จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 569 คนคุ้นเคยทั้งสอง
ผู้ฝึกฝนนอกพิภพ? ลัทธิภูเขาสู่มองเห็นฉากนี้ ทยอยกันหน้าเปลี่ยนสี ทะเลโลหิตที่โหมเข้ามาทั่วท้องฟ้า เต็มไปด้วยกลิ่นอายอัน แข็งแกร่งที่มีเฉพาะผู้ฝึกฝนนอกพิภพ ผุ้แข็งแกร่งของดาวทุรกันดาร ตอนนี้ล้วนรวมตัวกันอยู่ในเมืองไป๋ตี้เพื่อร่วมงานแต่งงานของจ้าวลัทธิต้ วนสุ่ยหลิว ไม่มีใครที่จะกล้าก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น หลี่มู่สีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ ผู้ฝึกฝนนอกพิภพจะเข้ามา เรื่องนี้อยู่ในการคาดการณ์ของเขา ไม่กี่วันนี้เขาได้จัดการเรื่องต่างๆ ในภูเขาสู่ พร้อมกับฝึกบําเพ็ญไป ด้วย หลักๆ แล้วก็คือกําลังรอการเข้ามาของพวกฝึกตนนอกพิภพ นี่เดิมทีก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเขา เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าคนที่เข้ามา จะเป็นคนคุ้นเคยคนหนึ่ง ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ คนคุ้นเคยทั้งสอง
บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิต และยังมีคนติดตามข้างกายเขาอย่างจอมมารจันทราโลหิต บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคล
ขณะที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว ระหว่างเขากับหลี่มู่เคยประมือ กันหลายครั้ง และทุกครั้งก็จะถูกทําให้เสียหน้า ต่อมาในศึกที่สุสานเทพ บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตมองเห็นโอกาสและดึงตัวออกมาเสียก่อน พร้อมกับจอมมารจันทราโลหิตที่มักจะถูกหลี่มู่ทําให้เสียหน้าเสมอ จึง ได้รอดพ้นจากการถูกหลี่มู่สังหาร
ทั้งสองคนนี้ก็เป็นส่วนน้อยของผู้รอดชีวิตจากศึกสุสานเทพ
วันนี้ได้มาพบกันอีกครั้ง พลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิต แข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่เสินโจวในอดีตอย่างเห็นได้ ชัด ต่อให้เป็นจอมมารจันทราโลหิตที่อยู่ข้างๆ หมอกเลือดพันรัดรอบ กาย กําลังภายในปะทุซัดโหม มีกฏแห่งเต๋าไหลเวียน พลังแห่งดารา นอกพิภพลอยขึ้นลง ห่างชั้นจากในอดีตอย่างชัดเจน เข้าสู่ขั้นทะลวง สวรรค์ไปแล้วเรียบร้อย
ทะเลโลหิตที่ปิดแผ่นฟ้าไปกว่าครึ่ง ทําเอาคนทั้งหมดสัมผัสได้ถึง ความรู้สึกวิญญาณสั่นเทาด้วยแรงกดดันขึ้นมา
“แปลกใจมากใช่ไหม?” บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตมองลงมายังหลี่มู่ ด้วยความรู้สึกเหมือนลืมตาอ้าปากได้เสียที เอ่ยต่อว่า “เจอกันอีกครั้ง แล้ว”
หลี่มู่วางแก้วสุราในมือลง ตอบว่า “เจ้าก็ยังกล้ามานะ”
เมื่อเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตปรากฏตัว ในใจหลี่มู่ก็วางใจลง กว่าครึ่ง
นิสัยของคนผู้นี้ หลี่มู่ค่อนข้างเข้าใจเป็นอย่างดี
เป็นพวกที่กินอยู่คนเดียวแน่นอน
หลี่มู่สามารถยืนยันได้เลย ด้วยนิสัยของบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิต จะต้องทําเรื่องเดียวกับที่หญิงสาวชุดโปร่งดําทํา เพื่อที่จะรับเงินรางวัล คนเดียว ในช่วงแรกสุดจะต้องสกัดการเผยแพร่ของข่าว หรือไม่ก็ อาจจะลดความเร็วของการแพร่ข่าวลง จากนั้นบุกมายังดาวทุรกันดาร เพียงคนเดียว คิดที่จะเข้ามาสังหารหลี่มู่และรับเงินรางวัลก้อนใหญ่ไป
นี่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแผนการของหลี่มู่ไม่ผิดเพี้ยน
เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว จากการรบจนตัวตายของหญิงสาวชุด โปร่งดํา ผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์ของเก้าสํานักถูกกําจัดทั้งหมด ขั้ว อํานาจที่สํานักนอกพิภพเพาะเลี้ยงเอาไว้ในดาวทุรกันดารจึงเท่ากับ
แตกพังยับเยิน ถึงแม้พวกที่รอดตายจากดาวทุรกันดารจะติดต่อกับ สํานักนอกพิภพ ข่าวสารจึงอยู่ในสถานะปิดกั้นชั่วคราว แต่ไม่ใช่การปิดกั้นที่ยาวนานนัก ในตอนนั้น หลี่มู่ยังไม่สามารถยืนยันได้ ว่าพวกที่เหลือรอดของเก้า สํานักจะใช้วิธีพิเศษนําข่าวนี้ส่งออกไป หรือว่าสํานักนอกพิภพที่ไม่ได้ รับข่าวเสียทีจนต้องลงมาตรวจสอบเอง แล้วส่งผู้แข็งแกร่งเป็น กองหนุนลงมาสืบหาความจริง ทั้งสองข้อล้วนเป็นสิ่งที่หลี่มู่พิจารณาไว้แล้ว ข้อแรกยังดูยุ่งยากหน่อย ข่าวสารหลุดออกไปจากในดาว ทุรกันดารเป็นเรื่องที่ยากจะควบคุม หากแต่ละฝ่ายส่งคนเข้ามา จํานวน ก็จะมากตามตัว แรงกดดันบนตัวหลี่มู่ก็จะมากขึ้นเช่นกัน ข้อหลังก็จะดีหน่อย ปกติแล้วพวกกองหนุนจะมากันไม่มากนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน หลี่มู่ก็ล้วนกําลังรอ ขอแค่คนนอกพิภพเข้ามา แผนการของเขาจึงจะได้เริ่มขึ้นจริงๆ และการออกโรงด้วยความขี้โอ่เหลือประมาณอย่างที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ทะเลโลหิตทํา ก็แทบจะบอกกับหลี่มู่แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นข้อไหนก็ไม่
ต้องสนใจ สํานักนอกพิภพกลุ่มแรกที่มาถึง มีเพียงกลุ่มของทะเลโลหิต เท่านั้น
เช่นนั้นก็ง่ายล่ะ
มุมปากของหลี่มู่ ปรากฏรอยแสยะยิ้มขึ้น
ภายใต้การจับจ้องของคนลัทธิภูเขาสู่และประเทศใหญ่ต่างๆ แคว้นเมือง สํานักระดับสูงต่างๆ ร่างของหลี่มู่ค่อยๆ ลอยขึ้นไปยืน ตระหง่านบนอากาศ เผชิญหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตที่อยู่ห่าง ออกไป พลังแผ่รังสีออกมา จิตดาบไร้รูปร่างหลายสายไหลเวียนใน อากาศ สามารถต้านทานกับทะเลโลหิตที่ปกคลุมบดบังอยู่ครึ่งฟ้าได้
ทุกคนผ่อนลมลงได้บ้าง
ส่วนเยี่ยอู๋เฮิ่นก็ตามติดเข้าไปโดยแทบจะไม่ได้คิดเลย
นางควบคุมค่ายกลกระบี่ภูเขาสู่ให้อําพรางไว้ก่อน พลังแม้จะไม่ถึง ขั้นหลี่มู่ แต่ความรู้สึกเลือนรางของการผสมผสานวิถีสวรรค์ฟ้าดินภูเขา ฝั่ งนี้ ก็ทําเอาบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตและจอมมารจันทราโลหิตสัมผัส ได้ถึงความตึงเครียด
“หลี่มู่ คิดไม่ถึงสินะ…” บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตยิ้มเย็นชาเอ่ยขึ้น
หลี่มู่ขัดขึ้นทันที “ข้าคิดถึงแล้ว”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิต “…” คิดถึงแล้วอะไรของเจ้ากัน ให้คนอื่นเขาพูดจบประโยคก่อนได้ไหม
จอมมารจันทราโลหิตอีกด้านจับจ้องที่หลี่มู่ จิตการรบแผดเผา เอ่ย ขึ้นว่า “ที่โลกแผ่นดินใหญ่เสินโจวในอดีต ข้ากับเจ้ามีนัดทําศึกกัน น่า เสียดายที่หลายครั้งต้องเลื่อนออก สู้วันนี้มาชําระสะสางกันต่อดีกว่า”
ครั้งนั้นเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องตัวละครโศกนาฎกรรม กลายเป็นเรื่องตลกของแผ่นดินใหญ่เสินโจวไป นัดทําศึกหลายครั้ง ผลลัพธ์ล้วนถูกหลี่มู่ทําให้หวาดผวาจนต้องหนีไปทุกครั้ง นี่เป็นหลุม หนึ่งในใจของเขา และเป็นมารร้ายในใจก้อนหนึ่งบนเส้นทางวิถียุทธ์ ของเขา
ตอนนี้รู้สึกว่าการบําเพ็ญวิชาลับทะเลโลหิตที่นอกพิภพ พลัง เพิ่มขึ้นราวโจนทะยาน จนทนแทบไม่ไหวที่จะออกไปท้าดวลกับหลี่มู่ เพื่อขจัดมารในใจ
แน่นอน คนผู้นี้ทําอะไรก็ปลิ้นปล้อน เป็นคนละเอียดรอบคอบ เพื่อที่ลงมือแทนบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตก่อน ทดสอบพลังของหลี่มู่ ในตอนนี้
หลี่มู่กลับสั่นศีรษะออกมาตรงๆ เอ่ยว่า “ไม่ได้”
จอมมารจันทราโลหิตยิ้มเย็นชาถามว่า “”เจ้ากลัวหรือ?”
หลี่มู่หัวเราะ “ไม่ใช่ว่าข้ากลัว แต่เจ้าไม่คู่ควร”
จอมมารจันทราโลหิตเดือดดาลขึ้นทันที “เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้า ตอนนี้…”
เสียยังไม่ทันขาด
จิตดาบอันคบกริบสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
ภายใต้ความตกตะลึง จอมมารจันทราโลหิตร่ายวิชาลับทะเลโลหิต ด้านหน้ามีอักขระสีเลือดไหลเวียน แปรเปลี่ยนเป็นโล่โลหิตเพื่อป้องกัน ทว่าโล่โลหิตที่เพิ่งจะรวมกันเสร็จ ก็ถูกผ่าออกเป็นสองอย่างไร้ซุ่มเสียง
“ระวัง”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตตบไหล่ของเขา จนเขาลอยออกไปนับ ร้อยจั้งในชั่วพริบตา
พริบตาต่อมา ก็เห็นว่าตําแหน่งที่จอมมารจันทราโลหิตอยู่ มีรอย แยกอากาศปรากฏขึ้น ทะเลโลหิตด้านหลังก็ปรากฏรอยแยกสายหนึ่ง ยาวหลายลี้ ราวกับถูกดาบเทพไร้รูปร่างตัดผ่าลงมาตรงๆ ก็มิปาน
ยิ่งไปกว่านั้น รอยแยกนี้ยังคงอยู่นานไม่จางหาย
ทะเลโลหิตที่อยู่บริเวณรอบๆ รอยแยกได้ละลายกลายเป็นหยด น�าฝน
จอมมารจันทราโลหิตรู้สึกเหมือนวิญญาณกระเจิดกระเจิงในทันที เหงื่อเย็นที่กลางหลังแทบจะซึมออกมาจากเสื้อผ้า
นี่มันวิชาดาบอะไร?
จึงได้น่ากลัวถึงเพียงนี้
ในใจของเขาชัดเจนอย่างมาก ว่าทะเลโลหิตที่บดบังอยู่บนท้องฟ้า จริงๆ แล้วเป็นสมบัติเต๋าชิ้นหนึ่ง
จิตดาบวูบหนึ่งฟันสะบั้นสมบัติเต๋า
ดาบเมื่อครู่นั้น ถ้าหากฟันมาที่ร่างของตนเองล่ะก็ น่ากลัวว่าตอนนี้ …เขาคิดๆ แล้วหุบปากลง ไม่พูดอะไรต่อ ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังบุตร ศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิต ตัวเขาเองข้อดีที่สุดก็คืออ่อนได้แข็งได้ ยื่นได้งอได้
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว” บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตยิ้มขึ้นมา
สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนอะไรจากดาบที่หลี่มู่ฟันออกมาเมื่อครู่ ยังคงไม่สะทกสะท้านหน้าตาเฉย มีรอยยิ้มที่เหมือนกับว่าทุกอย่างอยู่ใน
การควบคุม เอ่ยขึ้นว่า “ไม่เลวไม่เลว สมแล้วที่เป็นคู่มือที่เคยทําให้ข้า ต้องพบกับกําแพงทางตันมา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่คู่ควรให้ข้าลงมายัง ดาวทุรกันดารแห่งนี้”
หลี่มู่หมดแรงจะแขวะ
จูนิเบียวอะไรขนาดนี้
ก่อนหน้าทําไมถึงไม่พบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตก็เป็นคนแบบนี้ กันนะ
แล้วก็ได้ยินบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตเอ่ยต่อว่า “เจ้าไม่ทําให้ข้า ผิดหวัง แต่ว่า ข้าที่ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การกดดันของค่ายกลและ กฎเกณฑ์วิถีสวรรค์ จะทําให้เจ้าสิ้นหวังเอง หลี่มู่ ตอนนี้จงมารับรู้ว่า อะไรถึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งทางช้างเผือกเสียเถิด ชีวิตของ เจ้าถูกกําหนดไว้แล้วว่าข้าคือผู้ที่จะปลิดมัน”
พูดจบ เขาโบกมือ ทะเลโลหิตที่บดฟ้าบังตะวันอยู่ด้านหลัง ได้ แยกกันแปรเปลี่ยนเป็นธนูโลหิตนับไม่ถ้วน พุ่งตรงสังหารเข้ามาทางห ลี่มู่
ทุกดอกล้วนมีพลานุภาพที่สามารถกําจัดผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวง สวรรค์ให้สลายกลายเป็นควันไปได้
คนของผู้เขาสู่ล้วนหน้าถอดสี
ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนนอกพิภพ ได้แสดงออกมาอย่างสวย สดหมดจดในพริบตานี้
“จูนิเบียวอย่างเจ้า ต้องรีบไปรักษาแล้ว” หลี่มู่ร่ายในใจ เสียงหวีดหวิวของสายลมฤดูใบไม้ร่วงดังขึ้น นี่คือ ‘กลางฤดูใบไม้ร่วง’ แห่งจิตดาบยี่สิบสี่ฤดูลักษณ์
เสียงอันเคร่งขรึมพุ่งผ่าน ธนูโลหิตเต็มท้องฟ้าเหล่านั้นได้ถูกพัด กระจายไปในพริบตา แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ สลายหายไป ระหว่างฟ้าดิน กลับคืนสู่วิถีสวรรค์แห่งฟ้าดินไป
เพิ่งจะเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น หลี่มู่เข้าใจต่อจิตดาบยี่สิบสี่ฤดู ลักษณ์ลึกล�าไปถึงขั้น ‘ส่งผ่านความจริงจากความว่างเปล่า’ แล้ว
จากนั้น กลางอากาศได้มีเกล็ดหิมะละเอียดพัดขึ้น นี่คือจิตดาบ ‘หิมะเล็ก’ แห่ง ‘จิตดาบยี่สิบสี่ฤดูลักษณ์’ “ฮ่ะๆ จิตดาบพัฒนาเป็นสภาพอากาศหรือ? น่าสนใจ” บุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตยังคงหัวเราะร่าหน้าไม่เปลี่ยน
เขาทําปางมืออย่างไม่หยุด ทะเลโลหิตด้านหลังได้ปรากฏร่างสัตว์ ยักษ์เทาเทียสีเลือดสูงหลายลี้ตัวหนึ่งขึ้น แค่อ้าปากก็ดูดกลืนเกล็ดหิมะ ทั่วท้องฟ้าลงไปจนหมด
พลังในสภาวะปกติของเขาถือว่าแข็งแกร่งจริงๆ
ทะเลโลหิตเป็นหนึ่งในสํานักใหญ่แห่งเขตดาราเทพวีรชน ไม่ใช่สิ่ง ที่กลุ่มองค์กรมือสังหารอย่าง ‘หอสังหารอาภรณ์ดํา’ จะมาเทียบเคียงได้ ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดทะเลโลหิต พลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิต จึงห่างชั้นจากหญิงสาวชุดโปร่งดําอยู่หลายขุม นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ หลังจากเขารู้ว่าหญิงสาวชุดโปร่งดําถูกหลี่มู่สังหาร ก็ยังกล้าพาเพียงผุ้ ติดตามอย่างจอมมารจันทราโลหิตเพียงคนเดียวลงมายังดาวทุรกันดาร แห่งนี้
เทาเทียสีเลือดคํารามกราดเกรี้ยว พุ่งตรงมาที่หลี่มู่
“สลาย” หลี่มู่ตะโกน
พริบตาต่อมา จิตดาบหิมะเล็กที่ช่วงท้องของเทาเทียสีเลือดระเบิด ออก แสงดาบนับพันหมื่นตัดสังหารร่างมันจนย่อยยับ แปรเปลี่ยนเป็น พลังงานบริสุทธิ์สลายหายไประหว่างฟ้าดิน
“ฮ่ะๆ ดี ดีมาก เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่มือของข้าแล้ว” บุตร ศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตหัวเราะร่า ร่างลอยสูงขึ้นฟ้ามากกว่าเดิม เอ่ยต่อ
“มาเถอะ หลี่มู่ ให้ข้าได้เห็นว่าเพลงดาบสภาพอากาศของเจ้า สามารถ พัฒนาไปได้สักเท่าใด”
เขากําลังท้าดวล
หลี่มู่ไม่ลังเล ร่างไหววูบเป็นลําแสงพุ่งตรงเข้าไป
พริบตา ร่างของสองผู้แข็งแกร่งได้ขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า มองด้วยตา เปล่าไม่เห็น
ทะเลโลหิตที่บดฟ้าบังตะวันอย่างน้อยแบ่งออกไปถึงสามในสี่ส่วน ลอยตามบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตไป ท้ายสุดได้เปลี่ยนเป็นแสงสีแดง ผืนหนึ่งที่มองเห็นได้
ใบหน้าของจอมมารจันทราโลหิต ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้น
เขามองไปยังเยี่ยอู่เฮิ่นที่อยู่ฝั่ งตรงข้าม มองลงไปยังผู้คนของภูเขา สู่ในเมืองไป๋ตี้ ราวกับเป็นเทพยดามองลงไปยังเหล่าคนป่าดึกดําบรรพ์ อย่างไรอย่างนั้น ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่าอย่างปิดไม่ มิด
แผนการดําเนินไปอย่างราบรื่น
เขาชื่อว่าเจ้านายของเขาสามารถจับกุมตัวหลี่มู่ได้
และหน้าที่ของเขา ก็คือการจับกุมตัวเพื่อนสนิทของหลี่มู่บนดาว ทุรกันดารกลับไปยังทะเลโลหิต พอถึงเวลาจึงนํามาใช้เป็นเครื่องมือใน การสร้างอุปสรรคแก่หลี่มู่ เพื่อเค้นถามเอาความลับบางส่วนบนตัวของ เขา
ไม่ว่าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะเลโลหิตหรือว่าจอมมารจันทราโลหิต ได้ทําการค้นคว้าในตัวหลี่มู่มาโดยเฉพาะ ตอนนี้จึงค่อนข้างเชื่อมั่นว่า บนตัวหลี่มู่ จะต้องมีวิชาสืบทอดของมหาเทพบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่ จึงเป็นสาเหตุที่จู่ๆ หลี่มู่สามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างฉับพลันเช่นนี้
………………………………………