novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 เว็บสล็อต ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork888 UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai berlin777 nowbet

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 616 ปี 1988

  1. Home
  2. ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
  3. บทที่ 616 ปี 1988
Prev
Next

บทที่ 616 ปี 1988

เรื่องราวบนโลกใบนี้เหมือนเมฆขาวที่พลันเปลี่ยนรูปร่างเหมือนสุนัขสีเทา[1] เวลาก็เหมือนกับม้าขาววิ่งลอดช่องว่างผ่านช่องแคบออกไปในชั่วพริบตา[2]

ปี 86 และ ปี 87 สองปีนี้ได้ผ่านพ้นไป ตอนนี้ก็ได้ก้าวเข้าสู่ปี 1988 แล้ว

ภายใน 2 ปีนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย

อย่างเช่นในปี 86 สวี่เชิ่งเฉียงเข้าคุกเข้าตาราง ยังคงเป็นเพราะทะเลาะต่อยตีกับคนอื่น ครั้งนี้เพราะว่ามีคนเรียกเก็บค่าคุ้มครอง เขาไม่ยอมจึงมีเรื่องกับพวกอันธพาลท้องถิ่นเหล่านั้น และซ้อมหนึ่งในอันธพาลจนกลายเป็นคนสติไม่ดีไป

แม้ว่าสุดท้ายจะจ่ายเงินใช้เส้นสายไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่สวี่เชิ่งเฉียงก็ต้องเข้าคุกอยู่ดี เพราะเขามีเรื่องในช่วงที่ไม่ค่อยดีนัก เลยกลายเป็นตัวอย่างขังคุกไป 3 ปี

ปีนี้เป็นปีที่ 3 พอดี อีกไม่นานก็จะได้ออกมาแล้ว

ตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้นแรก ๆ บ้านหลักตระกูลโจวคนอื่น ๆ ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น แต่นอกจากขมวดคิ้วแล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาอื่น

เพราะว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นที่ปักกิ่ง อีกทั้งสวี่เชิ่งเหม่ยก็ยังมาขอให้ช่วยอีกด้วย ดังนั้นการจะปกปิดท่านแม่โจวให้ได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้นท่านแม่โจวจึงรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ครั้งนี้ท่านแม่โจวกลับตัดสินใจเหนือความคาดหมาย นางขอให้ใช้เส้นสายให้เขาครึ่งเดียวก็ถือว่าจบกันแล้ว และก็ไม่ได้มีหวังหยวนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แม้ว่ากลุ่มอันธพาลท้องถิ่นนั่นจะเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน แต่เขากลับตีคนจนกลายเป็นคนฟั่นเฟือนไปแล้ว ก็มาเข้าอีหรอบนั้นคือต่อให้มีเหตุผลก็กล่าวไม่ขึ้น

ดังนั้นสุดท้ายจึงถูกลดโทษเหลือ 3 ปี ให้เขาไปอยู่ในนั้นเสียเถอะ ได้ยินว่าเป็นสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่ง สามารถทำให้คนร้ายเข้าไปออกมาแล้วกลายเป็นว่านอนสอนง่ายได้

เพราะเรื่องนี้เองทำให้พี่สาวใหญ่โจวและสามีของหล่อนต้องมาจากบ้านเกิดตัวเอง ก็เพื่อขอร้องให้คนทางนี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ช่วยเหลือกันบ้าง

ท่านแม่โจวพูดเปิดอกกับลูกสาวตัวเอง บอกว่าจะให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ หากเขาไม่ได้รับบทเรียนบ้าง ตอนไปอาจเกิดเรื่องร้ายยิ่งกว่านี้ก็ได้

แต่พี่สาวใหญ่รับไม่ได้ที่ลูกชายตัวเองต้องติดคุกติดตาราง เป็นแบบนี้ชื่อเสียงคงได้ฉาวโฉ่ไปหมดแน่

พี่สาวใหญ่โจวอยู่ที่ชนบทย่อมไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสวี่เชิ่งเหม่ยโทรศัพท์กลับไปขอกำลังเสริมจากหล่อน ให้แม่มาขอร้องตระกูลหลักโจวช่วยให้น้องชายออกมาจากคุก

แต่ถึงพี่สาวใหญ่จะมาแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

บ้านหลักโจวไม่สนใจอะไรให้มากความอีก กระทั่งโจวชิงไป๋ยังคิดว่าให้หลานชายนอกตระกูลคนนั้นเข้าไปอยู่ในนั้น 2-3 ปีก็ไม่แย่เท่าไรเหมือนกัน

จนสุดท้ายพี่สาวใหญ่โมโหจนว่าบ้านหลักตระกูลโจวใจร้าย ปล่อยให้หลานชายนอกตระกูลของตัวเองต้องติดคุกไม่สนใจไม่ดูแลสักนิด ดังนั้นต่อไปพวกเขาก็ถือว่าไม่ใช่ญาติกันอีกแล้ว!

ความหมายของหล่อนก็คือตัดสัมพันธ์พ่อแม่ลูกกันนั่นเอง เป็นผลให้ท่านแม่โจวต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งถึง 2 วันเต็ม

สุดท้ายเรื่องนี้สวี่เชิ่งเฉียงก็ถูกพิพากษาจำคุก 3 ปี ปีนี้ก็ได้เวลาสมควรที่เขาจะได้ออกมาแล้ว

แต่การที่เขาเข้าไปกินข้าวในคุกนั้นเดิมไม่มีผลกระทบอะไรกับบ้านหลักตระกูลโจวเลย คนอื่น ๆ ก็มีเรื่องของตัวเองต้องทำ

2 ปีมานี้หลินชิงเหอก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว กิจการร้านน้ำชาของเธอเริ่มก่อตั้งในปี 86 เป็นต้นมา ทว่าเปิดมาตั้งแต่ปี 86 จนถึงตอนนี้ ร้านน้ำชาของเธอก็แบ่งสาขาย่อยออกเป็น 15 สาขาแล้ว โดยกระจายไปแต่ละพื้นที่

กิจการร้านน้ำชานั้นเป็นไปได้ดีมาก ทั้งยังเป็นรายรับของครอบครัวมากกว่าหกส่วนอีกด้วย ที่เหลืออีกสี่ส่วนนั้นเดิมยังคงเป็นของร้านเสื้อผ้า ร้านเกี๊ยว ร้านเครื่องดื่มรวมทั้งร้านอาหารทะเลแห้ง และยังมีร้านบุหรี่ ร้านเหล่านี้ก็คือรายได้ที่ได้รับรองลงมา

เพราะว่ามีร้านค้าจำนวนมาก สินค้านำเข้าจึงมีมาก ซึ่งหลินชิงเหอได้ร่วมมือกับโรงน้ำชาน้อยใหญ่ที่ทางภาคใต้อีกด้วย แต่การร่วมกันมือเหล่านี้เธอเพิ่งทำไปเมื่อปีที่แล้ว โดยให้เจ้าสามโจวกุยหลายเป็นคนรับผิดชอบ

เขาเรียนจบออกมาทำงานแล้ว และเริ่มรับดูแลกิจการเหล่านี้ของที่บ้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนเจ้ารองโจวเฉวี่ยนยังคงศึกษาต่อ ปีนี้ก็กำลังจะศึกษาต่อปริญญาเอกแล้ว

หลินชิงเหออยากให้เขาลองยื่นเรื่องเรียนระดับปริญญาเอกต่อ ถ้าสามารถเรียนสูงขึ้นไปได้ล่ะก็ ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวได้

“แม่ครับ พี่ใหญ่โทรศัพท์กลับมาแล้ว บอกว่าให้ส่งปลิงทะเลแห้งไปให้ 2-3 ชั่ง” โจวกุยหลายพูดขณะกลับมาถึงบ้าน

“เหม่ยเจี่ยอยากกินเหรอจ๊ะ?” หลินชิงเหอกำลังแปลงานอยู่ ได้ยินแล้วก็พูดทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง

“น่าจะส่งบางส่วนให้พี่กั๋วเหลียงมั้งครับ ไม่ใช่ว่าภรรยาเขาท้องอยู่เหรอ” เจ้าสามรินชาเก๊กฮวยให้ตัวเองแก้วหนึ่ง และพูดขึ้นขณะเปิดเครื่องเสียงฟังเพลงยอดนิยม

“งั้นก็ส่งไปเถอะ ปีนี้ก็ถึงเวลาที่พี่ใหญ่ของลูกจะแต่งงานแล้ว สองพี่น้องนั่นคนหนึ่งแต่งปีหนึ่งอีกคนแต่งอีกปีหนึ่ง พี่ใหญ่ลูกอดทนรอพวกเขานานแล้ว” หลินชิงเหอพูด

ไม่เรียกว่าอดทนมานานได้ยังไง? เดิมทีโจวข่ายคิดว่าถ้าปี 86 ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เขาจะประกาศแต่งงานกับเวิงเหม่ยเจี่ย

แต่เพราะต้นไม้ของเวิงกั๋วต้งกลับผลิบานเสียก่อน จึงต้องให้เขากับโจวซื่อนีแต่งงานกันไปก่อนแล้ว

คิดว่าช้าปีหนึ่งก็คงไม่เป็นไรเหมือนกัน แต่ใครจะรู้ว่าพอช้าหนึ่งปีเวิงกั๋วเหลียงกับแฟนของเขาก็จะแต่งงานกันแล้วเช่นกัน นั่นจึงทำให้จนถึงตอนนี้เขากับเวิงเหม่ยเจี่ยยังไม่ได้แต่งงานกันเลย

“ปีนี้ก็สามารถจัดงานแต่งได้แล้วล่ะ ดูแล้วเส้นทางความรักของพี่ใหญ่ก็ลำบากไม่น้อยเหมือนกันนะครับ” โจวกุยหลายยิ้มมุมปากพูด

“พ่อของลูกนอนอยู่ในห้องน่ะ เบาเสียงลงหน่อย อย่ารบกวนเขา” หลินชิงเหอพูด

ตอนนี้เป็นเดือนมีนาคม เพิ่งจะเข้าสู่ปี 88 ได้ไม่นาน อากาศยังคงเย็นอยู่เลย

โจวกุยหลายจึงเบาเสียงเครื่องเสียงลงแล้วพูด “นี่มันกี่โมงแล้วครับ ทำไมพ่อยังนอนเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ควรจะไปรับน้องสาวหลังเลิกเรียนได้แล้ว”

หากนับอายุสาวน้อยมี่มี่แบบโจวซุ่ย[3] ตอนนี้เธออายุ 2 ขวบครึ่งแล้ว แต่ถ้านับอายุแบบซวีซุ่ย[4]แล้วล่ะก็ ตอนนี้เธอถือว่าอายุ 4 ขวบแล้ว

เดิมทีโจวชิงไป๋ทำใจไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวตัวเองเข้าอนุบาล แต่ก็สู้ลูกสาวของเขาที่อยากไปเองไม่ได้

โรงเรียนอนุบาลไม่ได้ไกลจากบ้านนัก ขับรถไป 5 นาทีก็ถึงแล้ว เป็นโรงเรียนอนุบาลที่ไม่เลวแห่งหนึ่ง ไม่เพียงมี่มี่ที่เข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เท่านั้น ลูกแฝดมังกรหงส์ของโจวเอ้อร์นี รวมทั้งพั่งพั่งของโจวซานนีก็เข้าเรียนที่นี่เช่นกัน

แต่ถึงแม้พวกเขา 3 คนจะอายุมากกว่ามี่มี่ พอเจอหน้าพวกเขากลับทักมี่มี่ว่า น้าหญิงเล็ก

สำหรับแฝดหญิงผู้พี่ของครอบครัวหวังหยวนกลับนึกว่าชื่อของมี่มี่ก็คือ ‘กู่กู่’

เพราะว่าอายุยังน้อยและเพิ่งจะอายุแค่ 2 ขวบครึ่งแต่ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว ทำให้โจวชิงไป๋รู้สึกกังวลกลัวว่าลูกสาวจะถูกแกล้ง จึงให้พั่งพั่งกับสองแฝดปกป้องเสี่ยวกู่กู่ของพวกเขา

เรื่องราวทั้งหมดทำให้หลินชิงเหอทำหน้าไร้อารมณ์ กินหัวไชเท้าดองแล้วยังจะพะวงอยู่อีก[5] ลูกสาวเธอแค่เข้าโรงเรียนไปเล่น อีกอย่างถ้าเธอถูกแกล้งขึ้นมา การแกล้งกันระหว่างเด็กเล็ก ๆ จะแรงแค่ไหนกันเชียว เขาต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรืออย่างไร

สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกันอยู่ โจวชิงไป๋ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ทั้งยังตรงเวลาเสียด้วย เขาหยิบกุญแจรถได้ก็ออกไปรับลูกสาวทันที

“เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง คุณไปก็ต้องไปรออยู่ดี” หลินชิงเหอพูดอย่างไม่พอใจ “ต้มน้ำมะนาวใส่น้ำผึ้งให้ฉันทีสิคะ”

โจวชิงไป๋ต้มน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง แล้วก็ของตัวเองอีกแก้ว “ภรรยา พวกเราควรออกไปเที่ยวกันหน่อยดีไหม”

เขากับภรรยาวางแผนกันไว้นานแล้วว่าจะไปเที่ยวไห่หนาน ปีนี้เห็นทีว่าพวกเขาควรไปได้แล้ว

หลินชิงเหอดื่มแล้วก็พูดไปด้วยว่า “คุณจะพาลูกสาวไปด้วยไหมคะ?”

“ผมต้องเอาเธอไปด้วยกันอยู่แล้ว” โจวชิงไป๋พูด

โจวกุยหลายกลับพูดขัด “พ่อแม่จะไปไหนกันครับ กิจการของที่บ้านมากขนาดนี้จะทำยังไงน่ะ”

“ก็ยังมีลูกยังไงล่ะ” พ่อของเขาปรายตามองเขา

…………………………………………………………………………………………………………………………..

[1] 白云苍狗 เมฆขาวที่พลันเปลี่ยนรูปร่างเหมือนสุนัขสีเทา หมายถึง สรรพสิ่งในโลกไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้

[2] 白驹过隙 ม้าขาววิ่งลอดช่องว่าง ผ่านช่องแคบออกไปในชั่วพริบตา เปรียบเปรยถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

[3] 周岁 โจวซุ่ย นับตามมาตรฐานสากล

[4] 虚岁 ซวีซุ่ย เป็นวิธีการนับอายุแบบโบราณของจีน โดยจะนับตั้งแต่เด็กอยู่ในท้องของแม่พอคลอดออกมาจะนับอายุเด็กเป็นหนึ่งขวบเลย โดยถ้าเด็กเกิดกลางปี การนับอายุแบบซวีซุ่ยจะเท่ากับว่าเด็กมีอายุมากกว่านับแบบโจวซุ่ยสองปี

[5] กินหัวไชเท้าดองแล้วยังจะพะวงอยู่อีก คำเปรียบเปรยหมายความว่า คนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องทั้งที่ตัวเองไม่รู้อะไร แล้วยังจะมาพะวงช่วยเหลืออยู่อีก

สารจากผู้แปล

อืม เข้าคุกไปก็ดี ออกมาจะได้หัวร้อนน้อยลงบ้างนะเชิ่งเฉียง คุกจีนไม่น่าจะเถื่อนเหมือนคุกแถวนี้หรอกมั้งนะ

เชิญตัดญาติไปเลยค่ะพี่สาวใหญ่ คราวหลังมีเรื่องอะไรอย่าซมซานกลับมานะคะ งมงายเข้าข้างลูกแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย ปัญหาทุกอย่างตัดได้ด้วยการตัดครอบครัวนี้ออกจริง ๆ ค่ะ

เจ้าสามกลายเป็นเบ๊ของพ่ออีกแล้ว อยากไปไหนก็ไม่ได้ไป น่าสงสารเขานะคะ

ไหหม่า(海馬)