ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 451 เข้าดินแดนเร้นลับ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 451 เข้าดินแดนเร้นลับ
หนานกงอู๋เชวียตาเบิกโตพลางมองเนื้อปั้นที่เปล่งประกาย อาหารจานใหม่ของสหายปู้ช่างลวกๆ และเรียบง่ายเสียจริง
เหตุใดอาหารจานนี้ของสหายปู้ถึงหน้าตาธรรมดาได้ขนาดนี้
เมื่อนึกถึงความลึกลับของปู้ฟางหนานกงอู๋เชวียก็เหมือนถูกกระตุ้นเบาๆ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มช้าๆ สหายปู้กล้าทำอาหารจานนี้ให้ชิม แปลว่ามันย่อมพิเศษอย่างแน่นอน
“ลองชิมดู… มันชื่อว่าเนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่า” ปู้ฟางบอก
เนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่า ใครเป็นคนตั้งชื่ออาหารจานนี้กัน มีชื่อที่ห่วยแตกกว่านี้อีกไหม
อาหารจานนี้ดูเหมือนโอสถทิพย์ที่ถูกยกระดับแล้ว… หรือว่ามันจะอร่อยจริงๆ
ชั่วขณะที่ปู้ฟางส่งสายตาโน้มน้าว หนานกงอู๋เชวียก็เลือกเนื้อปั้นที่หม่นแสงลงแล้วอย่างระมัดระวัง หน้าตาของมันค่อยๆ เปลี่ยนไปจนดูเหมือนเนื้อปั้นธรรมดาๆ
เนื้อปั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ได้เข้มข้นมาก แต่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากปอยผมนับไม่ถ้วนที่โอบรัดและหว่านเสน่ห์ใส่หัวใจของหนานกงอู๋เชวีย
“กลิ่นหอมใช้ได้…” หนานกงอู๋เชวียพึมพำ
เขาโยนเนื้อปั้นเข้าปากไม่ต่างจากวิธีที่เขาใช้กินโอสถทิพย์
หนานกงอู๋เชวียเบิกตาโพลงทันทีที่เนื้อปั้นสัมผัสลิ้น หน้าตาของเขาค่อนข้างน่าขันเมื่อมีเนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่าชิ้นโตอยู่เต็มปาก
“เป็นอย่างไร… รสชาติใช้ได้ไหม” ปู้ฟางถามอย่างใคร่รู้
‘เจ้าเป็นพ่อครัว ไม่ใช่ข้า มาถามเรื่องรสชาติกับข้าทำไมกัน’ หนานกงอู๋เชวียอึ้งไป ‘ถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่’
หนานกงอู๋เชวียมองปู้ฟางด้วยสีหน้าแปลกประหลาด จู่ๆ ก็รู้สึกว่าปู้ฟางไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ขึ้นมา
“กร้วม…”
หนานกงอู๋เชวียกัดทะลุผิวของเนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่า กลิ่นหอมซึ่งซ่อนตัวอยู่ข้างในทะลักออกมาทันที ของเหลวที่ร้อนลวกลิ้นพุ่งออกมาจากปากของเขา
ให้ตายเถิด! นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน
หนานกงอู๋เชวียกระโดดโหยงด้วยความตกใจ หัวใจสั่นสะท้านทันที
เนื้อปั้นอร่อยทีเดียว แถมหนานกงอู๋เชวียยังรู้สึกตื่นเต้นกับความฉ่ำของมันซึ่งแตกกระจายเต็มปากตอนกัดไม่น้อย
เขาตื่นเต้นเอามากๆ เมื่อได้กินอาหารจานนี้… สมกับเป็นสหายปู้ อาหารทุกจานที่เขาทำล้วนมีความพิเศษ
ง่ำ! ง่ำ!
หนานกงอู๋เชวียเคี้ยวเนื้อปั้นอย่างรวดเร็วพลางผงกศีรษะแสดงความพอใจ
“รสชาติดีมาก! อาหารทุกจานที่เจ้าทำคุณภาพสูงทั้งสิ้น” หนานกงอู๋เชวียยกย่องอย่างจริงใจ
“อย่าเพิ่งด่วนสรุป ลองสำรวจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายดู” ปู้ฟางรีบเอ่ยแนะนำหนานกงอู๋เชวียพลางยกยิ้มมุมปาก
หนานกงอู๋เชวียตกตะลึง บนตัวเขามีบางอย่างเปลี่ยนไปหรือ
หนานกงอู๋เชวียขนลุกขนพองไปทั้งตัว สองตาเบิกกว้าง ดวงตาของเขาโตเป็นไข่ห่านเมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เขาสัมผัสได้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่ไหลออกจากช่องท้องแล้วกระจายไ ไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว เสมือนว่ากำลังแช่ตัวอยู่ในของเหลวอุ่นๆ ช่างเป็นความรู้สึกที่สุดแสนวิเศษเหลือเกิน…
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” หนานกงอู๋เชวียค่อนข้างแปลกใจ เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายปูดโปนขึ้นหลังจากกินเนื้อปั้นเข้าไป
กระแสน้ำอุ่นไหลเวียนเข้าสู่แขนขาและกระดูกหลายร้อนชิ้นในตัว กล้ามเนื้อในกายของหนานกงอู๋เชวียขยายใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้น
เปรี๊ยะ!
เนื้อปั้นของสหายปู้เปลี่ยนรูปร่างคนได้หรือนี่
‘เจ้าคิดค้นเนื้อปั้นที่มีสรรพคุณเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน’ หนานกงอู๋เชวียหน้าตาตื่น
ทันใดนั้น ในใจของเขาปรากฏภาพห้องนอนสีชมพู จากนั้นร่างก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
กระแสน้ำอุ่นซึ่งไหลเวียนในร่างเริ่มรุนแรงขึ้น หนานกงอู๋เชวียสัมผัสได้ว่าร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้น รู้สึกเหมือนสามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้อย่างง่ายดาย
เขาอึ้งกับความรู้สึกนี้
หนานกงอู๋เชวียปล่อยหมัดออกไป อากาศรอบตัวส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่เขาระเบิดพลังออกมา
ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพิ่มธรรมดา… แต่เพิ่มกว่าเดิมถึงสามเท่า
อย่าบอกนะว่าคือฤทธิ์ของเนื้อปั้น
หนานกงอู๋เชวียประหลาดใจระคนพอใจพลางมองปู้ฟางด้วยแววตาพิศวง เขาไม่เคยคาดคิดหรือนึกฝันว่าเนื้อปั้นหน้าตาบ้านๆ จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ก
ความแข็งแกร่งของร่างกายไม่ใช่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นได้ด้วยการฝึกฝนอย่างมานะบากบั่นหรอกหรือ
หนานกงอู๋เชวียรู้สึกมึนเมาเล็กน้อยกับพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
ปู้ฟางพยักหน้าอย่างพอใจ เขาทำเนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่าสำเร็จอย่างไม่คาดฝันในการพยายามครั้งแรก มันช่วยให้เขาไม่ต้องลำบากทำเนื้อปั้นอีกรอบ
ปู้ฟางหยิบเนื้อปั้นหนึ่งชิ้นยัดเข้าปาก เมื่อกัดลงไปเต็มคำ ความฉ่ำก็สาดกระเซ็นออกมา กลิ่นหอมเองก็ทะลักล้นออกจากเนื้อปั้น เขากลืนมันลงท้องหลังจากเคี้ยวไปสักพัก พลางหรี่ตา าลงเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างกายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื้อปั้นนี่ออกฤทธิ์ได้ดีทีเดียว
ปู้ฟางประหลาดใจอย่างยินดี
เขาเก็บชามเนื้อปั้นบนโต๊ะ ทั้งคู่เตรียมตัวเดินทางเข้าสู่ดินแดนเร้นลับ พลังการต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นมหาศาลเมื่อมีบะหมี่อาละวาดและเนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่าในมือ
หนานกงอู๋เชวียค่อนข้างตื่นเต้นและเตรียมตัวเดินทางสู่ดินแดนเร้นลับอย่างกระตือรือร้น เขาอยากไปถึงที่นั่นเร็วๆ
บะหมี่อาละวาดและเนื้อปั้นกระปรี้กระเปร่าอาจช่วยให้เขาแกร่งพอจะเอาชีวิตสุนัขแก่อย่างหนานกงเสวียนเฮ่อได้
เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าตนมีสิทธิ์เอาชีวิตสุนัขแก่ตัวนั้น หนานกงอู๋เชวียก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งยวด จนคิดว่าถ้าเป็นเวลานอนเขาคงข่มตาหลับไม่ลงแน่ๆ
….
ปู้ฟางและหนานกงอู๋เชวียเตรียมตัวกันอยู่ครึ่งวัน
พวกเขาออกจากร้านหลังจากเตรียมทุกสิ่งเสร็จสรรพ
เจ้าขาวที่มีดวงตาสีม่วงวูบวาบติดตามเคียงข้างปู้ฟาง เจ้ากุ้งนอนหลับสนิทอย่างเกียจคร้านบนไหล่ของเขา
เมื่อมาถึงอาคารหลายชั้นทำจากสัมฤทธิ์ของตระกูลหนานกง พวกเขาก็พบว่ามีคนมากมายมารวมตัวกันหน้าวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายก่อนแล้ว วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายตั้งอยู่บนดาดฟ้าของตึกสัมฤทธิ แห่งนี้ และมันก็จะเคลื่อนย้ายพวกเขาไปยังดินแดนเร้นลับทะเลเมฆา
วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายนี้มีตระกูลหนานกงเป็นเจ้าของและผู้ดูแล
กระนั้นตระกูลหนานกงก็ไม่ใช่ตระกูลเดียวที่ทรงอำนาจ จึงไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากทุกด้าน จำต้องแบ่งปันดินแดนเร้นลับแห่งนี้กับคนอื่นๆ เป็นเรื่องยากเย็นไม่น้อยที่ตระกูลเดียวจะค ควบคุมดินแดนเร้นลับไว้ทั้งหมด
ปู้ฟางและหนานกงอู๋เชวียเดินเข้าอาคารสูงหลายชั้นไปอย่างสบายอุรา
ภายในอาคารมีทั้งเสียงอึกทึกครึกโครมและคนมากมาย ทุกคนที่ได้สิทธิ์ในการเข้าดินแดนเร้นลับมากันจวนจะครบแล้ว
มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่จำปู้ฟางกับหนานกงอู๋เชวียได้เพราะชื่อเสียงของพวกเขากำลังกระฉ่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปู้ฟางซึ่งมีพลังปราณเพียงระดับเก้าขั้นเซียนเทพ แต่หาญกล้าติดตามเหล่ายอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ดินแดนเร้นลับเพื่อต่อสู้แย่งชิงโอกาส ช่างเปลืองสิทธิ์ไ ไปเปล่าๆ โดยแท้
ไม่มีใครรู้ว่าในหัวของหนานกงอู๋เชวียคิดอะไรอยู่ เขาจึงทิ้งสิทธิ์อันมีค่าไปทั้งๆ เช่นนี้
สายตาที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารจับจ้องปู้ฟางและหนานกงอู๋เชวีย เมื่อรู้สึกตัวว่าตกเป็นเป้าสายตา ทั้งคู่ก็อึดอัดไม่น้อย พวกเขาหันกลับมาอีกทางแล้วพบว่าหนานกงเสวียนเฮ่อกำลังถล ลึงตาใส่อยู่ไม่ไกล
สีหน้าของหนานกงเสวียนเฮ่อถมึงทึง มุมปากทั้งสองกระตุก เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธอย่างสุดขีด
ปู้ฟางไม่แยแสหนานกงเสวียนเฮ่อสักนิด ส่วนหนานกงอู๋เชวียฉีกยิ้มกว้าง ก่อนยกมือขึ้นชูนิ้วกลางใส่หนานกงเสวียนเฮ่อ
ไม่นานหลังจากนั้น วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายก็เริ่มเรืองแสง
เกิดเสียงดังมาจากดาดฟ้าบนตึกหลายชั้นของตระกูลหนานกง ประตูสัมฤทธิ์เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นท้องฟ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
บนท้องฟ้ามีดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงที่ขยับเข้าหากันทีละน้อย ดูเหมือนว่าอีกไม่นานมันก็จะมาบรรจบกัน
ทุกคนรอเวลาที่ดวงจันทร์สองดวงจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ต่างคนต่างจ้องมองดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงบนท้องฟ้าไม่วางตา
ดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงเริ่มมาบรรจบกันทีละนิด
ถึงตอนนี้ทุกคนก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
คลื่นความผันผวนที่แผ่ออกมาจากวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายเริ่มเด่นชัดและรุนแรงขึ้น เสียงก้องกังวานดังออกมาจากวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย
ลำแสงสาดส่องลงมาจากดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงซึ่งซ้อนทับกัน และตกระทบลงตรงกลางวงแหวนปราณ
แสงพร่างพราวพวยพุ่งออกมาจากวงแหวนปราณทันที วงแหวนปราณเริ่มสั่นไหวรุนแรง อากาศและพื้นที่เหนือวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายค่อยๆ บิดเบี้ยว
ทุกคนกลั้นหายใจพลางมองพื้นที่ว่างเหนือวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายตาไม่กะพริบ
เสียงฉีกขาดคมชัดดังก้องราวกับเสื้อผ้าถูกฉีกเป็นริ้วๆ
บนท้องฟ้าปรากฏรอยแยกขนาดยักษ์
มันปล่อยแสงสว่างจ้าสีขาวและแผ่ความผันผวนที่รุนแรงยิ่งออกมา
รอยแยกที่ตั้งฉากกับท้องฟ้ามีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่ได้เล็กไปกว่าอาคารหลายชั้นของตระกูลหนานกงเลยสักนิด รอยแยกนี้เหมือนจะมองเห็นได้จากทุกหนแห่งของเมืองหมอกนภา เสียงร้องตื่นตกใ ใจนับไม่ถ้วนดังอื้ออึงตอนที่รอยแยกปรากฏบนท้องฟ้า
เมื่อความผันผวนจากรอยแยกเริ่มคงที่ บางคนก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป
เสียงกึกก้องระเบิดขึ้น พลังปราณเที่ยงแท้พุ่งออกมาจากร่างหนึ่งในฝูงชน ก่อนที่ร่างนั้นจะทะยานขึ้นสู่รอยแยกบนท้องฟ้า
เมื่อมีคนชิงออกตัวก่อน คนมากมายที่เหลือจึงทำตาม สายตาของพวกเขาฉายความละโมบแรงกล้าขณะทะยานเข้าไปยังดินแดนเร้นลับ
สองยอดฝีมือจากเมืองโบราณอสุราที่สวมชุดคลุมสีเลือดแผ่รัศมีสีแดงน่าสะพรึงกลัวออกมา ขณะเร่งรุดกระโจนเข้าสู่รอยแยกตามหลังทุกคนไปติดๆ
สายตาอันแรงกล้าของพวกเขาฉายความตื่นเต้นเมื่อทะยานเข้าใกล้รอยแยกมากขึ้นทุกที
“หอคอยอสุรา… หมีซาผู้นี้กำลังจะไปเดี๋ยวนี้ละ”
หนานกงเสวียนเฮ่อใช้ปลายนิ้วเท้ากระแทกพื้นแล้วส่งร่างตัวเองให้ลอยขึ้นไปทีละน้อย
“อย่าให้ข้าเจอเจ้าในดินแดนเร้นลับ ไม่อย่างนั้นข้าจะฉีกเนื้อพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้อสูรเวทภายในนั้นกิน”
หนานกงเสวียนเฮ่อใช้สายตามุ่งร้ายจ้องหนานกงอู๋เชวียและปู้ฟาง พลางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าสุนัขแก่ ไม่ต้องกังวลไป คนแรกที่ข้าจะมองหาในดินแดนเร้นลับก็คือเจ้า ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ แต่ไม่โยนให้อสูรเวทกิน พวกมันเป็นผู้บริสุทธิ์ เดี๋ยวจะพะอืดพะอมเพราะเนื้อของ งเจ้าเสียเปล่าๆ” หนานกงอู๋เชวียโต้ตอบอย่างมั่นหน้า
“คนอย่างเจ้ามีดีแค่ลมลิ้นเท่านั้น… คอยดูเถอะ พวกเจ้าไม่รอดออกมาจากดินแดนเร้นลับแน่ๆ” หนานกงเสวียนเฮ่อยิ้มเยาะหนานกงอู๋เชวียและปู้ฟาง
เปลวไฟสีขาวลุกโชนขึ้นแล้วห่อร่างของเขาเอาไว้ หนานกงเสวียนเฮ่อดูเหมือนแปลงร่างเป็นมนุษย์เพลิงไปแล้วขณะเหินเข้าสู่รอยแยกตรงหน้า
หนานกงอู๋เชวียกำหมัดกัดฟันแน่น สายตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร
เปลวไฟสีขาวนั่นคือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีซึ่งเคยเป็นของเขา
เจ้าสุนัขแก่นั่น… สมควรตายยิ่งนัก
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ หนานกงอู๋เชวียก็พร้อมจะเข้าสู่ดินแดนเร้นลับกับปู้ฟาง
ชายแบกหีบสัมฤทธิ์สีดำสนิทจ้องปู้ฟางกับเจ้าขาว สายตาลึกล้ำของคนผู้นี้ทำให้ตัวปู้ฟางสั่นเทาน้อยๆ
“หุ่นเชิดนี่น่าสนใจดี… ข้าหวังจะได้เจอมันอีกในดินแดนเร้นลับ” ยอดฝีมือจากสำนักหุ่นเชิดพูดเสียงนิ่งก่อนเข้าสู่รอยแยกไปพร้อมหีบสัมฤทธิ์ที่อยู่บนหลัง
เหล่ายอดฝีมือของสำนักมหาพิภพ บรรดายอดฝีมือของสำนักพลับพลาวายุและอสนี รวมถึงยอดฝีมือจากสำนักหุ่นเชิด เมืองโอสถนภาและจากที่อื่นๆ พากันเข้าสู่ดินแดนเร้นลับ
หนานกงอู๋เชวียและปู้ฟางชำเลืองมองกันก่อนเข้าสู่ดินแดนเร้นลับอย่างเด็ดเดี่ยว
ทั้งคู่ถูกแสงพร่าสาดใส่ดวงตาและรู้สึกได้ถึงพลังปะทะรุนแรงทันทีที่เข้าสู่รอยแยก
ปู้ฟางมองไม่เห็นอะไรเลย ภาพตรงหน้ามีเพียงพื้นที่สีขาวโพลนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น หลังจากปรับสายตาสักพัก เขาก็สามารถมองเห็นเงาดำๆ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินทางอยู่ ในโลกสีขาวอันว่างเปล่าหลังเข้ามาสู่รอยแยก เขาแยกซ้ายหรือขวาไม่ออก ได้แต่ยืนงวยงงอยู่กับที่
ผ่านไปพักใหญ่ เสียงกระแทกก็ดังกึกก้องขึ้นจากนั้นปู้ฟางก็หลุดจากการถูกตรึงอยู่กับที่
คลื่นขนาดยักษ์ตกมาจากท้องฟ้าแล้วกระแทกใส่ร่างของเขา ปู้ฟางได้สติทันทีทันใดแล้วถูกคลื่นซัดลอยไปไกล
เจ้ากุ้งพลัดตกจากไหล่ของปู้ฟาง มันโบกก้ามไปมาในอากาศไม่หยุด
ปู้ฟางตกลงไปในน้ำเสียงดังตู้ม
ครืน!
ฟองมากมายผุดขึ้นบนผิวน้ำ แล้วปู้ฟางก็โผล่ขึ้นมาหลังจากนั้นพักใหญ่
พลังปราณหนาแน่นอบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้ปู้ฟางขนลุกชันอย่างไม่รู้ตัว
นี่คือดินแดนเร้นลับทะเลเมฆาอย่างนั้นหรือ
ครืน!
กำแพงน้ำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ปู้ฟางรีบว่ายเข้าไปหา เขายืนอยู่บนกำแพงน้ำแล้วได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากทุกทิศทางรอบตัว
เงาขนาดยักษ์พร้อมกลิ่นคาวคละคลุ้งพุ่งออกจากกำแพงน้ำแล้วพุ่งเข้าใส่ปู้ฟาง