novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 309 รักษาอย่างอ่อนโยน

  1. Home
  2. ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
  3. ตอนที่ 309 รักษาอย่างอ่อนโยน
Prev
Next

“รีบออกไป” มู่เฉียนซีตะโกน  หลังจากที่นางเปิดทางออกได้แล้ว ก็รีบพุ่งออกไปทันที

ในขณะที่นางพุ่งออกมา เถาวัลย์เหล่านั้นก็พุ่งเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง พวกมันพันร่างของนางไว้!

— ฉึก! —

หนามจำนวนนับไม่ถ้วนแทงเข้าไปในผิวหนังของมู่เฉียนซี ชุดของนางในเวลานี้เปื้อนเลือดจนแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีเข้มขึ้นแล้ว  ทั่วทั้งร่างกายของนางเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และดูเหมือนว่ากลิ่นคาวเลือดนี้จะทำให้เถาวัลย์ยิ่งกระหายและโจมตีนางอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น

มู่เฉียนซีอดทนต่อความเจ็บปวดที่เสียดแทงใจนี้เอาไว้ นางแข็งใจพุ่งร่างไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต ในขณะที่นางพุ่งไปนั้น หนามของเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่เล็กและบางกว่าเข็มยาของนางพุ่งเข้าหาเพื่อคร่าชีวิตนาง

“นายท่าน!”

เสี่ยวหงและอู๋ตี้รีบเข้าไปสกัดกั้นหนามเหล่านั้นไว้ แต่จำนวนหนามเหล่านั้นมากเกินจะสกัดกั้นได้ไหว  หนามจำนวนมากพุ่งปักเข้าไปที่ร่างของมู่เฉียนซีจนได้

ความเจ็บปวดราวกับโดนลูกธนูหมื่นดอกทิ่มแทงนี้ ทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีซีดขาวราวกระดาษ แต่นางยังคงกัดฟันกรอดเพื่อต้านทาน และต่อสู้เพื่อให้ตัวเองถอยหนีไปให้ไกลกว่านี้

เมื่อมาถึงระยะที่ปลอดภัย ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อครู่นี้น่าหวาดเสียวจนเกินไป ร่างของนางที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นไม่มีแม้แต่เวลาที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ  นางเสียเลือดไปมาก ทำให้ไม่สามารถยืนอย่างคงที่ได้

ทันใดนั้นเอง ร่างเพรียวบางปรากฏขึ้นด้านหลังมู่เฉียนซีราวกับภูตผีปีศาจ เขาเข้ามากอดนางเอาไว้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปสัมผัสถูกบาดแผลของนาง

มู่เฉียนซีรู้ว่าเป็นใคร นางกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “จิ่วเยี่ย…”

จากนั้นนางหมดสติไป…

ไม่นานนักนางก็ฟื้นตื่นขึ้นมา และพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าข้างทะเลสาบ และจิ่วเยี่ยกำลัง…

จิ่วเยี่ยมอบจุมพิตอันแผ่วเบาบนร่างกายของนาง  เขาค่อย ๆ ช่วยเอาหนามบนร่างของนางออกทีละชิ้น ๆ

หนามที่ปักอยู่บนร่างของนางเหล่านี้ หากไม่ถึงพันก็นับร้อย! แต่เขากลับเอาออกทีละชิ้น

มู่เฉียนซี “ข้าใช้พลังวิญญาณบังคับมันออกมาก็ได้แล้ว เจ้าไม่ต้องลำบากเช่นนี้ก็ได้จิ่วเยี่ย”

“แต่เจ้าจะเจ็บ” จิ่วเยี่ยกล่าว  ริมฝีปากของเขาในเวลานี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดของมู่เฉียนซี ซึ่งมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก ทำให้คนที่เห็นรู้สึกฮึกเหิมอยากสัมผัสมัน

มู่เฉียนซีมองหนามอันแหลมคมที่วางอยู่ข้าง ๆ   นางพบว่าด้านปลายของหนามนั้นโค้งงอเป็นตะขออยู่  หากใช้พลังวิญญาณบังคับเอาหนามออกมา   ถึงจะรวดเร็ว แต่เนื้อหนังของนางก็คงจะฉีกขาดและต้องเสียเลือดไปมากอีกครั้งเป็นแน่

จุมพิตของจิ่วเยี่ยไล่ลงไปที่บาดแผล เขาค่อย ๆ ใช้ปากม้วนหนามที่แหลมคมนั้นออกมา  มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เจ็บ!  ทว่าก็คงจะเจ็บน้อยกว่าการที่เนื้อฉีกหนังฉีกมากนัก

คัน!  ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะทำให้ความรู้สึกของนางอ่อนไหว

เสียวซ่าน!  เขาทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างถึงที่สุด

เมื่อเอาหนามที่แหลมคมนั้นออกมาแล้ว เขาก็ทายาให้นางอย่างระมัดระวังที่สุด มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าหากจิ่วเยี่ยเป็นหมอยา  เขาจะต้องเป็นหมอยาที่รักษาได้ดีอย่างแน่นอน

นางเฝ้าดูจิ่วเยี่ยเอาหนามออกและทายาให้นางเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น มู่เฉียนซีก็ฟื้นฟูพลังกลับคืนมา นางกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย ลำบากเจ้าแล้ว อย่างไรก็ขอบคุณเจ้ามาก”

กลิ่นเลือดบนริมฝีปากทำให้ดวงตาของจิ่วเยี่ยฉายประกายอันตรายมากขึ้น เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “แค่นี้เองรึ ?   …ครบเจ็ดวันแล้ว”

หลังจากที่เขาพ่นคำกล่าวนี้ออกมา มู่เฉียนซีสะดุ้งเล็กน้อย นางโน้มตัวไปข้างหน้า ประกบริมฝีปากนุ่มของตนเข้ากับริมฝีปากงามของเขา

กลิ่นอายของเลือดนั้นทำให้ทั้งสองคลั่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่เนื่องจากมู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บอยู่ จิ่วเยี่ยจึงพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะควบคุมตนเองเอาไว้

หลังจากจุมพิตอันแสนหวานผ่านพ้นไป มู่เฉียนซีเอนกายซบลงบนจิ่วเยี่ยและหลับใหลไปอีกครั้ง

เมื่อมู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาอีกครา นางก็พบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของจิ่วเยี่ยกลางทะเลสาบ น้ำใส ๆ ในทะเลสาบกำลังซัดสาดมาและค่อย ๆ ชำระคราบเลือดบนร่างของนางออกไปทีละน้อย

แพขนตาของมู่เฉียนซีขยับเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏสีหน้าประหลาดใจขึ้น นึกไม่ถึงเลยว่าเยี่ยอ๋องผู้แข็งแกร่งผู้นี้จะสามารถดูแลผู้อื่นดีถึงเพียงนี้ได้

ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ!

บาดแผลกำลังจางหายอย่างรวดเร็ว คราบเลือดก็ถูกชะล้างออกไปอย่างสะอาดสะอ้าน เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “เสื้อผ้าเจ้า…”

มู่เฉียนซีฉวยเอาชุดบุรุษออกมาจากมิติเก็บของของนางชุดหนึ่ง จากนั้นจิ่วเยี่ยก็แย่งชุดไปจากมือนาง

มู่เฉียนซีรีบกล่าวขึ้นทันที “ข้าใส่เองได้”

“ข้าใส่ให้ ชุดบุรุษเช่นนี้ ข้าย่อมเข้าใจดีกว่าเจ้า”

ไม่รอช้า จิ่วเยี่ยใช้ข้ออ้างนี้เป็นเหตุผลเพื่อที่จะช่วยมู่เฉียนซีแต่งตัว

การกระทำของเขานั้นจัดได้ว่าแสนอ่อนโยน เขาระมัดระวังอย่างดีและมือเรียว ๆ ไม่ได้โดนบาดแผลของนางแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่ได้ทำให้นางเจ็บเสียด้วยซ้ำ หลังจากที่จิ่วเยี่ยแต่งกายให้นางเรียบร้อยแล้ว เขากอดนางไว้ ปากก็กล่าววาจาห่วงใย “รักษาแผลดี ๆ”

มู่เฉียนซีอดที่จะยิ้มจาง ๆ ไม่ได้ “จิ่วเยี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเอาใจใส่ได้ดีเช่นนี้”

“ซี… เจ้าบาดเจ็บง่ายเกินไปแล้ว” ขณะกล่าวเช่นนี้ ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นเปล่งประกายพลังทำลายล้างออกมาราวกับจะทำลายพื้นที่แห่งนี้ให้พังทลายก็มิปาน

ดูเหมือนว่าเขาจะกำจัดทุกสิ่งที่เข้ามาคุกคามนางเพื่อให้นางหายจากความเจ็บปวดนี้

จิตสังหารนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก สัตว์วิญญาณในเทือกเขาชีชงทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้านไปด้วยความกลัว พวกมันรีบกลับเข้าไปซ่อนตัวภายในถ้ำของตัวเอง

มู่เฉียนซี “มนุษย์อยากจะแข็งแกร่งก็ต้องอดทน หากเจอกับอันตรายใดก็อยากที่จะหลีกเลี่ยงมันไปให้ได้ ขอเพียงวันนี้ข้ายังมีลมหายใจ ต้องมีสักวันที่ข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า ถึงตอนนั้นแล้วข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ให้เจ้าต้องบาดเจ็บ”

จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้อง”

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก “เจ้าเป็นบุรุษที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองข้าเข้าใจ แต่เจ้าคิดว่าข้าไม่มีความสามารถหรืออย่างไร ?”

จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง “มันจะไม่มีวันนั้น  ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็จะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง”

“เจ้ามั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้

“มันคือความจริง”

ทั้งสองจ้องใบหน้ากันและกัน ผู้หนึ่งดื้อรั้น อีกผู้หนึ่งก็โหดเหี้ยมอย่างไร้ที่เปรียบ

“เช่นนั้นเจ้าคอยดูก็แล้วกัน!”

หลังจากที่อาการบาดเจ็บของนางหายดีแล้ว จิ่วเยี่ยก็ปล่อยมือออกจากนาง  ยาที่จิ่วเยี่ยใช้นั้นไม่เลวเลย มันไม่ทิ้งรอยแผลเป็นและร่องรอยใด ๆ ไว้แม้แต่น้อย

“จิ่วเยี่ย เถาวัลย์หนามปีศาจนั้นอยู่ไหนรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น

ดวงตาสีฟ้าดุจดั่งน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกนั้นดูหม่นลงเล็กน้อย “ซี… เจ้าอยากเจ็บตัวอีกหรือ ? ข้าไม่ชอบให้ร่างของเจ้าเปื้อนเลือด”

มุมปากงามของมู่เฉียนซีโค้งคว่ำลง นางกล่าว “ไม่มีผู้ใดชอบสภาพตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือด เพียงแต่เถาวัลย์หนามปีศาจบัดซบนั่นมันทำร้ายข้าจนบาดเจ็บเช่นนี้ ข้าต้องการสู้กับมัน เอาชนะมันให้ได้ด้วยตัวข้าเอง”

จิตวิญญาณในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีนั้นแรงกล้ามาก ถึงแม้จะรู้ว่ายากที่จะทำได้ แต่นางก็ต้องการที่จะท้าทายมัน

จิ่วเยี่ยจ้องมองมู่เฉียนซี เขาเงียบไปพักหนึ่ง   เขานั้นรู้ดีว่าเส้นทางแห่งความแข็งแกร่งมีหรือจะไม่นองเลือด ไม่ว่าจะเป็นเลือดของตนเองหรือจะเป็นเลือดของศัตรู ต่างก็ต้องนองเลือดทั้งสิ้น

เขารู้ว่ามู่เฉียนซีต้องการเป็นสตรีแข็งแกร่งผู้สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้ นางมิต้องการเป็นลูกไก่ที่คอยแต่จะให้เขาปกป้องอยู่ฝ่ายเดียว

จิ่วเยี่ยคว้ามู่เฉียนซีมากอดเอาไว้ก่อนจะกระโดดตัวลอยไปที่เถาวัลย์หนามปีศาจนั้น

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จุ๊ ๆ ๆ! เจ้าเถาวัลย์หนามปีศาจ ข้ากลับมาแล้ว”

คราก่อนที่มู่เฉียนซีย่างเท้าเข้าไปในดงเถาวัลย์หนามปีศาจนี้ นางไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงอันตราย  ครานี้นางรู้แล้วว่ามีอันตราย ทว่านางกลับเริ่มเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปเผชิญหน้าด้วยตัวนางเอง

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เมื่อเหยื่อเข้ามาหาถึงที่เช่นนี้ เถาวัลย์หนามปีศาจก็เริ่มลงมือปิดล้อมทุกทางออกในทันที  จากนั้นนางเริ่มลงมือโจมตีอยู่ในความมืดมน

“โล่วิญญาณวารี!”

“โล่วิญญาณวารีสองชั้น!”

“เสี่ยวหงอู๋ตี้ ออกมา!”

มู่เฉียนซีที่เตรียมพร้อมทุกอย่างมาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกกับเถาวัลย์หนามปีศาจเหมือนครั้งก่อนแม้แต่น้อย นางตอบโต้กับเถาวัลย์หนามปีศาจนี้อย่างสุดกำลังความสามารถที่มี

นางไม่กลัวเกรง!

.