ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2396 หลบหนีได้อย่างเฉียบแหลม
มู่เฉียนซีกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับอวิ๋นจื่อ ด้วยเหตุนี้อวิ๋นจื่อจึงประคองมู่เฉียนซีที่แสร้งทำเป็นบาดเจ็บสาหัสพุ่งทะยานออกไป และกลิ่นอายของเขาเองก็อ่อนแอมากเช่นกัน
ซึ่งคนที่หนีเอาชีวิตรอดเข้าไปในหุบเขาอัสนีโกลาหลควรจะมีท่าทางเช่นนี้ เพราะมันคงจะผิดปกติหากพวกเขาทั้งสองคนออกมาด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่านั่นเอง
“ถ้าเขาลงมือ เจ้าก็ฟังที่ข้าส่งกระแสจิตไปให้ แล้วค่อยลงมือโจมตีกลับ!”
“อื้ม!”
คนผู้นั้นซุ่มรออย่างเงียบสงบ เขารอให้เหยื่อเข้ามาใกล้ หลังจากนั้นก็จะทำการสังหารภายในคราวเดียว
คราวนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อที่เจ้าเล่ห์นี้หนีไปต่อหน้าต่อตาของเขาได้อีก
สวบ!
ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมา เขามั่นใจในความสามารถต่อการลอบสังหารของตนเองเป็นอย่างมาก
แต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็คือ ชายในชุดสีม่วงผู้นั้นผลักมู่เฉียนซีออกไป และหลังจากนั้นเขาก็ลอบโจมตีกลับ
เดิมทีเป้าหมายของเขาคือมู่เฉียนซีไม่ใช่คนผู้นี้ แต่อีกฝ่ายลอบโจมตีได้อย่างแม่นยำพอ ๆ กัน และด้วยความผิดพลาดเพียงชั่วขณะ ก็ทำให้เขาต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส
ตูมม!
คนในชุดดำผู้นั้นถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป และมุมปากของเขาก็มีเลือดทะลักออกมา
คนผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่ปะทะกันก่อนหน้านี้มากเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถยกระดับได้ภายเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อว่า “อยากจะลอบสังหารข้าหรือ ความรู้สึกที่ถูกคนลอบโจมตีเป็นอย่างบ้างล่ะ?”
“ข้าประเมินพวกเจ้าต่ำเกินไปหน่อยแล้ว” เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ร่างเงาของมู่เฉียนซีพุ่งทะยานออกไป และเขาก็พุ่งมาทางมู่เฉียนซีอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งเขาย่อมต้องถูกร่างสีม่วงเงินนั้นขวางเอาไว้อยู่แล้ว
แสงสีม่วงเงินที่เต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งพุ่งโจมตีนักฆ่าชุดดำผู้นั้น สีหน้าของอีกฝ่ายมืดมนลงทันที และพยายามสกัดกั้นการโจมตีอย่างสุดความสามารถ
ตูมมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นออกมา พลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง จนภูเขาถล่ม และแผ่นดินแยกไปเลยทีเดียว
อวิ๋นจื่อมีความได้เปรียบกว่าเล็กน้อย เขาเร่งลงมืออีกครั้ง เพราะไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามมีแม้แต่โอกาสจะได้หายใจ
มู่เฉียนซีซ่อนตนเองเอาไว้ แม้จะบอกว่าการลอบโจมใต้เท้าระดับบนจะเป็นเรื่องที่ยากเรื่องหนึ่ง แต่ทว่าตอนนี้เจ้าหมอนั่นถูกความสามารถที่สูงกว่าเขาเล็กน้อยของอวิ๋นจื่อโจมตี บางทีนางอาจจะเจอโอกาสนั้นก็เป็นได้
เขาสัมผัสได้แล้วจริง ๆ ว่า ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วันนี้ ความสามารถของเจ้าหมอนี่จะยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมาก นอกจากนี้มันไม่ใช่การใช้ยาเพื่อยกระดับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือความสามารถที่แท้จริง
ปัง ปัง ปัง!
ความแข็งแกร่งของลำแสงสีเงินเพิ่มมากขึ้น แต่ลำแสงสีดำของเขากลับพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง
ตูมมมม!
จำนวนครั้งที่อวิ๋นจื่อทำร้ายเขาได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้เขายังเปิดเผยข้อบกพร่องเยอะขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ตอนนี้อวิ๋นจื่อผู้เย็นชารู้สึกยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ในที่สุดอาการบอบช้ำภายในร่างกายก็ไม่ทำให้เขาต้องทรมานอีกแล้ว และนี่ก็เป็นการต่อสู้ที่มีความสุขมากที่สุดหลังจากที่เขาฟื้นตัวขึ้นมาเลย
ตูมมม!
มีเสียงดังกึกก้อง เขาพ่นเลือดสด ๆ ออกมาและถูกโจมตีจนลอยออกไปไกล
และในตอนนี้มู่เฉียนซีก็หาโอกาสนั้นเจอแล้ว เข็มยาจำนวนนับไปถ้วนพุ่งเข้าไปโจมตีเขาจากทั่วทุกทิศทาง
ฉึก!
ถึงเขาจะหลบหลีกอย่างรีบร้อน แต่กลับถูกเข็มยาเล่มหนึ่งเฉี่ยวข้างหูของเขาไป
เลือดสด ๆ หยดลงมาหยดหนึ่ง แววตาของเขามืดมนลงทันที จากนั้นก็มองไปทางอวิ๋นจื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาต้องบดขยี้จี้หยกชิ้นนี้
มิติเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้นมา และมันก็ได้ส่งเขาออกไปทันที
อวิ๋นจื่อตะลึงงันทันที “คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเช่นนี้ เขายอมที่จะสิ้นเปลืองจี้หยกเคลื่อนย้ายอันล้ำค่าชิ้นหนึ่งแต่ไม่ยอมหนีด้วยตนเอง ช่างน่าแปลกมากเลยจริง ๆ ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มันต้องแปลกมาอยู่แล้วสิ! หากเขาหนีล่ะก็ เจ้าอาจจะจับเขาไม่ทันก็ได้ แต่เขากลับเลือกที่จะใช้วิธีที่เร็วยิ่งกว่า! คนที่ลอบฆ่าข้าคนนี้ เข้าใจข้ายิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก เพราะรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยนั่น ก็ทำให้เขาถือว่าโดนยาพิษไปแล้ว ซึ่งถึงเขาจะสามารถหนีได้แต่ก็สลัดพวกเราไม่หลุดอยู่ดี ฉะนั้นจึงเลือกใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในการหนี และไปหาคนแก้พิษโดยเร็วที่สุด”
“ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้ออกมา” อวิ๋นจื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ความเคร่งขรึมฉายแววอยู่บนใบหน้าของมู่เฉียนซี “เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก นอกจากนี้ยังมีลูกน้องที่ยอดเยี่ยม ฉะนั้นเจ้านายของพวกเขาต้องน่ากลัวยิ่งกว่าแน่นอน”
เดิมทีแล้วคิดว่าเป่ยกงจั๋วเป็นคนที่มีความคิดชั่วร้ายและเป็นคนที่จัดการได้ยากที่สุดแล้ว แต่ทว่าหลังจากที่อยู่ในคุกโลหิต นางก็เพิ่งได้รู้ว่าความน่าสะพรึงกลัวของเป่ยกงจั๋วเทียบกับคนผู้นั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “มนุษย์อย่างพวกเจ้าที่วางแผนจัดการคนอื่น น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ไปกันเถอะ! ข้าอยากจะกลับไปที่เมืองหนามโลหิต เจ้าหมอนั่นได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ภารกิจยังล้มเหลว ฉะนั้นน่าจะหยุดพักไปช่วงหนึ่ง”
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีออกมาจากหุบเขาอัสนีโกลาหล ก็ได้รับข่าวบางอย่าง สี่เมืองใหญ่ตอนนี้ได้ถูกทำลายไปสองแห่ง และถูกคนอื่นยึดครองไปแล้ว หนึ่งในนั้นมีเมืองลู่ และเมืองคุน
เมืองเหลียนยังคงปลอดภัยดีอยู่ และตอนนี้พวกเขาก็กำลังหาทางที่จะทำลายค่ายกลป้องกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าไปดูเมืองเหลียนเถอะ!”
“ค่ายป้องกันนั้นข้าใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้มันมา ทั่วทั้งคุกโลหิตนอกจากท่านอ๋องจิ่วเยี่ยแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายได้หรอก ฉะนั้นไปดูเมืองหนามโลหิตของเจ้าก่อนดีกว่า!” อวิ๋นจื่อกล่าว
ตอนนี้นักโทษทั้งหมดต่างก็มุ่งหน้าไปโจมตีเมืองหนามโลหิต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองแห่งฝันร้ายของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดแห่งนี้ และหลังจากนั้นกลับเป็นเมืองที่ถูกคนอื่นควบคุมอย่างน่าประหลาดใจ
นี่ไม่ได้ถือว่าเป็นข่าวที่ดีนัก อวิ๋นจื่อเองก็ไม่วางใจเช่นกัน ดังนั้นจึงได้คิดที่จะตามนางไปยังเมืองหนามโลหิตก่อน!
มู่เฉียนซีมุ่งตรงไปยังเมืองหนามโลหิตด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด และในเวลานี้ ประตูเมืองบานใหญ่ของเมืองหนามโลหิตก็ได้ถูกเปิดออก ราวกับถูกคนบุกโจมตีเข้าไปก็มิปาน
สภาพพื้นดินนอกเมืองเละเทะไปหมด ส่วนภายในเมืองก็มีเสียงต่อสู้อันดุเดือดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!”
พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในเมืองถูกนักโทษยึดครอง และจุดศูยน์กลางในการต่อสู้ตอนนี้ก็อยู่ที่หอหมอปีศาจ
เกาะป้องกันของหอหมอปีศาจเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองหนามโลหิตแล้ว หอหมอปีศาจในตอนนี้ถูกหนามโลหิตห่อหุ้มอยู่เป็นชั้น ๆ ส่วนคนที่อยู่ภายในเมืองก็อยู่ภายในหอหมอปีศาจและถูกคุ้มครองโดยหนามโลหิต
“ปล่อยพวกเราออกไป พวกเราก็สามารถฆ่าศัตรูได้เหมือนกัน!”
“ได้โปรดเถอะพี่ชาย”
“…”
หนามโลหิตได้เอาพวกเขาเข้ามาในหอหมอปีศาจเพื่อคุ้มครองเอาไว้ และทำให้พวกเราไม่ถูกศัตรูฆ่าตาย
แต่ทว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นหนามโลหิตถูกศัตรูบดขยี้ไปต่อหน้าต่อหน้าของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
หนามโลหิตที่เคยทำให้ผู้คนหวาดกลัว และเป็นฝันร้ายของมวลมนุษย์ บัดนี้ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องมนุษย์อย่างพวกเขา
นี่คือเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย พวกมันมีความภักดีเป็นอย่างมาก และพวกเขาเองก็ต้องการต่อสู้ไปด้วยกันกับพวกมันเช่นกัน แทนที่จะถูกพวกมันปกป้องอยู่อย่างนี้
เฉี่ยอี้เป็นผู้นำหนามโลหิตที่แปลงร่างแล้วนำคนอื่น ๆ ไปเข่นฆ่าคนเหล่านั้น
หนามโลหิตทั่วทั้งเมืองต่างเคลื่อนไหว และจัดการแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่บุกเข้ามาเหล่านี้
ตูมมมมม!
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็จะต้องทนเอาไว้จนกว่าท่านเจ้าเมืองจะกลับมา”
“ขอรับ!”
หนามโลหิตทั้งหมดร่วมต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในเมืองนับหมื่นอย่างไม่คิดชีวิต ซึ่งมันก็ทำให้นักโทษเหล่านี้ปวดหัวมาก “คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีหนามโลหิตมากมายขนาดนี้ นอกจากนี้ยังคุ้มครองมนุษย์อีกด้วย ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริง ๆ”
“เจ้าเมืองของพวกเขาจะต้องมีเคล็ดลับพิเศษที่ใช้ควบคุมหนามโลหิตเหล่านี้อย่างแน่นอน น่าเสียดายที่เจ้าเมืองของพวกเขาไม่อยู่ หากสามารถจับเจ้าเมืองเอาไว้ได้ คงบีบให้บอกวิธีการควบคุมหนามโลหิตออกมาแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถควบคุมหนามโลหิตเหล่านี้ และใช้ประโยชน์จากพวกมันได้!”
“สมกับที่เป็นหนึ่งในพืชกลายพันธุ์ที่โหดเหี้ยมที่สุดจริง ๆ พลังในการต่อสู้นี้แข็งแกร่งมาก!”
และในตอนนั้นเอง ด้านหลังของพวกเขาก็มีเปลวเพลิงสีแดงก่ำลุกไหม้ขึ้นมา
ท้องฟ้ามืดมนลงทันที หญิงสาวในชุดสีม่วงที่งดงามคนหนึ่งยืนอยู่บนหงส์สีดำสนิทที่แปลกประหลาดตัวหนึ่ง นางก้มมองมายังพวกเขาอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่มารุกรานเมืองหนามโลหิตของข้า จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”