ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 394 ทุกเมื่อก็ทุกเมื่อ
มีสามห้อง เดิมทีใช้ทำสบู่ทั้งหมด แต่เซี่ยยวี่หลัวคิดจะเก็บกวาดไว้หนึ่งห้อง ต่อไปตอนทำสบู่ ไม่แน่ว่าอาจต้องพักอยู่ที่นี่ อาจต้องเว้นระยะหลายวันถึงจะได้กลับบ้าน
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวจะพักอยู่ที่นี่ แววตาเซียวยวี่ฉายประกายเห็นใจแวบหนึ่ง
เขาไม่ได้บอกว่านางต้องกลับไป ระยะห่างระหว่างเมืองโยวหลันและหมู่บ้าสกุลเซียวไม่ถือว่าไกล แต่ก็ไม่ใกล้ เดินทางไปกลับ ร่างกายบอบบางของนางจะทนไหวได้อย่างไร
แต่เซี่ยยวี่หลัวบอกไว้แล้ว “หากทำงานเสร็จ ข้าก็จะกลับบ้าน ทว่า อาจต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือน น้ำดอกไม้เหล่านี้ ต้องใช้ให้หมดโดยเร็ว ถ้าเก็บไว้ต่อ เกรงว่าอาจเสียได้”
เซียวยวี่พยักหน้า “ได้ เจ้าทำงานอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถิด ที่บ้านข้าดูแลเอง ไม่ต้องกังวล” จู่ๆ ก็รู้สึกนึกเสียใจ ไม่น่ารับปากว่าจะสอนบทเรียนเริ่มแรกให้เด็กๆ
เช่นนั้น เขาก็จะมาในตัวเมืองเพื่ออยู่กับนางได้
เมื่อเห็นเซียวยวี่สนับสนุนงานของนางถึงเพียงนี้ เซี่ยยวี่หลัวจึงเขย่งเท้าขึ้น จุมพิตเขาทีหนึ่ง “เซียวยวี่ ขอบคุณเจ้ามาก! ”
เซียวยวี่จู่โจมทันที โอบกอดนางไว้ เปลี่ยนจากรับเป็นรุก จุมพิตเซี่ยยวี่หลัวจนหายใจติดขัด
น้ำดอกไม้มีมากเกินไป เซี่ยยวี่หลัวคนเดียวทำไม่ไหว คนงานสองคนที่ก่อนหน้านี้เถ้าแก่คนเดิมจ้างไว้ ได้ยินว่ายังอยู่ที่บ้าน เซี่ยยวี่หลัวจึงให้ทั้งสองคนมา
ทั้งสองคนล้วนเป็นหญิงชาวบ้านอายุสี่สิบกว่า คนที่อายุมากกว่าเล็กน้อยแซ่ฟู่ อีกคนหนึ่งแซ่เลี่ยว ทั้งคู่ดูเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เหมือนคนมีเล่ห์เหลี่ยม
ตั้งแต่ฟู่ซื่อและเลี่ยวซื่อได้รู้ว่าเถ้าแก่คนเดิมจะขายโรงผลิตทิ้ง ก็นึกว่าตัวเองไม่มีงานทำแล้ว กลัดกลุ้มใจอยู่ที่บ้านทั้งวัน คิดว่าต้องไปหางานทำเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน เซี่ยยวี่หลัวไปหาพวกนางถึงบ้าน
“พวกท่านวางใจได้ เถ้าแก่คนก่อนให้ค่าแรงพวกท่านเท่าไหร่ ข้าจะให้เพิ่มเล็กน้อย หากพวกท่านทำได้ดี ข้าจะเพิ่มค่าแรงให้พวกท่านอีก! ”
ทั้งคู่ได้ยินก็รู้สึกดีใจออกนอกหน้า จะให้เงินเพิ่มด้วย มองดูแม่นางน้อยตรงหน้าที่อายุไล่เลี่ยกับบุตรสาวของตัวเอง ก่อนตอบตกลงทันที “แม่นางท่านโปรดวางใจ พวกเราจะตั้งใจทำงาน ไม่ให้ท่านผิดหวังแน่นอน! ”
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ย่อมดี แต่พวกท่านกล่าวผิดแล้ว ข้าไม่ใช่แม่นาง ข้าแต่งงานแล้ว! ”
ทั้งคู่หันมองเซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ เซี่ยยวี่หลัว ทั้งสองคนจับมือกันอยู่ ยามทอดสายตามองไปที่อีกฝ่าย ก็หวานหยาดเยิ้มราวกับน้ำผึ้ง ดูแล้วช่างเจริญหูเจริญตานัก
ที่นี่ยังไม่ได้เก็บกวาด ยังอยู่อาศัยไม่ได้ เซี่ยยวี่หลัวให้ท่านป้าทั้งสองทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกในวันนี้และพรุ่งนี้ เก็บกวาดให้เสร็จหนึ่งห้อง ทางฮวาเหนียงก็ช่วยนางจัดการเรื่องเครื่องเรือน รอเพียงให้ที่นี่เก็บกวาดเสร็จ เครื่องเรือนก็จะถูกขนย้ายมา
ฮวาเหนียงให้รถม้าส่งทั้งคู่กลับไปยังหมู่บ้าน
ครั้งนี้รถม้ามีฟูกอ่อนนุ่มปูรองไว้ สบายยิ่งนัก เซี่ยยวี่หลัวนอนมาตลอดทาง พอถึงบ้าน ก็กระโดดลงจากรถม้าอย่างกระปรี้กระเปร่า แต่เซียวยวี่กลับอยู่ข้างหลังไม่ลงมาอยู่นาน
เซี่ยยวี่หลัวเปิดม่านด้วยความสงสัย เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เป็นอะไรไป? เหตุใดเจ้าจึงไม่ลงมา? ”
เซียวยวี่ทำสีหน้าขมขื่น กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ขาของข้า… ชาเสียแล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวมองขาข้างหนึ่งของเซียวยวี่ที่ขดงออยู่ “…”
จะไม่ให้ชาได้อย่างไร?
นางนอนหนุนมาตลอดทาง
ตอนนี้ใกล้ถึงช่วงบ่ายแล้ว เด็กสองคนรอพวกเขากลับมาด้วยความร้อนใจ พอได้ยินเสียงจากด้านนอก ก็รีบวิ่งออกมาเปิดประตู
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเด็กสองคน ก็เดินขึ้นหน้าไปกอดจื่อเมิ่ง ก่อนลูบศีรษะเซียวจื่อเซวียน เอ่ยถามด้วยความอ่อนโยน “อยู่บ้านเป็นเด็กดีหรือไม่? ”
“เป็นเด็กดีเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเป็นเด็กดีมากทีเดียว ข้ากับพี่รองไม่ได้ไปที่ไหนเลย อยู่บ้านรอพวกท่านเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งหัวเราะคิกคัก
เซี่ยยวี่หลัวกอดนางไว้ในอ้อมอก อุ้มขึ้นมา “จริงหรือ เช่นนั้นเยี่ยมไปเลย…”
เซียวจื่อเมิ่งโอบคอเซี่ยยวี่หลัวไว้ เมื่อเห็นท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองคน ภายในใจเซียวยวี่รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
ไม่ใช่เพราะเรื่องที่น้องชายและน้องสาวไม่ใกล้ชิดกับตนเอง หากแต่เพราะพวกเขาใกล้ชิดกับอาหลัวมากเกินไป
ใกล้ชิดสนิทสนมจนอาหลัวกลับบ้านแล้วก็ลืมตัวตนของเขาไปเลย!
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ายังเขียน…” เดิมทีเซียวจื่อเมิ่งคิดจะโอ้อวดเสียหน่อย จู่ๆ ก็ถูกคนอุ้มไป
เซียวยวี่วางนางลงบนพื้น…
“พี่ใหญ่…” เซียวจื่อเมิ่งบุ้ยปากกล่าวด้วยท่าทางอัดอั้นใจ
เซียวยวี่จับมือของเซี่ยยวี่หลัวพาเดินไปที่ห้อง “พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าเหนื่อยแล้ว ให้นางพักก่อน! ”
แล้วจึงลากเซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไป ทิ้งให้เด็กสองคนหันมองกันไปมองกันมาอยู่ในลานบ้าน
พี่ใหญ่แย่งพี่สะใภ้ใหญ่ไปแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัวถูกดึงกลับเข้าห้อง “เด็กสองคนยังดูอยู่เลย พวกเรายังคุยกันไม่เสร็จ…อือ…”
ไม่ทันไร วาจาครึ่งประโยคหลังของนางก็ถูกเซียวยวี่อุดกลับไป
ครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว เพราะเซียวยวี่กัดนางเบาๆ ทีหนึ่ง “ต่อไปในสายตามีได้เพียงข้า ห้ามมีผู้อื่น! ”
“จื่อเซวียน จื่อเมิ่งไม่ใช่ผู้อื่นมิใช่หรือ พวกเขาเป็นน้องชายน้องสาวแท้ๆ ของเจ้านะ! ” เซี่ยยวี่หลัวโต้แย้ง มีใครที่ไหนหึงหวงเช่นนี้กันบ้าง หึงแม้กระทั่งน้องชายน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง
“เช่นนั้นก็ไม่ได้! ” เซียวยวี่กล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “อยู่ข้างนอก ในสายตาเจ้ามีข้าตลอด พอกลับถึงบ้าน ในสายตาเจ้าก็ไม่มีข้าแล้ว” ถูกเด็กสองคนแย่งไปหมด
เซี่ยยวี่หลัวกุมขมับ เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าวาจาของเซียวยวี่ฟังดูน้อยอกน้อยใจจนเหมือนจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น
“เช่นนี้ไม่ดีหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้าพลางยิ้มขม “ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเด็ก เห็นพวกเราสองคน… ทำเช่นนี้ ไม่ดี! ”
เซียวยวี่กอดนางและจุมพิตนางเป็นประจำ หากถูกเด็กๆ เห็นเข้า จะอธิบายเช่นไร?
กอดกันก็ยังพออธิบายได้ แต่จุมพิตเล่า?
เซี่ยยวี่หลัวที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กรู้สึกว่านี่เป็นปัญหาแห่งศตวรรษเลยทีเดียว นับแต่โบราณถึงยุคปัจจุบัน นี่ยังคงเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากเสมอ!
เซียวยวี่กลับไม่ยอม “เช่นนั้นก็อย่าทำต่อหน้าเด็กทั้งสอง เฉพาะเวลาที่พวกเราอยู่กันสองคน ข้าต้องกอดเจ้าและจุมพิตเจ้าได้ทุกเมื่อ…”
ทุกเมื่อ?
เซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดว่าทุกเมื่อที่ว่าหมายถึงสิ่งใด เซียวยวี่ก็งับริมฝีปากของนางและเริ่มดูดดึง
บางครั้งสอดเข้าลึก บางคราวนเวียนอยู่ตรงริมฝีปาก
จุมพิตอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
เซี่ยยวี่หลัวหายใจติดขัด ไม่ง่ายเลยกว่าจะดันเขาออกได้ นางกล่าวพึมพำเสียงเบาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ทุกเมื่อหมายความว่าอย่างไร? “
“หมายความว่าเช่นนี้” เซียวยวี่จุมพิตแรงและลึกขึ้นอย่างฉับพลัน
ขอเพียงไม่มีผู้อื่นอยู่ เขาอยากจุมพิตนางก็จะจุมพิต อยากกอดนางก็จะกอด เป็นเช่นนี้ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี เป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
เซี่ยยวี่หลัว “…”
ก็ได้!
นางเองก็ชอบถึงเพียงนั้น ทุกเมื่อก็ทุกเมื่อ!