็จะตรวจให้ด้วย ท่านบอกว่าเขาไม่กินข้าว เช่นนั้นก็ง่าย แม้แต่ยาก็ไม่ต้องกิน ข้าจะฝังเข็มให้เขาสักหน่อย รับรองได้ว่าเมื่อออกจากประตูนี้ไปเขาจะตะโกนว่าหิว” ฉินหลิวซีชี้ไปที่เจ้าเด็กอ้วนด้วยรอยยิ้ม
เจ้าเด็กอ้วนรู้สึกถึงความร้ายกาจอย่างรุนแรง หลบอยู่ข้างหลังท่านย่า
หญิงวัยกลางคนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “มหัศจรรย์ขนาดนั้นเชียวหรือ”
“หากไม่เชื่อ เช่นนั้นท่านรออยู่ที่นี่ก็ได้ ใช้เวลาไม่นาน” ฉินหลิวซีปลดกระเป๋าที่เอว หยิบถุงใส่เข็มเงินออกมาแล้วหยิบเข็มออกมาเล่มหนึ่ง
ท่าทางเช่นนี้กลับทำให้เด็กขายยาและหญิงวัยกลางคนรู้สึกโล่งใจ พกเข็มเงินติดตัวไว้ เป็นหมอโดยไม่ต้องสงสัยแล้ว
ฉินหลิวซีโบกมือให้เจ้าเด็กอ้วน “มานี่ แทงลงไปหนึ่งเข็ม กินข้าวเอร็ดอร่อย ตราบใดที่ข้าแทงเข็มลงไปอย่างรวดเร็ว เจ้าก็จะไม่รู้สึกเจ็บ”
ไม่ ข้าไม่ไป ข้ากลัว!
เจ้าเด็กอ้วนมองดูเข็มเงินที่ส่องประกาย สั่นเป็นเจ้าเข้า
“หืม?” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา พลังงานแพร่กระจาย
เจ้าเด็กอ้วนตัวแข็งทื่อ ก้าวเข้ามาอย่างเชื่อฟัง ทั้งๆ ที่กลัวเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่กล้าไม่เชื่อฟังแม้แต่นิด
หญิงวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่อันธพาลน้อยของตัวเองประพฤติตัวดีในเวลานี้ ซึ่งแตกต่างจากความจองหองตอนที่อยู่ที่บ้านอย่างสิ้นเชิง
เด็กขายยา ‘ไอ้หนู หากเจ้าถูกข่มขู่ก็ร้องออกมาเถิด!’
ฉินหลิวซีให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ ตัวเองยืนอยู่ตรงหน้าเขา จับมือซ้ายของเขากางออก มือถือเข็มเงิน แทงไปที่ข้อนิ้วทั้งสี่
เจ้าเด็กอ้วนเพียงแค่มีอาการสะสมของอาหารและอาหารย่อยไม่ดีก็เท่านั้น การฝังเข็มที่ข้อนิ้วทั้งสี่มีผลทำให้อาหารย่อย ขจัดเสมหะ เห็นผลรวดเร็ว ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว
ฉินหลิวซีลงเข็มรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่นานก็ฝังเข็มไปที่ข้อนิ้วทั้งสี่ จากนั้นก็บีบเม็ดของเหลวสีเหลืองขาวเล็กๆ ออกมาทีละเม็ด แล้วเปลี่ยนเป็นมือขวา ทำเช่นเดิม
ฉินหลิวซีก็ไม่ได้โกหกเด็กน้อย ลงเข็มอย่างรวดเร็ว ยกเว้นตอนที่บีบเม็ดเหลืองต้องใช้แรงค่อนข้างมาก แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถอดทนได้ ไม่เจ็บจริงๆ
ขอผ้าเช็ดหน้าจากหญิงวัยกลางคนมาเช็ดเม็ดเหลืองเล็กๆ นั้นออก ฉินหลิวซีวางนิ้วลงบนข้อมือของเจ้าเด็กอ้วน ไม่นานก็ดึงมือกลับ เอ่ยกับเจ้าเด็กอ้วนว่า “ต่อไปอย่าเอาแต่กินเนื้อไม่กินผัก เนื้อกำลังเติบโตบนร่างกายเจ้าแล้ว เดินได้ไม่กี่ก้าวก็หอบ หากโตเช่นนี้ต่อไป เจ้าก็จะอ้วนจนเดินออกนอกประตูไม่ได้แล้ว ทำอะไรก็ไม่ไหว”
หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว
“อีกอย่าง อ้วนเกินไป ซ้ำเจ้ายังไม่สูงขึ้น หากทั้งอ้วน ทั้งเตี้ย ทั้งขี้เหร่ ในภายภาคหน้าจะหาภรรยาไม่ได้”
เจ้าเด็กอ้วนร้องไห้เสียงดัง เขาไม่อยากหาภรรยาไม่ได้
เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นหลานชายสุดที่รักร้องไห้ ก็เอ่ยว่า “นี่ๆ เด็กรุ่นหลังอย่างท่านเหตุใดจึงได้หลอกเด็กน้อย”
“ท่านป้า เห็นแก่ค่ารักษา ข้ากล่าวตามความเป็นจริงท่านก็ไม่อยากฟัง เด็กคนนี้อ้วนเกินไปแล้ว กระดูกของเขาจะเสียหาย ไม่สูงขึ้น ซ้ำยังทำให้เกิดหลายโรคตามมา ร่างกายไม่ดี อายุขัยจะยืนยาวได้หรือ”
“นี่ท่าน…”
“ท่านเลิกเถียงกับข้าได้แล้ว ข้าเป็นหมอไหนเลยจะไม่รู้ดีถึงอันตรายของการอ้วนมากเกินไปกว่าท่าน การกินนั้นเป็นความสุข แต่กินมากไปก็จะเป็นภาระต่อร่างกาย ต้องทุกข์ทรมาน ต่อให้เป็นของอร่อยแค่ไหนก็สู้ความเพียรพยายามไม่ได้ไม่ใช่หรือ ข้าเห็นว่าท่านเป็นคนที่รักหลานมาก คงไม่อยากเห็นเขาต้องทุกข์ทรมานด้วยโรคนี้หรอกกระมัง”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ไม่มีใครรักเขาเท่าข้าแล้ว!” หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
“เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนวิธีรัก ข้าเห็นว่าเด็กคนนี้ก็รูปร่างดี แต่อ้วนมากเกินไป ตาแทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว ท่านว่าหากอ้วนเช่นนี้ต่อไป ต่อให้เขารูปร่างดีแค่ไหน บรรดาสตรีจะชอบได้อย่างไร แต่หากเป็นชายหนุ่มรูปงามรูปร่างสูงเพรียวนั้นย่อมแตกต่าง เมื่อเดินออกนอกประตูเรือน บรรดาสตรีต่างก็พากันเหลือบมอง แม่สื่อก็แทบจะเหยียบธรณีประตูเรือนท่านพังไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อคนมีทางเลือกมากกว่า ก็จะสามารถเลือกได้หลากหลาย แต่หากอ้วนเป็นโอ่ง สตรีก็จะใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เข้าหอก็กลัวว่าเตียงจะหัก”
เด็กขายยาจ้องมอง เหตุใดจึงได้พูดจาลามกเสียแล้ว
หญิงวัยกลางคนก็อุดหูของหลานชายไว้ แต่อย่างน้อยก็ถูกพูดเข้าไปถึงหัวใจ เมื่อเห็นหลานชายอ้วนมากเกินไปจริงๆ จึงเอ่ย “เหอะ เด็กรุ่นหลังอย่างท่านก็กล่าวมีเหตุผลอยู่บ้าง ดูท่านสิ ไม่สู้จินตั้นตั้นของข้า แต่ก็ดูดีอยู่ไม่น้อย หมั้นหมายแล้วหรือยัง”
ฉินหลิวซี “?”
เหตุใดไฟจึงลามมาถึงข้าเสียแล้ว
ฉินหลิวซีปากหวาน ซ้ำหญิงวัยกลางคนก็เห็นหลานชายบอกว่าหิวแล้ว จึงหยิบเงินหนึ่งตำลึงยื่นให้อย่างมีความสุข หยิบยาแล้วรีบจากไป
เด็กขายยาเหม่อลอย ได้ค่ารักษามาหนึ่งตำลึงเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ
ฉินหลิวซีโยนเงินไปในอ้อมแขนของเขา “รางวัลเจ้า รีบไปทำงานเถิด”
“นี่มัน จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
“นี่เป็นสถานที่ของพวกเจ้า แค่ยืมเล่นสักหน่อย ไม่ได้ต้องการจะหาเงินจริงๆ” ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจ
เด็กขายยาเม้มริมฝีปากและขอบคุณ เอ่ยว่า “ถึงแม้ว่าท่านป้าหม่าผู้นั้นจะพูดจาไม่น่าฟังอยู่บ้าง ท่าทางก้าวร้าว แต่นับว่าจิตใจดี บางครั้งก็แจกซาลาเปาหมั่นโถให้ขอทานน้อยเหล่านั้นอยู่บ่อยๆ”
“อืม” ฉินหลิวซีคิดในใจ หากไม่ใช่เพราะเห็นว่านางมีบุญกุศลอยู่บ้าง ไหนเลยจะเปลืองน้ำลายปากหวานเช่นนี้
เด็กขายยารู้สึกผิดเล็กน้อย จากนั้นก็รีบกลับไปจัดการกับวัตถุดิบยาที่นางต้องการ
ท่านหมอซุนแห่งร้านยาไป่เฉ่าได้กลับมาในเวลานี้ เมื่อเห็นหมอน้อยที่ตัวเองกำลังตามหานั่งอยู่ที่ตำแหน่งที่ตัวเองนั่งในวันปกติทั่วไป ก็อดขยี้ตาไม่ได้ คิดว่าสายตาแก่ชราของตัวเองพร่ามัวมากขึ้นแล้ว
“เจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้นมอง ตายจริง เป็นคนรู้จักเสียด้วย
นางลุกขึ้นยืน เอ่ยว่า “นี่เป็นโรงหมอของท่านหรือ”
“ก็ไม่ใช่ของข้าหรอก ข้าเพียงแค่ทำงานอยู่ที่นี่ เบื้องหลังยังมีเจ้าของร้าน เมื่อครู่ข้าไปเยี่ยมน้องชายของเจ้าที่เรือนเล็กแห่งนั้น กำลังอยากเจอเจ้าอยู่พอดี” ท่านหมอซุนรีบเดินเข้ามา
เมื่อเด็กขายยาได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รู้จักกันหรือ
เขายังกลัวว่าเมื่อครู่ฉินหลิวซียืมสถานที่รักษาคนไข้จะเป็นการฝ่าฝืนกฎ จึงรีบอธิบายขึ้นมาก่อน
หมอซุนจึงเอ่ยว่า “อ้อ นั่นเป็นเพราะปกติป้าหม่านางเป็นคนใจดีจึงได้รับสิ่งตอบแทน ทั้งสองคนได้มาพบกับท่านหมอน้อยมหัศจรรย์อย่างเจ้า ได้กำไรไม่น้อย”
หมอน้อยมหัศจรรย์?
ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านเลิกสรรเสริญข้าได้แล้ว ข้ารับไว้ไม่ไหว”
“เหตุใดจะรับไม่ไหว อาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นเจ้าก็สามารถช่วยคนกลับมาจากประตูวิญญาณได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กอาหารไม่ย่อยกับนิ่วในทางเดินปัสสาวะเล็กน้อยแค่นี้” ท่านหมอซุนกล่าวว่า “ข้าตามหาเจ้า ความจริงแล้วมีคนไข้อยากจะปรึกษาเจ้าสักหน่อย แต่ไม่รู้ว่า…”
“ท่านหมอซุนอยู่ที่ไหน รีบตามข้าไปที่จวนของใต้เท้าผู้ว่าการเร็ว คุณชายตระกูลใต้เท้าเนี่ยถูกคนทำร้าย อาการค่อนข้างสาหัส” มีคนพุ่งเข้ามา
ท่านหมอซุน “?”
ถูกคนทำร้าย?
เขาแทบจะมองไปยังฉินหลิวซีโดยไม่รู้ตัว อีกฝ่ายมุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ริมฝีปากไม่ขยับ แต่หูของเขากลับได้ยินคำพูดของนางอย่างชัดเจน “อย่าไป เปลืองแรงไม่คุ้มค่า”
ท่านหมอซุนเบิกตาโตด้วยความตกใจ นี่มัน นี่มันเป็นการถ่ายทอดเสียงมาที่ใบหูในตำนานหรือ
หมอน้อยมหัศจรรย์ผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องในครอบครัวด้วยหรือ
แต่เขามาหาถึงที่นี่ แล้วจะปฏิเสธอย่างไร
จริงสิ ท่านหมอซุนหันกลับมา ก่อนจะส่งเสียงร้องขึ้นมา กลอกตา แล้วล้มลงไปทางฉินหลิวซี
ฉินหลิวซี “…”
ไม่ธรรมดา ตาเฒ่าผู้นี้ไม่เพียงแต่การแสดงเป็นเลิศ ซ้ำยังคิดจะใส่ความอีกด้วย!
คนที่มาก็สีหน้ามึนงงไปหมด เหตุใดจึงได้เป็นลมเสียแล้ว
“เกรงว่าจะเป็นลมแดด!” ฉินหลิวซีอุ้มท่านหมอซุนมาพาดบ่าอย่างไม่ใส่ใจ กึ่งลากกึ่งพยุงไปที่เตียงไม้ชั่วคราวซึ่งอยู่ด้านข้าง
ท่านหมอซุนกระทุ้งศอก ช่วยให้ความร่วมมือหน่อยได้หรือไม่ สภาพอากาศแทบจะมีหิมะตกอยู่แล้ว เจ้าบอกว่าเป็นลมแดดใครจะไปเชื่อ