ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 546: โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ (2)
บทที่ 546: โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ (2)
ฉินเย่กำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นและพึมพำกับตัวเอง “นางกำลังกินบางอย่าง”
เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ แต่น่าเสียดายที่โรงเรียนนั้นตั้งอยู่บนที่ดินผืนใหญ่ และมันก็ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะระบุตำแหน่งที่แท้จริงของนาง
แต่ตราบใดที่นางเปื้อนไปด้วยเลือดของมนุษย์ กลิ่นของมันจะติดตัวไปกว่าอีกครึ่งวัน และมันก็ไม่มีทางที่นางจะหลบเขาได้
ปากกาจิตวิญญาณกระซิบกับเด็กหนุ่มเสียงเบา “มันไม่มีทางเลยที่นางจะออกอาละวาดและสังหารผู้คนจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียง หลิวอวี้ไม่มีทางปล่อยมันหากนางสังหารมนุษย์อย่างไม่เลือกห หน้า ในทางกลับกัน นางคงจะสังหารแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เพราะอย่างไรแล้ว ความตายก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากใครได้เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายในแดนมนุษย์ ท่าน...ไม่คิดที่จะ รีบไปที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหยื่อเลยอย่างนั้นหรือ?”
ฉินเย่ส่ายศีรษะไปมา
ทำไมเขาถึงเลือกที่จะรอจนกว่าจะถึงชั่วโมงปีศาจก่อนที่จะตามหาอัน โซมีน่ะหรือ?
ง่ายมาก เพราะว่าพลังหยินจะรุนแรงขึ้นหลังจากชั่วโมงปีศาจ และมันก็มีความเป็นไปได้ที่วิญญาณที่ปกป้องอัน โซมีอยู่จะเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เบาะแสเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ… เขาหมายถึง…เขายอมแม้กระทั่งแต่งตัวเป็นผู้หญิงเลยนะ แต่มันกลับได้แค่เบาะแสเดียวน่ะหรือ?!
ไม่… เขาจะต้องจับตาดูวิญญาณร้ายที่ตามติดอัน โซมี เขาเชื่อว่าวิญญาณตนนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับโลกใต้พิภพของรุส อีกฝ่ายคือกุญแจที่นำไปสู่เบาะแสที่มากกว่าที่อัน โซมีจะสามารถให้ได้!
และเด็กหนุ่มอาจจะสามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับบทละครที่ซาร์อาร์ตูโรได้เขียนเอาไว้จากการสืบสวนเหล่านี้ก็ได้!
“นางคงไม่กล้าที่จะสังหารหมู่ เหล่าผู้คนที่อยู่รอบ ๆ… LSD อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าหน่วยสอบสวนพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่กองกำลังธรรมดา” ฉินเย่เอนหลังพิงกับเบาะนั่งอย่างเกียจคร ร้าน “ทั้งหมดที่เราต้องทำก็แค่จับตัวนาง”
เขาหลับตาลงและยกแขนกอดอก “หากนางบอกความจริงกับเรา ข้าอาจจะไว้ชีวิตนาง แต่มันก็คงจะเป็นหลังจากที่ข้าออกจากแดฮันแล้วเท่านั้น”
……………..
“หืม? พี่ซองโฮหายไปไหน?” ตอนนี้เป็นเวลา 18.30 น. และนักเรียนส่วนใหญ่ก็กลับมาจากทานอาหารเย็นกันหมดแล้ว ชั่วโมงของการเรียนรู้ด้วยตัวเองกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมง แต่ถ ถึงกระนั้น ซองโฮกลับหายตัวไป
“ไม่รู้เหมือนกัน” อัน โซมีกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ของเธออยู่ที่โต๊ะ และมันก็มีคราบสีแดงเปื้อนอยู่ที่ปากของเธอ “เขาแอบโดดไปเล่นเกมหรือเปล่า?”
“โดดอีกแล้วเหรอ?” เด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งหัวเราะ “โซมี ดูก็รู้ว่าพี่ซองโฮเขาชอบเธอ ทำไมเขาถึงออกไปเที่ยวโดยที่ไม่พาเธอไปด้วยล่ะ?”
อัน โซมียิ้มและลูบท้องของตัวเอง “ต่อไปนี้…ฉันจะเป็นคนพาเขาไปเอง”
“จะว่าไปนะ สีหน้าเธอดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากเลยนี่?” เด็กสาวเดินเข้ามาและโน้มหน้าเข้ามาใกล้หน้าของโซมี “ไปทำอะไรมาล่ะ?”
อัน โซมียิ้มและดันหน้าของอีกฝ่ายออกไป “พอดีกินอะไรเข้าไปแล้วมันก็รู้สึกดีขึ้นน่ะ อย่าเข้ามาใกล้สิ หรือว่ามีอะไรติดอยู่ที่หน้าของฉัน?”
“จริง ๆ มันก็มีน่ะนะ” เด็กสาวเม้มปากและใช้นิ้วปาดคราบสีแดงออกจากมุมปากของโซมี
เงียบสนิท
ในวินาทีนั้น ทุกอย่างโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบที่แสนจะบีบคั้น
เด็กหญิงยังคงยิ้มสดใส แต่ไม่นานมันก็ค่อย ๆ จางหายไปเมื่อเธอพบว่าอัน โซมีกำลังจ้องเขม็งมาที่ตน
ความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ไม่สามารถอธิบายได้เข้าเกาะกุมหัวใจ ร่างของเธอสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ลมหายใจของเด็กหญิงเริ่มถี่รัว ในขณะที่หัวใจเต้นเร็วขึ้น ในวินาทีนั้น เธอ อรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองโดยอสูรร้าย
“ซะ…ซะ…ซะ…โซมี…” เสียงที่เอ่ยออกไปของเด็กสาวนั้นแผ่วเบา ริมฝีปากของเธอเปลี่ยนเป็นซีดเผือด “มันก็คะ…แค่ซอสเอง มะ…ไม่ใช่เหรอ? ทะ…ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น…?”
สามวินาทีต่อมา อัน โซมีก็แย้มยิ้มและก้มหน้าลง “อ๋อ… ใช่ ๆ น่าจะเป็นซอสน่ะ ขอบคุณนะโบมี”
โบมีพูดอะไรไม่ออก มันรู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งกลับมาจากหน้าผาแห่งความตาย ดังนั้น ทันทีที่เธอได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวก็พยักหน้าเบา ๆ และหาที่นั่งที่อื่น
อันที่จริง พวกเธอควรจะนั่งด้วยกันในชั่วโมงเรียนรู้ด้วยตัวเองของช่วงเย็น แต่เธอกลับไม่สามารถเดินกลับไปนั่งที่นั่นได้ก่อนที่จะถึงเวลาเริ่ม
“โบมี?” เด็กสาวสามคนที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์ของตนอยู่สังเกตเห็นว่าโบมีเดินเข้ามาหาพวกตน ทั้งสามก็เงยหน้าขึ้นและต้อนรับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “มีอะไร? ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ จแล้วเหรอว่าจะเข้ากลุ่ม SSS Sky ของเรา? ไม่ใช่ว่าปกติเธอชอบอยู่กับโซมีมากกว่าหรอกเหรอ?”
โซมี…
โบมีลอบกลืนน้ำลายและส่ายหน้า ราบกับกำลังสลัดความรู้สึกอึดอัดที่ผุดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ออกไป จากนั้น เธอก็ฝืนยิ้มออกมาและตอบว่า “ทำไม? นี่ฉันไม่เป็นที่ต้อนรับหรือไง? แค่วันนี ฉันอยากนั่งตรงนี้ก็เท่านั้น ซงแจ เธออยากจะแลกที่กับฉันมั้ย?”
ซงแจ เด็กสาวหน้ากลมหันไปมองและเอ่ยปฏิเสธคำขอของโบมี “ไม่มีทาง! พวกเราทั้งหมดจัดตำแหน่งที่นั่งของตัวเองกันหมดแล้ว”
โบมีที่ได้ยินเช่นนั้นก็แสร้งทำน้ำเสียงออดอ้อนและคว้ามือของอีกฝ่ายมาจับ “น่านะ… ซงแจ แค่ครั้งเดียวเอง นะ…”
“ชิ…” ซงแจทำหน้ามุ่ยและเริ่มเก็บข้าวของของตัวเอง “พรุ่งนี้ เธอจะต้องซื้อชานมของร้านที่อยู่หน้าโรงเรียนมาให้ฉันด้วย รสมัจฉะพร้อมกับฟองนมด้วย”
“ได้เลย….” โบมีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในที่สุดขณะที่เธอมองดูซงแจเดินไปนั่งที่ของตัวเอง
หนี… เธอจะต้องหนีไป!
นี่เป็นความคิดที่อยู่ภายในใจของโบมีเมื่อครู่นี้
“ซงแจ” โบมีเม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเรียกซงแจอีกครั้ง
“หืม?” ซงแจคาบอมยิ้มไว้ในปากขณะที่เธอหันกลับไปมอง
“เอ่อ…” โบมีกำลังจะเอ่ยต่อแต่เธอก็เปลี่ยนใจไปกระทันหัน “อ๋อ ไม่มีอะไร… ขอให้สนุกนะ…”
“ยัยบ้า” ซงแจกลอกตาและนั่งลง
“แต่ซงแจ” โบมีสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยออกไปอย่างกล้าหาญ “คืนนี้เธอไม่ควรไปยุ่งกับโซมีนะ”
“เธอไม่สบาย แล้ว…มันก็มีบางอย่างแปลกไปเกี่ยวกับเธอ…”
ซงแจโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนักขณะที่เหลือบไปมองอัน โซมีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตน
โซมีเงยหน้าขึ้นและโบกมือให้กับอีกฝ่ายพร้อมกับแย้มยิ้มสดใส
นอกจากนี้ โซมีนั้นมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างมาก เธอนั้นเหมือนกับดอกไม้งามของชั้น…
“เธอก็ดูปกติดีนี่นา” ซงแจใช้ข้อศอกของตนสะกิดโซมี “นี่ เธอคิดว่าวันนี้โบมีดูแปลก ๆ หรือเปล่า?”
“นั่นสินะ” อัน โซมียิ้มขณะที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง
เต้ง…
ทันใดนั้น เสียงระฆังของโรงเรียนที่บอกถึงการเริ่มต้นของชั่วโมงเรียนรู้ด้วยตัวเองก็ดังขึ้น และทุกคนก็เริ่มเดินไปที่โต๊ะของตนเอง บางคนนั่งอ่านหนังสือเรียน บางคนนั่งคุยกับเพ พื่อน ในขณะที่บางคนแอบนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ใต้โต๊ะ มันมีแม้กระทั่งนักเรียนที่เอื้อมไปใต้โต๊ะเป็นครั้งคราวและหยิบขนมขึ้นมาทาน
สิบนาทีต่อมา ซงแจก็เงยหน้าขึ้นมาและกระซิบกับอัน โซมี “นั่นกลิ่นอะไรน่ะ? เธอได้กลิ่นไหม?”
“ไม่นะ” อัน โซมียังคงจ้องมองไปยังหนังสือเรียนของเธอที่ยังไม่ได้รับการแตะต้องตั้งแต่เริ่มชั่วโมงมา
ซงแจก้มหน้าลงอย่างสับสน จากนั้น หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เงยหน้าขึ้นและกระซิบอีกครั้ง “ไม่น่าเป็นไปได้! ฉันได้กลิ่นมัน! โซมี มันดูเหมือนว่ากลิ่นนั้นจะมาจากใกล้ ๆ ตัวเธอ!”
“ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ” อันโซมียังคงก้มหน้าต่ำ เธอหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากใต้โต๊ะและใส่มันเข้าปากก่อนจะเริ่มเคี้ยวมัน
“นี่ เธอกินอะไรน่ะ? แบ่งกันบ้างสิ ไม่เคยได้ยินเหรอ ‘sharing is caring’ น่ะ?”
อัน โซมีหันไปมองซงแจในที่สุด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็แย้มยิ้ม “เธอ…อาจจะไม่คุ้นชินกับมัน”
ทันทีที่ทั้งสองสบตากัน ซงแจก็อ้าปากค้างและล้มลงกับพื้นทันที
โครม!
คนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในห้องต่างหันมามอง ซงแจรีบลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ฉันไม่เป็นอะไร…”
แปลก…
คนตรงหน้าของเธอคืออัน โซมีอย่างแน่นอน แต่…บางสิ่งบางอย่างกลับให้ความรู้สึกที่แปลกไป!
มันแทบจะเหมือนกับว่า…เธอคือปีศาจที่สวมหนังของมนุษย์!
จากนั้น ในขณะที่ซงแจกำลังจะยกเก้าอี้ของเธอขึ้นมา หลอดไฟภายในห้องก็กระพริบและดับไป!
“เกิดอะไรขึ้น?!”
“เยี่ยมเลย! ทุกคน! ได้เวลาเก็บของและกลับบ้านกันได้แล้ว!”
“ชู่ว์!!”
เสียงร้องของความดีใจดังขึ้นให้ได้ยินท่ามกลางห้องเรียนที่มืดมิด ทว่าในเวลาเดียวกัน อัน โซมีกลับค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตกตะลึง
เธอมองเห็นความมืดที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นค่อย ๆ แพร่กระจายและปกคลุมไปตามทางเดินของโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
เงียบ…
เงียบสนิท…
ความเงียบที่แสนบีบคั้น เหมือนกับความเงียบที่อยู่ภายในห้องเก็บศพในเวลาเที่ยงคืน
ทันใดนั้นเอง ขนบนร่างของเธอก็ลุกชัน หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพราะเธอกำลังแน่ใจเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง เขากำลังมา… เขากำลังมา!!
พรึ่บ… เสี้ยววินาทีต่อมา ร่าง ๆ หนึ่งก็ลอยออกมาจากมุมหนึ่งของทางเข้าโรงเรียน เธอมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนนักเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามสวมเสื้อคลุมอยู่ พลังหยินที่แผ่อ ออกมาจากร่างนั้นมีพลังสูงกว่าเธอมาก และเธอก็ไม่สามารถมองทะลุกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่นนั้นได้ แต่ถึงกระนั้น เธอก็สามารถบอกได้ว่าเท้าของเขาลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยขณะ ะที่เขาลอยตัวเข้ามา!
“ฮือออ…”
“อย่า… พาข้าไป…”
“ทรมาน… ข้ายังไม่อยากตาย…”
เสียงร้องคร่ำครวญดังไปทั่ว วิญญาณเร่ร่อนจำนวนมากที่ลอยล่องอยู่รอบ ๆ วิทยาเขตถูกสลายให้กลายเป็นผุยผงไปทันทีที่พวกมันสัมผัสกับพลังหยินของร่างลึกลับที่เพิ่งมาถึง ที่สำคัญที่ สุด เธอสามารถบอกได้ด้วยว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ห่างจากห้องเรียนไปแค่ 200 เมตรเท่านั้น!
เขาอยู่ที่นี่…
เขาอยู่ที่นี่แล้ว!
เขาอยู่ที่นี่แล้วจริง ๆ!
ทำไมถึงเร็วขนาดนี้?! เขาหาเธอเจอได้อย่างไร? นะ…นี่เขาไม่สนใจคำเตือนของโลกใต้พิภพของรุสเลยอย่างนั้นหรือ?!
อัน โซมีโน้มร่างของเธอเข้ากับโต๊ะ ร่างของเธอสั่นเทาขณะที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นหวัง
ห้องเรียนแรก อีกฝ่ายเพียงยกมือของตนขึ้น
ฟึ่บ!!!
กระแสลมรุนแรงพัดเข้าไปในห้อง ขณะที่วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ มันใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำก่อนที่ชายคนนั้นจะเสร็จสิ้นการค้นหาของเขา
จากนั้น เขาจึงเดินไปที่ห้องที่สอง
คน ๆ นั้นกำลังตามหาเธอ!
ร่างของอัน โซมีสั่นเทาอย่างรุนแรง ความกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเข้าเกาะกุมหัวใจ
มันรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก แทบจะเหมือนกับว่าเธอกำลังจมลงไปในน้ำทะเลที่เย็นยะเยือก
ไม่ต้องสงสัยเลย
วิญญาณที่ทรงพลังตนนั้นมาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของเธอ!
เป็นไปได้อย่างไร?!
ในขณะเดียวกัน ชายที่นั่งอยู่ภายในห้องพักครูก็เงยหน้าขึ้นและอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง
“ยมทูตระดับสูงอย่างนั้นเหรอ?! แถมยังเป็นยมทูตนอกอาณาเขตอีกด้วย?!”
“เป้าหมายของเขาคืออัน โซมี!!”
เขาลุกขึ้นยืนและเตรียมที่จะเดินออกไป แต่ทันทีที่เขาวางมือลงไปลูกบิดประตู เขาก็นิ่งไป
เขาไม่กล้า…
ความกดดันมหาศาลที่กดทับลงมาบนร่างทำให้เขารู้สึกราวกับถูกขังอยู่ภายในคุกน้ำแข็ง ชายลึกลับคนดังกล่าวอยู่ขั้นตุลาการนรก เหมือนกันกับเขา แต่ถึงกระนั้น…เขากลับสามารถบอกได ด้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเองมาก!
“นี่มัน…ผู้ที่มาจากหนึ่งในสี่โลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุด!!” เขาตะโกนออกมาและเปลี่ยนร่างเป็นกระแสลม ถอยกลับเข้าไปหลบอยู่ในรอยแยกของเก้าอี้นั่งของตัวเอง
“ยมทูตของหนึ่งในสี่โลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดมาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณ?! ทำไมกัน…ทำไมพวกเขาถึงมาตามหาอัน โซมี?! การอัญเชิญวิญญาณเมื่อคืนล้มเหลวอย่างนั้นหรือ? นั่นคือ เหตุผลที่พวกเขามาเคาะประตูบ้านของเราหรืออย่างไร? แถม…ยังเป็นในแดฮันด้วย?!”
“หนี…อัน โซมี…หนีไป!! เราจะปล่อยให้ชายคนนั้นค้นพบถึงความลับที่พวกเรากุมอยู่ไม่ได้เด็ดขาด!”
น่าเสียดาย แต่อัน โซมีไม่สามารถได้ยินสิ่งที่ ‘คุณครู’ คนนั้นพูดออกมาได้เลย ร่างของเธอสั่นเทาจนเธอไม่สามารถขยับขาได้อีกต่อไป
อุณหภูมิภายในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงลดลงอย่างรวดเร็วด้วยการมาถึงของชายลึกลับ เหล่าเด็กนักเรียนต่างพากันโหวกเหวกโวยวายท่ามกลางความมืดมิด แต่มันกลับไม่มีใครรู้เลยว่าเทพแห่งค ความตายเพิ่งเดินผ่านห้องเรียนของพวกเขาไป
ปัง ปัง ปัง ปัง!!!
หน้าต่างและประตูทุกบานล้วนปิดลงอย่างแรงเมื่อชายคนนั้นเดินผ่าน โซมีมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวงขณะที่เธอกำมือแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้นับตั้งแต่ที่กลาย ยเป็นวิญญาณร้ายมา
มันเป็นความกลัวที่ทำให้แม้แต่ดวงวิญญาณของภูตผีร้ายยอมจำนนโดยสมบูรณ์
“โซมี… โซมี?” ซงแจจ้องมองไปที่เพื่อนของตน “เป็นอะไร?”
โซมียังคงเงียบ ความกลัวที่เข้าเกาะกุมหัวใจทำให้เธอไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้ ภายในหัวของเธอก็มีเพียงความคิดเดียว
เธอจะทำอย่างไรดี?!
เธอจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?!
เธอยังคงอ่อนแอจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้…ใช่แล้ว…
จากนั้น เด็กสาวก็มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
ตรงหน้าของเธอมีอาหารอยู่จำนวนมาก... หากเธอกินทั้งหมดนี้เข้าไป… เธอก็อาจจะสามารถหนีไปได้…
มันยังเหลือห้องเรียนอีกสามห้องที่ต้องค้นหาก่อนที่ชายคนนั้นจะมาถึงที่นี่ นั่นทำให้เธอมีเวลาเหลืออีกประมาณหกนาที มันเพียงพอที่จะให้เธอได้ลงมือ! เธอสามารถกินทุกอย่างภายใน ห้องนี้ได้โดยไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ!
“โซมี?” ท่ามกลางความมึนงง ซงแจเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของโซมี “เป็นอะไร? เธอยังเป็นห่วงเรื่องพี่ซองโฮอยู่เหรอ? เธอ…”
ทว่าทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงักไป
“ซะ…ซะ…โซมี…” ซงแจยกมือขึ้นปิดปากขณะที่ร่างของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง คนอื่น ๆ อาจจะไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเนื่องจากความมืด แต่เธอกลับเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน!
ขณะที่เธอดึงมือของตนออกจากหน้าผากของโซมีเมื่อครู่นี้ มือของเธอบังเอิญไปโดนเข้าที่ตาของอีกฝ่าย แต่ถึงกระนั้น การกระทำที่เรียบง่ายและไม่เป็นอันตรายนี้กลับทำให้ดวงตาของโซมีเ เลื่อนไปอยู่ที่หน้าผาก!
มันแทบจะเหมือนกับว่า เครื่องหน้าของเธอทั้งหมดกำลังลอยอยู่บนน้ำ! ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ผิดที่ไปหมด!
เธอ…ไม่ใช่มนุษย์!
“ก่อนหน้านี้เธอถามไม่ใช่เหรอ...ว่าฉันกินอะไร?” โซมีที่ได้ยินซงแจเรียกก็ค่อย ๆ หันไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มบางบนใบหน้า “มา ฉันจะแบ่งให้”
เธอเอื้อมมือเข้าไปใต้โต๊ะ และจากนั้น…ก็ดึงมือของมนุษย์ที่เธอเพิ่งแทะไปออกมา นิ้วทั้งห้าถูกกินไปหมดแล้ว เธอเพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่…คือพี่ซองโฮ”
“เขาอร่อยนะ เธอ… อยากลองดูไหม?”