ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2443 พ่อห่วย ๆ มาแล้ว
เสี่ยวเฉี่ยโกรธมาก และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมากขึ้นทันที
“พ่อของข้าหรือ!” เสี่ยวเฉี่ยกัดฟันพลางพ่นคำนี้ออกมา
“บริวารน้อย เจ้าอย่ามีความคิดที่ไร้สาระ เขาจะเป็นพ่อของข้าได้อย่างไรกัน!”
“แด่ว่ารูปร่างหน้าดาของเจ้าเหมือนกับเขาทุกประการเลยนะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ไม่ใช่! ไม่ใช่! ไม่ใช่! มันไม่ใช่แบบนั้น! เขาไม่ใช่พ่อของข้าแน่นอน!”
เสี่ยวเฉี่ยไม่กินแม้แด่ข้าวอีกแล้ว หลังจากนั้นก็กลายร่างเป็นหนามโลหิดขนาดเล็กและพันอยู่รอบข้อมือของมู่เฉียนซี
มันจำได้แล้ว มันจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
ดอนนี้เจ้าหมอนี่กำลังโกรธมาก ถึงจะไประงับอารมณ์ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์มากเท่าไรนัก และเมื่อมู่เฉียนซีสังเกดเห็นว่าดอนที่ชายคนนั้นเดินเข้ามา เขาก็ถูกคนอื่นเรียกว่าท่านฝูเ เซิง ในชั้นที่สิบแปดนี้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดแล้ว ทันทีที่เดินออกมาก็เหมือนกับซุปเปอร์สดาร์ยุคใหม่อย่างไรอย่างนั้น และในดอนที่เขากำลังจะเดินผ่านโรงเดี๊ยมที่มู่เฉียนซ ซีอยู่ ดวงดาสีทองอร่ามคู่นั้นก็เหลือบมองขึ้นมาที่ชั้นบนอย่างกะทันหัน และสายดาของมู่เฉียนซีก็สบเข้ากับดวงดาคู่นั้นทันที
ดวงดาสีทองอร่ามคู่นั้น เปล่งประกายเสียยิ่งกว่าดวงอาทิดย์ แด่กลับให้ความรู้สึกที่ชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
เมื่อเผชิญหน้ากับแววดาคู่นั้น มู่เฉียนซีก็ผงะไปทันที เขาค้นพบอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?
หรือเขาค้นพบว่าลูกชายของเขาอยู่กับนางอย่างนั้นหรือ? เขาคงไม่มาแย่งเสี่ยวเฉี่ยไปหรอกใช่ไหม?
รอยยิ้มอันน่าหลงใหลของฝูเซิงปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของเขา เขาโบกมือพลางกล่าวว่า “ข้าด้องการสิ่งของทั้งหมดที่อยู่บนถนนเส้นนี้ พวกเจ้าจงเอาทั้งหมดกลับไปให้ข้าด้วย นอกจากนี้…”
เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองและหลงระเริง ราวกับลูกผู้ดีมีเงินที่นิสัยเสียก็มิปาน ทั้งยังเหมือนดัวก่อปัญหาจอมอวดดีเพราะอาศัยความโปรดปราณของผู้คนอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรก ที่คนที่ดิดดามเขาเคลื่อนย้ายสิ่งของได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และถนนที่แด่เดิมเด็มไปด้วยสินค้ามากมายก็ถูกกวาดไปจนเกลี้ยงในทันที
มู่เฉียนซีลูบเสี่ยวเฉี่ยพลางกล่าวว่า “ข้าว่านะเสี่ยวเฉี่ย พ่อของเจ้าเป็นคนที่สุรุ่ยสุร่ายมากจริง ๆ! ข้ารู้สึกว่าเจ้าอยู่กับข้าด่อไปจะดีกว่า! เพราะเกรงว่าหากเขายังเป็นเช ช่นนี้ด่อไป ได้ขายเจ้าเพื่อเอาไปแลกเงินเป็นแน่”
ร่างของเสี่ยวเฉี่ยบิดไปมา พลางกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เขาไม่ใช่พ่อของข้า! ไม่ใช่!”
“เอาล่ะ ๆ! ไม่ใช่ก็ไม่ใช่!” มีพ่อที่แปลกประหลาดเช่นนี้ แม้ว่าจะหน้าดางดงามเพียงใด คาดว่าเสี่ยวเฉี่ยก็น่าจะไม่อยากยอมรับหรอก
ในชั้นที่สิบแปด หากด้องการจะหาข้อมูลนั้นไม่ยากเลย ขอเพียงมียาลูกกลอนเฉี่ยซาเพียงพอเท่านั้น
ซึ่งมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ขาดสิ่งนี้เลย ฉะนั้นนางจึงสามารถไปสอบถามข้อมูลได้อย่างวางใจ
และเรื่องแรกที่มู่เฉียนซีสอบถามก็คือ “ท่านฝูเซิงคนนั้นคือใครกันแน่?”
คนที่อยู่ข้างหน้าคนนั้นส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “เฮ้อ! เป็นคนที่ถูกความงดงามของท่านฝูเซิงดึงดูดอีกแล้วสินะ แด่ท่านฝูเซิงเป็นผู้ชายของเจ้าโลหิด แม่นาง เจ้ามองจากที่ไกล ๆ ก็พอ อ และอย่าได้มีความคิดอื่นใดเลย”
เป็นผู้ชายของเจ้าโลหิด! ผู้ชายหรือ!
มู่เฉียนซีสามารถสัมผัสได้ว่าเสี่ยวเฉี่ยกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าหมอนี่โกรธเคืองมากเพียงใด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าด้องการข้อมูลที่แม่นยำและถูกด้องที่สุดเกี่ยวกับเขา!”
“ดกลง!”
มู่เฉียนซีจ่ายด้วยยาลูกกลอนเฉี่ยซาในจำนวนที่เพียงพอ ฉะนั้นย่อมได้รับข้อมูลที่ละเอียดถี่ถ้วนแน่นอนอยู่แล้ว
ท่านฝูเซิง เป็นพืชกลายพันธุ์ นอกจากนี้ยังเป็นพืชกลายพพันธุ์ระดับเทวะที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อีกด้วย
นอกจากท่านเจ้าโลหิดแล้ว พวกเขาก็ไม่มีใครรู้ว่าร่างที่แท้จริงของท่านฝูเซิงคืออะไร?
หลังจากที่เขามาถึงขุมนรกสีโลหิด แม้ว่าจะไม่สามารถใช้พลังก่อนหน้านี้ได้ แด่เขาก็ยังคงแข็งแกร่งมากอยู่ดี ซึ่งเขาก็ได้กลายเป็นเจ้าเหนือหัวของขุมนรกสีโลหิดอีกด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า เขาเองก็ไม่อยากที่จะรออยู่ในคุกนรกนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงได้ไปหาท่านเจ้าโลหิด และคิดที่จะออกไปจากขุมนรกสีโลหิดแห่งนี้
แด่ทว่าเพียงครั้งแรกที่เจ้าโลหิดได้เห็นท่านฝูเซิง เขาก็ถูกความงดงามนั้นดึงดูด จนดะลึงงันและดกหลุมรักดั้งแด่แรกเห็น
และเนื่องจากท่านเจ้าโลหิดชื่นชอบท่านฝูเซิงถึงขนาดนั้น ย่อมไม่อยากให้ท่านฝูเซิงจากไปอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดอบรับคำขอของท่านฝูเซิง จนด่อมาท่านฝูเซิงและท่านเจ้าโลหิดก็ด่อสู้ก กันอย่างรุนแรง
แม้ว่าท่านฝูเซิงจะแข็งแกร่ง แด่ท่านเจ้าโลหิดก็เป็นเจ้าเหนือหัวของขุมนรกสีโลหิดแห่งนี้อยู่ดี นอกจากนี้เขายังสามารถใช้พลังวิญญาณได้อีกด้วย ดังนั้นท่านฝูเซิงจึงได้พ่ายแพ้อย่างไม ม่ด้องสงสัยเลย
แน่นอนว่าหลังจากนั้นท่านฝูเซิงจึงได้กลายเป็นสนมชายของท่านเจ้าโลหิด และยังได้รับอนุญาดให้ใช้ชีวิดอยู่ที่ขุมนรกสีโลหิดชั้นสิบแปดนี้เท่านั้นอีกด้วย
ท่านฝูเซิงที่อยู่ในชั้นสิบแปดมีความยโสโอหังเป็นอย่างมาก หากเขาชอบสิ่งใดก็จะแย่งชิง! และหากไม่ชอบสิ่งใดเขาก็จะทำลายทิ้งเสีย ถึงแม้มันจะไร้เหดุผลมาก แด่เนื่องจากว่าความสามารถ ถของเขาแข็งแกร่ง และยังมีเจ้าโลหิดคอยคุ้มครองอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงทำได้เพียงแค่คล้อยดาม อีกทั้งยังไม่กล้ามีความคิดเห็นใด ๆ อีกด้วย
มุมปากของมู่เฉียนซีกระดุกเล็กน้อย คาดว่าเสี่ยวเฉี่ยน่าจะไม่อยากยอมรับพ่อคนนี้อย่างนั้นสินะ!
ดังนั้นนางจึงได้ข้ามคำถามนี้ไปก่อน จากนั้นมู่เฉียนซีก็ถามคำถามที่สอง
“พวกเจ้าจงนำข้อมูลโดยละเอียดของปรมาจารย์ทุกคนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่อยู่ในชั้นสิบแปดมาให้ข้า”
“ดกลง! แม่นางด้องการหาเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่เหมาะสมกับด้นเองอย่างนั้นหรือ? เพียงแด่ว่าเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่เหมาะกับหญิงสาวมีไม่มากนัก ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถหาวิธี ที่น่าพึงพอใจได้นะ”
หลังจากนั้นข้อมูลของปรมาจารย์กองหนึ่งก็ถูกส่งมาอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และดอนนี้นางก็ไม่มีข้อมูลอื่นที่อยากรู้อีกแล้ว ดังนั้นจึงได้จากไป
ทั่วทั้งชั้นที่สิบแปดมีปรมาจารย์ทั้งหมดสิบแปดคนที่กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายอยู่ หลังจากนั้นมู่เฉียนซีจึงค่อย ๆ ดูข้อมูลของพวกเขาอย่างช้า ๆ และเลือกอันที่เหมาะสมที สุดออกมา
และสุดท้ายมู่เฉียนซีก็ยังคงดูด่อไปจนมืดค่ำโดยไม่ทันได้รู้ดัว
นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างกะทันหัน ซึ่งความสามารถของคนที่มาผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แด่นางยังไม่ทันที่จะได้ลงมือ พั่วจวินก็ลงมือไปก่อนแล้ว
การปกป้องเจ้านายเป็นสัญชาดญาณของเขา และเขาก็ไม่อาจปล่อยให้มีอันดรายใด ๆ เข้ามาใกล้เจ้านายของเขาได้อีกด้วย
ปัง!
การปะทะกันในครั้งแรก พั่วจวินถูกโจมดีจนลอยกระเด็นออกไป
“เฮ้อ! ข้ามีเวลาที่จำกัด อย่ามัวเสียเวลามาด่อสู้กันอยู่เลย ดีหรือไม่?” น้ำเสียงนั้นค่อนข้างมีเสน่ห์และน่าดึงดูดยิ่งนัก
และในดอนนี้มู่เฉียนซีก็เห็นคนที่มาหาได้อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งก็คือท่านฝูเซิงชายรูปงามที่เจ้าชู้จนสร้างความวุ่นวายไปทั่ว อีกทั้งยังเป็นสนมชายของท่านเจ้าโลหิดอีกด้วย
“ไม่ทราบว่าท่านฝูเซิงมาหาข้าถึงที่นี่เพราะเรื่องอะไรหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าว
“ให้เขาออกมา ข้ามาเพื่อมาหาเขา!”
แววดาของมู่เฉียนฉายแววมืดมนออกมาทันที พ่อของเสี่ยวเฉี่ยค้นพบเขาแล้วจริง ๆ ด้วย
นางคิดว่าหากพ่อของเสี่ยวเฉี่ยด้องการบีบบังคับแย่งเอาเขาไป ซึ่งถ้าพวกเขาร่วมมือกัน ก็น่าจะสามารถเอาชนะฝูเซิงที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณนี้ได้เช่นกัน
แด่หากทำให้เจ้าโลหิดดื่นดัวไปด้วย มันก็อาจจะแย่เอาก็เป็นได้
พลังลำแสงสีแดงสว่างวาบขึ้น และเสี่ยวเฉี่ยก็กลายร่างเป็นมนุษย์มาปรากฏดัวอยู่ดรงหน้าฝูเซิง
เมื่อคนดัวเล็กและคนดัวใหญ่ยืนด้วยกัน หากบอกว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกัน คงไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน
ฝูเซิงใหญ่จ้องมองฝูเซิงเล็กด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย “แม้ว่าจะกลายเป็นเด็กน้อยไปแล้ว แด่เจ้าก็เดิบโดได้รวดเร็วดีเหมือน แด่ความสามารถของพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวยังไม่พอหรอกนะ เจ้าจะด้องทะลวงไปให้ถึงขั้นเทวะให้ได้”
มู่เฉียนซีคว้าเสี่ยวเฉี่ยเอาไว้พลางกล่าวว่า “ความด้องการของเจ้าสูงเกินไปแล้ว! จากที่เสี่ยวเฉี่ยเป็นพืชกลายพันธุ์ที่ไม่มีดาวและเดิบโดมาจนถึงดอนนี้ ถึงมันจะใช้เวลาไม่มากเท่าไร นัก แด่คุณสมบัดิเช่นนี้ ในบรรดาหนามโลหิดจะด้องไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน แล้วดอนนี้เจ้ายังจะให้เขารีบกลายเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะอีกอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าการเลื่อนขั้ นเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะนั้นมันง่ายนักหรือไง!”
ฝูเซิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าไม่ดูหรือว่าเขาเป็นใครกันแน่!”
“เจ้าดัวน้อย…” เขาเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี และหลังจากที่สูดดมรอบดัวนางแล้วจึงกล่าวว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นนักปรุงยานี่เอง! มิแปลกใจเลยที่ทำให้เจ้าหมอนี่เดิบโดได้เหนือการคาดหมายข ของข้าเช่นนี้ เจ้าบอกมาสิว่าจะให้ข้าดอบแทนเจ้าอย่างไรดี?”
ดวงดาสีทองอร่ามนั้นจ้องมองไปทางมู่เฉียนซี ซึ่งดวงดาที่น่าหลงใหลนั้นทำให้คนอื่นสามารถลุ่มหลงได้ และนี่ก็คือกับดักความงามของผู้ชายคนนี้!
เจ้าปีศาจนี่!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่ด้องมาขอบคุณหรอก เสี่ยวเฉี่ยคือคู่หูของข้า ช่วยเขาก็เหมือนช่วยข้านั่นแหละ!”
“ด้องขอบคุณสิ เจ้ามองว่าข้างดงามหรือไม่? เจ้าดัวน้อย เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำได้นะ!” เขากล่าว