ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2537 ท่านผู้นั้น
นี่ก็คือผู้พิทักษ์ของเหวนรกอย่างนั้นหรือ?
หากมีคนอยู่ ย่อมจะต้องมีทางออกแน่นอน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงพุ่งออกไปยังสถานที่ที่คนผู้นั้นอยู่
ในตอนที่เปลวเพลิงแต่ละชั้นกระจายออกไป มู่เฉียนซีก็ค้นพบว่าร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก่อนหน้านี้ ได้หายไปแล้ว
พลังจิตวิญญาณของนางแพร่กระจายออกไป แต่นางก็สัมผัสได้ว่ารอบตัวนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคน
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย นางกล่าวว่า “มองผิดอย่างนั้นหรือ?”
นางไม่มีทางดูผิดไปอย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซีพยายามค้นหาคนที่ปรากฏตัวออกมาราวกับวิญญาณผู้นี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล นางจึงทำได้เพียงฝึกฝนต่อไป
“ถึงจะหารอยแยกของมิติไม่เจอ แต่หากมีใครบางคนอยู่ในนี้จริง ๆ บางทีเขาอาจจะรู้วิธีออกไปก็เป็นได้” สุ่ยจิงอิ๋งบอกกับมู่เฉียนซี
“เช่นนั้นก็ต้องหาเขาให้เจอ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
แม้ว่าเปลวเพลิงที่อยู่ที่นี่จะมีประโยชน์ต่อการขัดเกลาของนาง แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางกลัวว่าจิ่วเยี่ยจะเป็นห่วงนาง
เป้าหมายหลักในการมาที่เหวนรกแห่งนี้ของพวกเขาก็คือเอาชนะกิเลนแห่งนรก ฉะนั้นนางจะปล่อยให้จิ่วเยี่ยต่อสู้ตั้งแต่ยังไม่ทันหากิเลนแห่งนรกเจอไม่ได้ และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่ควา ามต้องการของนางเลย
มู่เฉียนซีพยายามค้นหาการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัวนางอย่างละเอียด นางเอ่ยปากว่า “ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง ท่านโปรดบอกวิธีออกไปหน่อยได้หรือไม่?”
“ข้ารู้ว่าท่านจะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน และข้าก็ไม่คิดจะให้ท่านต้องนำทางให้อย่างเปล่า ๆ ด้วย หากท่านมีคำขออะไรก็เสนอมาได้เลย เช่นเดียวกับผู้พิทักษ์ของเหวนรกคนอื่น ๆ”
พลังจิตวิญญาณที่แพร่กระจายออกมานั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็นคนปกติคงจะไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นมาอาละวาดในอาณาเขตของตนเองแน่นอน แต่ทว่าอีกฝ่ายทำราวกับว่าไม่ได้ยินก็มิปา าน อีกทั้งยังไม่สนใจนางอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
“ซีเอ๋อร์ ช่างมันเถอะ พวกเราหาทางออกด้วยตนเองก็ได้” ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีฟ้าอ่อนสว่างวาบขึ้น และสุ่ยจิงอิ๋งก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้ามู่เฉียนซี
ดวงตาที่อ่อนโยนราวกับสายน้ำก็มิปานจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง”
นางจับมือของมู่เฉียนซีเอาไว้ ทันใดนั้นพลังแห่งมิติอันแข็งแกร่งก็ดับเปลวเพลิงที่อยู่บริเวณโดยรอบไปจนสิ้น สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ข้าหาเจอ...”
“ถูกผนึกไปอีกแล้ว มีใครบางคนเข้ามายุ่ง!”
“ไสหัวออกมาได้แล้ว!” ร่างของสุ่ยจิงอิ๋งเต็มไปด้วยร่องรอยของความเดือดดาล
พรึ่บ!
เปลวเพลิงได้ลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง และมู่เฉียนซีก็ได้เห็นร่างเงาสีดำร่างนั้นอีกครั้ง
ทั่วทั้งร่างของเขาล้วนเป็นสีดำล้วน แม้จะเห็นชัด ๆ ว่าเขาอยู่ตรงหน้า แต่นางก็ยังคงมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ชัดเจนอยู่ดี
สุ่ยจิงอิ๋งผงะไปเล็กน้อย “เจ้า…”
แม้ว่าจะเป็นนางก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน
ผู้ที่สามารถใช้วิธีปกปิดจนถึงขนาดนี้ได้ คือผู้ใดกันแน่?
มู่เฉียนซีมั่นใจว่า เจ้าหมอนี่ไม่มีทางใช่ผู้พิทักษ์ของเหวนรกอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นนายท่านที่ผู้พิทักษ์เหล่านั้นเคยกล่าวเอาไว้มากกว่า
นอกจากกิเลนแห่งนรก ท่านผู้นั้นก็คือการมีอยู่ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเหวนรกแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านช่วยบอกวิธีออกไปจากที่นี่ให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่?”
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “เอาชนะข้า ก็สามารถออกไปได้”
น้ำเสียงของเขานิ่งสงบไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย แต่การเอาชนะเขา…
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าคนผู้นี้ลึกเกินจะหยั่งถึง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ง่ายอยู่แล้ว
ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงลูกหนึ่งก็พุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างกะทันหัน และห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ สุ่ยจิงอิ๋งจึงกล่าวว่า “ไม่มีอันตราย”
เปลวเพลิงนี้ได้ช่วยมู่เฉียนซีปลดปล่อยพลังวิญญาณที่ปีศาจเหวนรกตนนั้นผนึกเอาไว้ออกมา เมื่อนางสามารถใช้พลังวิญญาณได้แล้ว ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่สามารถต่อสู้กับเปลวเพลิงระดับนั้ นได้ก็ระเบิดออกมาทันที
“ถึงพลังวิญญาณของข้าจะกลับมาแล้ว แต่ข้าก็น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอยู่ดี” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจัง
“หากไม่มีความมั่นใจ เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ” และเขาก็หันหลังกลับทันที
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังจะหายไป หากเขาหายไปอีกครั้งนางก็กลัวว่านางจะหาเขาไม่เจอ ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมาและกวาดออกไปทันที
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“แม้รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ข้าก็อยากจะลองดูสักครั้ง อย่างไรเสียข้าก็ไม่สามารถติดอยู่ในนี้ตลอดไปได้” มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว
นางเห็นว่ามิติที่อยู่รอบตัวคนผู้นี้บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที เขาสามารถหลบการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นร่างของมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป และโจมตีอีกครั้ง…
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลังธาตุวายุไล่ตามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เขาพึมพำว่า “ลมหรือ?”
“นอกจากนี้ยังมีน้ำ!” มู่เฉียนซีกล่าว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี ฉะนั้นการใช้พลังธาตุอัคคีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่า
เนื่องจากว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป มู่เฉียนซีจึงหมุนเวียนพลังธาตุวารีและใช้ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
หลังจากนั้นพลังธาตุวารีที่แข็งแกร่งก็ได้ระงับเปลวเพลิงที่อยู่โดยรอบเอาไว้ และมันก็ทำให้ร่างเงาสีดำที่อยู่เบื้องหน้าต้องผงะไปเล็กน้อย นอกจากนี้ปฏิกิริยาของเขาก็ดูช้าลงมากอี กด้วย
พรึ่บ!
เขาเกือบจะโดนมังกรวารีโจมตี แต่ร่างของเขายังสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
“ทักษะโลหิตเจ็ดชั้น!” มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลายครั้งเพื่อหวังจะเข้าใกล้เขา หลังจากนั้นก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง
ตูมมม โครมมม!
ในระหว่างที่ทั้งสองคนไม่รู้ทันได้รู้ตัว พวกเขาก็ต่อสู้กันมานับรอบไม่ถ้วนแล้ว มู่เฉียนซีได้ใช้ทักษะวิญญาณนานาชนิดผสมผสานกัน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสัมผัสแม้แต่ชาย ยเสื้อของร่างเงาสีดำนั้นได้เลย
สุ่ยจิงอิ๋งที่เฝ้าอยู่อีกด้านหนึ่ง กวาดตามองไปที่คนผู้นั้นอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก
นางกล่าวว่า “เขายังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่เลย ความสามารถเช่นนี้เว้นแต่หนึ่งในพวกเราสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอก”
“เหตุใดเขาถึงเสนอข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมา นี่เขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่นะ?”
มู่เฉียนซีไม่ยอมแพ้ แม้ว่าพลังวิญญาณของนางจะถูกผลาญไปจนหมดก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะว่านางได้รับประโยชน์มากมายจากการต่อสู้กับคนผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่นางใช้พลังธาตุอัคคี เหล่านั้น
นางต้องกินยาเข้าไปขวดแล้วขวดเล่า แต่อีกฝ่ายกลับดูเหมือนว่าจะไม่เสียพลังวิญญาณไปเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มันช่างน่าโมโหจริง ๆ!
“ซีเอ๋อร์!” และหลังจากที่พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีหมดไปอย่างสมบูรณ์ มันก็ทำให้นางยากที่จะยืนต่อไปได้ ฉะนั้นสุ่ยจิงอิ๋งจึงรีบเข้าไปพยุงมู่เฉียนซีทันที
ในตอนที่ดวงตาอันอ่อนโยนคู่นั้นจ้องมองไปยังร่างเงาสีดำมันก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที นางกล่าวว่า “ความสามารถของซีเอ๋อร์ในตอนนี้ยากที่จะเอาชนะเจ้าได้ หากเจ้าไม่ต้องการป ปล่อยซีเอ๋อร์ไปก็พูดมาตามตรงเถอะ เพราะขอเพียงข้าต้องการ ข้าก็สามารถพาซีเอ๋อร์ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อยู่ดี”
“สุ่ยจิงอิ๋ง ตอนนี้เจ้าอ่อนแอมาก หากเจ้าฝืนใช้พลัง เจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ได้” เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เจ้าคือใครกัน?”
“ข้าเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก” และร่างเงาสีดำนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวเลย เขา…”
คนผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อนาง และไม่มีจิตสังหารอีกด้วย เพียงแต่เขามีความสนใจในพลังธาตุเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพลังวิญญาณธาตุวารี
“เมื่อไรที่ข้าฟื้นตัวแล้ว ค่อยไปสู้อีกครั้งเถอะ! ข้ารู้ว่าท่านต้องได้ยินข้าแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าว
ร่างเงาสีดำปรากฏตัวขึ้นมาราวกับวิญญาณก็มิปาน เขากล่าวว่า “ครั้งนี้ เจ้าใช้แค่พลังธาตุอัคคีโจมตีข้าก็แล้วกัน!”
“ตกลง!”
เขาไม่เคยโจมตีเลยสักครั้ง แต่ทว่าคราวนี้เขากลับโจมตีมู่เฉียนซี และใช้พลังธาตุอัคคี…
อันตราย แม้ว่าจะไม่มีจิตสังหาร แต่เนื่องจากว่าพลังธาตุอัคคีของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ มันย่อมต้องอันตรายมากอยู่แล้ว
“เพลิงนภาพิฆาต!”
ตูมม โครมมม!
มู่เฉียนซีพยายามหลบหลีกอย่างสุดความสามารถ แต่กลับไม่สามารถหลบหลีกได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งในตอนที่เปลวเพลิงนั้นกำลังจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังส่วนใหญ่ของพวกมันก็ถูกลบออกไป แ และเหลือไว้เพียงพลังส่วนน้อยที่ร่างกายของนางสามารถสกัดกั้นได้ ฉะนั้นนางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
ตึงง!
มู่เฉียนซีถอยหลังไปหลายสิบก้าว
นางพุ่งทะยานเข้าไปอีกครั้ง และเมื่อกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกวัดแกว่ง เปลวเพลิงที่ระเบิดออกมาจึงแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
“ไม่พอ! เรื่องการฝึกฝนทักษะวิญญาณของเจ้าไม่มีปัญหา แต่เป็นเพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่เคยสอนเจ้าให้ดี เจ้าจึงไม่สามารถใช้เปลวเพลิงในการต่อสู้จริงได้”