ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2172 ข้าพบผู้นั้นแล้ว
บทที่ 2172 ข้าพบผู้นั้นแล้ว
กู้เสี่ยวหวานจับแขนของกู้หนิงอันด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนที่นางจะพูดอะไรน้ำตาก็ไหลลงมาบนใบหน้าของนางแล้ว ตาแดงก่ำมองไปที่น้องชายที่อยู่ตรงหน้านาง ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร จึงได้แต่พึมพำว่า “ดี ดี ดี…”
ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบ กู้หนิงอันเช็ดน้ำตาบนแก้มของกู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้ม แล้วประคองกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในสวนชิง
ทั้งคู่คุกเข่าลงเพื่อบูชาบรรพบุรุษและพ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งในขณะนี้บรรยากาศในครอบครัวต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและรอยน้ำตา สวนชิงได้ถูกปกคลุมไปด้วยความปีติชั่วขณะ
คืนนั้นหลังจากเสร็จสิ้นงานรื่นเริงแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันไปในที่สุด กู้เสี่ยวหวานที่กำลังจะพักผ่อนก็ได้ยินเสียงของกู้หนิงอันดังมาจากข้างนอก “ท่านพี่ ท่านเข้านอนหรือยัง”
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากู้หนิงอันมีอะไรจะพูดกับกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นนางจึงขานตอบอย่างรีบร้อน รีบสวมเสื้อคลุมและเชิญเขาเข้ามา
หลังจากเข้ามา แก้มของกู้หนิงอันนั้นแดงระเรื่อเล็กน้อยเนื่องจากดื่มเหล้าเข้าไป ในตอนนี้เขาดูเหมือนหญิงสาวริมฝีปากนั้นแดงก่ำ ฟันขาวผ่อง เมื่อเห็นใบหน้าที่เขินอายของเขา กู้เสี่ยวหวานก็ยกยิ้ม
“ท่านพี่ ท่านหัวเราะอะไร” แม้ว่ากู้หนิงอันจะดื่มไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมีสติ เมื่อเห็นพี่สาวยิ้มให้ในตอนนี้ ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย และเอ่ยปากถามในขณะที่ลูบศีรษะด้วยความสับสน
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าน้องชายของข้าโตขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะเอ่ยออกมาได้ว่าเจ้านั้นหล่อเหลาและรูปงาม!” กู้เสี่ยวหวานค่อนข้างภูมิใจกับคำพูดของนาง เด็กชายคนนี้ที่นางเลี้ยงดูมาเองกับมือ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ นางมีความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขามาก
หลังจากที่เขาได้รับคำชมจากกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของเขาก็แดงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อให้เขากลับมาเป็นปกติ
“ท่านพี่ ข้าขอถามอะไรหน่อย” สีหน้าของกู้หนิงอันนั้นจริงจังมาก ซึ่งในตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็เลิกล้อเล่นอย่างรวดเร็ว และเริ่มฟังเขาอย่างตั้งใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ท่านพี่กับพี่ใหญ่ฉิน…” กู้หนิงอันพิจารณาคำพูดของเขาและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาไม่สามารถถามคำถามนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจถามวิธีอื่น “ท่านพี่ตกหลุมรักพี่ใหญ่ฉินได้อย่างไรหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองกู้หนิงอัน แล้วตอบอย่างเคร่งขรึม “เขาเป็นคนที่ข้าอยากจะใช้ชีวิตไปจนแก่เฒ่ากับเขา และตลอดชีวิตของข้าก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจเป็นอื่น!”
กู้หนิงอันสำลักลมหายใจและยังคงงงงวย “ท่านพี่ พี่ใหญ่ฉินเป็นคนดีมากเลยหรือ?”
“อื้ม ดี เขาเป็นผู้นำความสุขมาให้ข้า นำความหวัง และคลายทุกข์ให้ข้า ในยามอันตรายสิ่งแรกที่เขานึกถึงคือข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาเชื่อมั่นในตัวข้าเสมอ ข้าชื่นชมในตัวเขามาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่เคียงข้างข้า แต่แค่นึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่มีเขา ข้าก็มีความสุขมากแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเงียบ ๆ เสียงของนางแผ่วเบา แต่ในคืนที่เงียบสงัดนี้ มันก็เหมือนเสียงลูกปัดที่ร่วงหล่นมันดังก้องสนั่นทำให้หัวใจของอีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงความรักของคนทั้งคู่
อาจั่วที่ยืนอยู่ข้างนอก มีความสุขมากเมื่อนางได้ยินเสียงของคุณหนูกล่าวถึงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างคมชัด
กู้หนิงอันไม่ได้พูดเป็นเวลานาน เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าการแสดงออกของเขาอธิบายไม่ได้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หนิงอัน เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”
กู้หนิงอันค่อย ๆ เงยใบหน้าอันงดงามขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
“ท่านพี่ ดูเหมือนว่าข้าก็พบผู้นั้นแล้วเช่นกัน!” กู้หนิงอันพูดออกมาเบา ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้
เขาก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้านั้นก็แสดงออกมาว่ากำลังนึกถึงหญิงผู้นั้นอยู่ในใจ ทำให้รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนขึ้นเรื่อย ๆ
กู้เสี่ยวหวานแอบรู้สึกประหลาดใจ แต่ในไม่ช้าก็เข้าใจทันทีและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เจ้ามีคนรักแล้วหรือ? นางเป็นใคร ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากเจ้าเลย!”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางไม่เคยได้ยินชื่อของหญิงสาวออกจากปากของกู้หนิงอัน แม้แต่คนรอบ ๆ กายเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ากู้หนิงอันมีคนรัก
หลังจากได้ยินคำพูดที่ชัดเจนของกู้หนิงอันแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขมาก
กู้หนิงอันรู้สึกเขินอาย แก้มของเขาขึ้นสีแดงก่ำอีกครั้ง และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ท่านพี่ ข้าแค่มีความคิดนี้ แต่ข้ากับนางไม่ได้…”
“นางเป็นหญิงจากตระกูลไหนหรือ พี่สาวคนนี้จะให้ให้เจ้าทั้งสองได้พบกันเอง เจ้าบอกข้ามาได้เลย” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างกังวล เมื่อนางคิดว่าเขาคือ ‘ชายโสด’ คนสุดท้ายในครอบครัว และกำลังจะสละโสดในที่สุด นางก็ตื่นเต้นมากจนอยากจะไปสู่ขอแม่นางคนนั้นทันที
“ข้าสนใจนาง แต่…” กู้หนิงอันพูดอย่างไม่แน่ใจ “ท่านพี่ ท่านคิดว่านาง… นางจะสนใจข้าด้วยหรือไม่”
เดิมทีมันเป็นเรื่องน่าอายมากที่จะพูดเรื่องแบบนี้ แต่ตอนนี้ กู้หนิงอันมีหัวใจของตัวเอง และนอกจากงานแล้ว สิ่งที่เขาคิดคือหญิงคนนั้นเท่านั้น แต่ไม่แน่ใจว่านางมีใจให้เขาหรือเปล่า
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่มั่นใจ ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอายใด ๆ แค่อยากถามพี่สาวของเขาก่อน
กู้เสี่ยวหวานถามว่า “หญิงที่เจ้าสนใจเป็นแม่นางจากตระกูลไหน? นิสัยเป็นอย่างไรหรือ?”
“นางอ่อนโยนและใจดี” แต่กู้หนิงอันยังไม่ได้บอกว่าหญิงผู้นั้นเป็นใคร ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงร้อนใจ “เจ้าชอบใคร เจ้ารีบบอกพี่สาวคนนี้มาเถิด ข้ากังวลจะแย่แล้ว!”
“ท่านพี่…” กู้หนิงอันยังคงแสดงท่าทีเขินอายและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานราวกับว่าเขาไม่กล้าเอ่ยชื่อของหญิงผู้นั้นออกมา
กู้เสี่ยวหวานลุ้นกับความอึกอักของเขา ดังนั้นนางจึงพูดทันที “เจ้าต้องบอกว่าเจ้าชอบใคร นางเป็นสตรีที่ยังไม่แต่งงานใช่หรือไม่ ชื่อเสียงของนางเป็นอย่างไร ฯลฯ เจ้าเป็นบุรุษ ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่หรือไหม?”
กู้หนิงอันตื่นตระหนกและลดศีรษะลงอีกครั้ง “คุณหนูหลิน!”
หลินจิ้งหรู?
สิ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดของกู้เสี่ยวหวาน คือคุณหนูจากตระกูลหลินผู้สง่างาม ใจดี อ่อนโยน นางไม่อยากจะเชื่อเลยและคำพูดที่นางถามก็สั่นสะท้าน “หลินจิ้งหรูหรือ?”
นางเป็นหญิงที่ดี หากกู้หนิงอันชื่นชอบในตัวนาง กู้เสี่ยวหวานจะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขาเอ่ย และเมื่อเห็นกู้หนิงอันพยักหน้า หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็เบาลง นางชกไหล่ของกู้หนิงอัน “สายตาเฉียบคม!”
หลินไห่เทียนเป็นขุนนางผู้เที่ยงตรง และค่อนข้างมีชื่อเสียงในราชสำนักและในหมู่ผู้คนทั่วไป หลานสาวของเขาหลินจิ้งหรู ซึ่งถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี นางมีคุณสมบัติเพียบพร้อม และรูปร่างหน้าตาของนางก็ไม่เป็นรองหญิงใด
ตอนนี้นางอายุสิบห้า กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่เคยได้ยินว่านางแต่งงานแล้ว หลินไห่เทียนเองก็รักหลานสาวคนนี้มาก เขาเลี้ยงดูนางตั้งแต่ยังเล็ก การแต่งงานของนางเขาต้องจับตาดูเป็นอย่างมากแน่ ๆ!
กู้หนิงอันรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นหลังจากได้รับคำชมจากพี่สาวของเขา “ท่านพี่…”