ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 668 นี่มันมาเฟียชัดๆ
ตอนที่ 668 นี่มันมาเฟียชัดๆ
เซี่ยไห่ทวงค่าซ่อมรถกับอาเขยรองของชุนฟางแบบนี้ มีหรือที่เขาจะยอมจ่าย?
“ผมบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม”
เขาปัดความรับผิดชอบ แล้วจ้องไปที่หลินจินซานด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “หลินจินซาน นายขับรถไม่ดีเอง นายจะมาโยนขี้ให้คนอื่นไม่ได้นะ บอกไปสิว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน อย่ามาทำตัวเป็นสิงโตปากกว้างเรียกร้องตั้งเจ็ดร้อยห้าสิบหยวนเลย ยังไงฉันก็ไม่จ่ายเจ็ดร้อยห้าสิบหยวนนี้”
วันนี้ไม่ใช่วันของเขาจริงๆ
น่าจะรู้แต่แรกว่าพวกเขากัดไม่ปล่อยขนาดนี้
อาเขยรองจ้องชุนฟางที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร พลางด่าพ่อแม่ของหล่อนชุดใหญ่ “ฉันบอกแล้วว่าคนรวยมันไม่น่าไว้ใจ อย่าไปยุ่งกับมันเลย ดูสิ แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังตามมาถึงที่ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ชุนฟางไม่ได้แต่งงานด้วย”
ครอบครัวของชุนฟางไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แต่นิ่งเงียบมองเถ้าแก่เซี่ยทวงเงินอาเขยรอง
อาเขยรองจ้องมองครอบครัวนี้ด้วยสายตาที่ผิดหวัง และเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เขาพลันมีความกล้าที่จะไล่คนออกไป
“ผมจะบอกพวกคุณให้นะ เงินน่ะผมไม่มีให้หรอก รีบๆ ออกไปซะ แล้วอย่าได้มาที่นี่อีก หลินจินซานเป็นคนขับรถชนเอง อย่ามาสาดน้ำสกปรกใส่ผม”
เซี่ยไห่ไม่คิดว่าคนคนนี้จะกล้าพูดขนาดนี้ ทั้งยังตาถั่วอีกด้วย
ดูจากปฏิกิริยาแบบนี้ คงจะคิดว่าหลินจินซานกับชุนฟางเลิกกันแล้วละมั้ง?
คิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อตามทวงค่าเสียหายเรื่องรถชนงั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่รู้จักครอบครัวของชุนฟางโดยถ่องแท้จริงๆ
เซี่ยไห่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้แล้ววางท่า “ถ้าไม่ได้เงิน พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
อาเขยรองเห็นท่าทีของเซี่ยไห่ก็พลันใจสั่นระรัวอย่างคนมีชนักติดหลัง
เถ้าแก่คนนี้ดูมีบารมีแก่กล้าชนิดที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย เกิดท่าไม่ดีขึ้นมาเขาเองจะเป็นฝ่ายซวย
อาเขยรองพลันเสียใจอย่างสุดซึ้ง วันนี้เขาไม่น่าตกปากรับคำภรรยามาดูลาดเลาเลย
ดูเหมือนเขาจะเจอของจริงแล้ว
เถ้าแก่พวกนี้ช่างหน้าด้านเหลือเกิน เห็นกันอยู่ว่าหลินจินซานเป็นคนขับ ถ้าหลินจินซานขับรถแข็งจริง เขาจะขับชนเสาไฟฟ้าเพียงเพราะการให้สัญญาณไม่กี่คำได้อย่างไร?
และแน่นอนว่าตอนนั้นเขาเห็นว่าหลินจินซานเป็นมือใหม่ไม่คุ้นเคยเส้นทาง จึงจงใจสร้างปัญหา…
และเพราะเหตุผลนี้ เขาจึงรู้สึกผิด
เซี่ยไห่นั่งจิบชาอย่างสบายใจ ส่วนเซี่ยเหลยนั้นทำหน้าบึ้งใส่เขา ส่งสัญญาณบอกเป็นนัยว่าให้เขาลุกขึ้น
แต่เซี่ยไห่ก็ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้าน
เซี่ยเหลยก็เกรงใจเซี่ยไห่ จึงไม่ได้ซ้ำเติมต่อหน้าคนนอก
ทำเพียงนิ่งดูเขาแสดงไปเงียบๆ
อาเขยรองของชุนฟางรู้สึกกระวนกระวายใจพร้อมหาข้ออ้างเพื่อที่จะออกไป แต่หลินจินซานกลับยืนขวางหน้าประตูและไม่ยอมให้ออกไป
เขาโกรธจนหน้าแดง ปากก็ต่อว่าชุนฟาง “ ชุนฟาง ทำไมถึงได้ตาถั่วแบบนี้ ไปคว้าเอาใครมาเนี่ย นิสัยก็แย่ ที่บอกว่ารวยเนี่ย รวยเพราะไปไล่รีดไถเอาเงินคนอื่นแบบนี้หรือเปล่า?”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ เลิกฝันลมๆ แล้งๆ เถอะ ชุนฟางหน้าตาก็ธรรมดา หาแฟนที่ฐานะบ้านๆ ก็พอแล้ว อย่าได้ฝันคิดเอาคนรวยมาเป็นแฟนเลย ขนาดหลิงหลิงบ้านฉันที่สวยกว่านี้ก็ยังหาแฟนรวยไม่ได้ พวกคุณช่างไม่รู้จักประมาณตนกันจริงๆ ตอนนี้จะเอาโจรเข้าบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อาเขยรองที่เห็นครอบครัวชุนฟางสี่คนยืนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่พูดอะไร เลยคิดไปว่าหลินจินซานพาคนพวกนี้มาเรียกค่าเสียหาย
ถึงแม้เขาจะกลัวที่ต้องจ่ายเงิน แต่เมื่อเทียบกับเรื่องที่ชุนฟางโดนหนุ่มบ้านรวยทิ้งแล้ว เขาก็กลับรู้สึกดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เรื่องนี้ทำให้อาเขยรองได้ใจ เขารู้ดีว่าเวลาสำคัญแบบนี้ต้องออกโรงช่วยเหลือ เขาจึงตะโกนใส่เซี่ยไห่และพวก “เราไม่มีปัญญาจ่ายค่าซ่อมให้รถพวกคุณหรอกนะ รีบออกไปซะ ไม่งั้นผมจะเรียกเพื่อนบ้านมา”
ถ้าเขาไม่เด็ดขาดเสียบ้าง มีหวังต้องเสียเงินเจ็ดร้อยห้าสิบหยวนให้เซี่ยไห่แน่ๆ
ชุนหลินแทบจะกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นอาเขยรองกำลังเยาะเย้ยดูถูกพวกเขา
เดิมทีทุกคนที่นี่ก็มีฐานะเสมอกัน ถือว่าเป็นชาวบ้านรากหญ้ากันทั้งนั้น เลยไม่มีใครสังเกตว่าอาเขยรองจะดูถูกครอบครัวของพวกเขาขนาดนี้
หลินจินซานกลัวว่าน้ำลายของอาเขยรองจะกระเด็นโดนหน้าชุนฟาง เขาจึงค่อยๆ ดึงชุนฟางมายืนข้างตนเองพลางโอบไหล่หล่อนไว้
อาเขยรองยังคงแหกปากไล่พวกเขา แต่เมื่อเห็นหลินจินซานกำลังโอบกอดชุนฟาง สีหน้าที่กำลังเกรี้ยวโกรธก็ถึงกับชะงักค้างไปเล็กน้อย
พลางกล่าวถามชุนฟางว่า
“ชุนฟาง นี่หมายความว่าไง ยังไม่เลิกกับเขาอีกเหรอ”
“เลิกอะไรกันครับ” หลินจินซานโอบกอดชุนฟางพร้อมกับยิ้ม “คุณอา วันนี้พวกเราตั้งใจมาสู่ขอชุนฟางครับ”
“นายพูดว่าไงนะ” อาเขยรองได้ยินคำพูดนั้น จึงมองไปยังทุกคนที่มองดูเขาราวกับเป็นตัวตลก สีหน้าพลันคล้ำสลับซีด รู้สึกอับอายอย่างสุดขีดขึ้นมา
มาสู่ขอ?
มาที่นี่เพื่อมาสู่ขออย่างนั้นเหรอ
แล้วทำไมไม่ให้เกียรติเขาที่เป็นอาเขยรองหน่อยเลย เขาเข้ามาในบ้านได้ก็ทวงค่าซ่อมรถแล้ว
พ่อแม่ของชุนฟางก็ไม่พูดอะไรเลย ปล่อยให้เขากลายเป็นตัวตลกต่อหน้าครอบครัวของหลินจินซานอยู่ได้
อาเขยรองมองพ่อแม่ของชุนฟางด้วยสายตาโกรธแค้น
ที่เขาเข้าใจผิดก่อนหน้านี้นั้น ก็เพราะถูกท่าทีของพวกเขาทำให้เข้าใจผิด
“ใช่แล้วครับ เราตั้งใจมาสู่ขอชุนฟาง กำลังจะสรุปเรื่องงานแต่งของจินซานกับชุนฟางได้พอดี” นี่เป็นประโยคแรกที่เซี่ยเหล่ยพูดหลังจากที่อาเขยรองของชุนฟางเข้ามาที่นี่
อาเขยรองมองชายตรงหน้าที่มีสีหน้าเคร่งขรึม มีราศีน่าเกรงขาม และเดินกระเผลกเล็กน้อย ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลกๆ
นี่คือพ่อเลี้ยงของหลินจินซานงั้นเหรอ
เซี่ยไห่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ
“เรื่องแต่งงานก็ส่วนแต่งงาน เรื่องค่าซ่อมรถก็ส่วนค่าซ่อมรถ คนที่เกี่ยวข้องต้องมีส่วนรับผิดชอบ”
อาเขยรองของชุนฟางคิดว่าเซี่ยไห่ก้าวร้าวเกินไปแล้ว ช่างไม่เกรงใจต่อครอบครัวของชุนฟางเอาเสียเลย
เขายิ้มแหยอธิบายว่า “ตอนนี้เราเป็นเหมือนทองแผ่นเดียวกันไปแล้ว อย่าล้อเล่นกันแบบนี้เลยครับ”
เขาแก้ตัวว่า “ที่รถชนเป็นเพราะจินซานไม่คุ้นเคยกับถนน เขาไม่ได้ตั้งใจ ผมเองก็ให้สัญญาณไม่ดี มันเป็นแค่ความเข้าใจผิดกันเท่านั้นแหละครับ”
พูดจบเขาก็หันไปมองชุนฟาง บอกเป็นนัยว่า “ชุนฟาง ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ”
ชุนฟางทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่พูดจาอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเห็นดังนั้น อาเขยรองจึงหันกลับไปทางพ่อแม่ของชุนฟางเพื่อขอความช่วยเหลือ
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกพี่ก็เห็นนี่ว่ามันเป็นความเข้าใจผิด ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ”
พ่อแม่ของชุนฟางยังคงเมินเขา
ชุนหลินพูดว่า “อาเขยรอง ตอนพี่เขยทำรถชน คุณเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ด้วย พวกเราที่ไม่ได้อยู่ในรถจะอธิบายยังไง? ผู้ชายตัวจริงต้องกล้าทำกล้ารับสิ คุณเป็นคนให้สัญญาณมั่วจนเขาขับรถชนเอง ดังนั้นคุณก็ต้องเป็นคนจ่ายเงิน”
อาเขยรองจ้องหน้าชุนหลินเขม็ง พลางด่าทอในใจ แล้วหันไปหาเซี่ยไห่พร้อมกับเอ่ยประจบประแจง
“จะว่าไปคุณแซ่เซี่ยใช่ไหม? เถ้าแก่เซี่ย ผมได้ยินมาว่าคุณเก่งมาก นับวันธุรกิจของคุณก็ยิ่งรุ่งเรือง พวกเราชื่นชมคุณมาก คุณเป็นคนใหญ่คนโต ก็ควรจะใจกว้างกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้นะครับ”
“พี่ใหญ่ผมเป็นนักธุรกิจที่มุ่งหวังผลกำไร ไม่ใช่นักบุญ”
อาเขยรอง “……..”
เขามองไปที่เซี่ยเล่ย แล้วก็ถามด้วยความห่วงใย “ขาของคุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
เซี่ยเหลยบอกว่า “ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
“ผมได้ยินมาว่าคุณเปิดร้านอาหาร กลับไปผมจะพาเพื่อนๆ ไปอุดหนุน คุณเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี คุณต้องเข้ากับพวกเขาได้อย่างแน่นอน”
ชุนหลินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พอเถอะครับ อย่าได้คิดจะพาเพื่อนๆ ของอามากินฟรี คนเราอย่างน้อยก็ต้องมีศักดิ์ศรีกันบ้าง”
เซี่ยไห่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พูดพร้อมกับหัวเราะว่า “ชุนหลิน ไม่เป็นไรหรอก ที่ร้านของฉันมีพนักงานรักษาความปลอดภัยมืออาชีพคอยดูแลร้านอาหารของพี่ใหญ่รวมถึงร้านตัดผมของฉันอยู่ ถ้ามีลูกค้าคนไหนคิดจะมาใช้บริการฟรีๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยของเราจะจัดการ คนไหนไม่มีเงินก็นำของบางอย่างของตัวเองมาชดใช้แทนได้ อย่างน้อยๆ ก็ฟันสักซี่”
อาเขยรองเหงื่อตก
นี่ไม่ใช่นักธุรกิจแล้ว แต่เป็นมาเฟียชัดๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พอสถานการณ์พลิกก็เปลี่ยนสีเลยนะอาเขยรอง เจอของจริงเข้าก็แบบนี้แหละ
ไหหม่า(海馬)