บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1221: เป็นใหญ่เหนือสรรพสิ่ง
ตอนที่ 1257: โถงวิถีแปรตะวัน
มรดกสืบทอดของเกาะเซียนเผิงไหลต้องมีบันทึกเคล็ดฝึกฝนในวิถีจุติสรวงไว้แน่!
ทว่ายามนี้มันสลายหายสิ้นไปแล้ว
ในที่สุดซูอี้ก็เข้าใจ ว่าไฉนนักซ่อนกลจึงเสียสติคลุ้มคลั่งนักหลังดาบปลายมนแผดเซียนถูกเขมือบ
ชวนให้หนาวเยือกดีแท้!
ทว่าเมื่อเขาคิดว่ากระทั่งสมบัติเซียนอย่างดาบปลายมนแผดเซียนยังถูกกลืนกินเป็นอาหารดาบเก้าคุมขัง แม้ซูอี้จะเสียดาย แต่เขาก็ตระหนักลึกซึ้งขึ้นทุกทีว่าที่มาของดาบเก้าคุมขังนี้ลึกลับนัก!
“หรือก็คือ เมืองสวรรค์เทพมายาแห่งนี้ แท้จริงคือซากหลงเหลือของเกาะเซียนเผิงไหล…”
ซูอี้ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน และเข้าใจเรื่องราวหลายอย่างได้
แต่ก็ตามมาด้วยความเคลือบแคลงมากมายเช่นกัน
ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อน
ในอนาคต ต้องมีช่วงกาลที่ความจริงถูกเปิดเผย
ต่อมา ซูอี้ก็ถือจี้หยกสีชาดเดินเข้าไปในสนามเต๋า
สนามเต๋าแห่งนี้พิเศษยิ่ง มันบรรจุปริศนามากมาย ซูอี้คำนวณวัดแต่ละก้าวแล้วก็พบว่าทั้งแนวตั้งแนวนอนล้วนต้องใช้หกสิบสี่ย่างก้าว
กล่าวอีกนัยก็คือ สนามเต๋านี้บรรจุโลกเร้นลับมายาแห่งยุคโบราณอย่างน้อยก็หกสิบสี่แห่งจวบปัจจุบัน
วูบ!
พิรุณแสงเซียนพร่างพรม และในพริบตา ซูอี้ก็เข้าสู่โลกมายาแห่งหนึ่ง
เขาถือจี้หยกสีชาดตลอดการสำรวจโลกหล้า
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน…
ซูอี้สำรวจโลกเร้นลับโลกแล้วโลกเล่า
ในภาพลวงเหล่านั้นไร้โอกาสใด ๆ และสิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็มีเพียงฉากในอดีตกาลของโลกหล้า
อันที่จริง แม้จะมีโอกาสใด ๆ แต่ก็ย่อมถูกนักซ่อนกลสำรวจชิงไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่ซูอี้จะมารับสิ่งใดไปได้
สามวันต่อมา
ซูอี้ก้าวเข้าสู่โลกมายาที่สี่สิบเก้า
ที่แห่งนี้คือป่าเขาโบราณ ปราณเก่าแก่บรรพกาล พฤกษาดึกดำบรรพ์ ทุกสิ่งล้วนให้บรรยากาศเก่าแก่ดั้งเดิม
“หือ?”
ในที่สุด จี้หยกสีชาดในมือซูอี้ก็ทอประกายวูบไหวราวสัมผัสบางอย่างได้
ดวงตาของซูอี้ทอประกาย ในที่สุดเขาก็โล่งใจ มิต้องสงสัยเลยว่าหญิงบ้าผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ในพงพนาโบราณแห่งนี้!
เขาเร่งฝีเท้า สัมผัสจี้หยกในมือและทะยานร่างไกลออกไป
ไม่นานนัก หุบผาแห่งหนึ่งก็ปรากฏในจักษุ บนผาแห่งนั้นมีน้ำตกสาดกระเซ็นเยี่ยงมังกรขาว พ่นละอองน้ำเป็นหมอก เสียงซู่ซ่าดังสนั่นเยี่ยงอสนีบาต
“หญิงบ้าผู้นั้นซ่อนอยู่ที่นี่หรือ?”
ซูอี้ตกตะลึง
จิตสัมผัสของเขามิอาจสัมผัสคลื่นปราณใด ๆ ได้
ทว่าจี้หยกสีชาดในมือของเขากลับร้อนรุ่มแผดเผา แสงสว่างทอประกายเจิดจ้า
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าของร้านจำนำซ่อนอยู่ในบริเวณนี้!
“ออกมาเถอะ นักซ่อนกลตายแล้ว”
ซูอี้กล่าวขึ้น เสียงของเขาก้องกังวานเยี่ยงวจีวิถี สะท้อนทั่วบริเวณหุบผาน้ำตก
ทว่าเนิ่นนานก็ยังไร้ผู้ใดตอบสนอง
ซูอี้อดขมวดคิ้วมิได้ ดวงตากวาดมองไปทั่วทิศ และในที่สุดก็มองมายังหลุมน้ำเซาะแห่งหนึ่ง
ยามนี้เอง
ตู้ม!
บ่อน้ำระเบิดตู้ม แสงเจิดจ้าฉีกผ่านอากาศพุ่งเข้าหาซูอี้
เปลือกตาของซูอี้กระตุกพลางหลบลีกออกไปทันที
แสงเร้นลับทะยานสู่นภา บรรพตลำธารรายล้อมพังทลายร่วงหล่นสู่ผืนพิภพ
กระทั่งสุญญะยังแหลกร้าวเกิดหลุมบ่อนับไม่ถ้วน
หลังของซูอี้เย็นวาบ
การโจมตีนี้ถล่มใส่ราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดยังได้!
เมื่อมองใกล้ ๆ ก็พบว่าแสงประหลาดนั้นมาจากยันต์ลับชิ้นหนึ่ง มันแผดเผาสลายเป็นเถ้าไปอย่างรวดเร็ว
หลุมน้ำเซาะนั้นก็ถูกทำลายกลายเป็นหลุมลึก
ณ ส่วนลึกของหลุมนั้นมีแสงสีทองส่องประกายอยู่
ยามนี้ กระเรียนกระดาษดูมีชีวิตขึ้นมา ปีกทั้งสองกางออกกระพือขึ้นลงในสุญญะ และพลันแปรเปลี่ยนเป็นเงาร่างงามสง่าร่างหนึ่ง
นัยน์ตาใส ซี่ฟันขาวกระจ่าง งดงามตรึงตรา ใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม สวมชุดประโปรงแขนเสื้อกว้างสีฟ้าอ่อน ขับเน้นส่วนโค้งเว้าบนเรือนร่างของนาง
เส้นผมยาวดุจน้ำตกถูกมุ่นเป็นมวยลวก ๆ ดูเรียบง่าย
ที่เอวของนางมีถุงสมบัติใบน้อยอันประณีตละเอียดอ่อนห้อยอยู่
นางคือเจ้าของร้านจำนำ หญิงบ้าผู้มีอุปนิสัยดุดันอหังการ!
ทว่าซูอี้กลับขมวดคิ้ว เพราะนี่หาใช่ร่างจริงของเจ้าของร้านจำนำหรือเจตจำนงของนางไม่ เป็นเพียงภาพฉายจากเคล็ดวิชาเท่านั้น!
“นักซ่อนกลเอ๋ย หลังสู้กันมาตั้งนาน เจ้าก็เพิ่งมาพบที่นี่หรือ? โง่เง่าจริง ๆ!”
สองแขนของเจ้าของร้านจำนำยกขึ้นกอดอก ริมฝีปากสีกุหลาบยกยิ้มเยาะ “บอกเจ้าไปก็มิเสียหาย แต่หญิงผู้นี้ทะลวงผ่านมิติกาลเวลาออกไปจากตรงนี้แล้วย่ะ!”
ดวงตาของซูอี้ดูพิกล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการโจมตีกะทันหันเมื่อครู่นี้ หญิงบ้าทิ้งไว้จัดการกับนักซ่อนกล!
“เจ้ารอหญิงผู้นี้ก่อนเถอะ เจอกันหนหน้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสียไอ้แก่!”
เจ้าของร้านจำนำห่างออกไปดูเย่อหยิ่งยิ่งนัก ใบหน้างดงามของนางฉายแววอาฆาต และหลังทิ้งวาจาไว้ ร่างของนางก็สลายหายเป็นพิรุณแสง
จากนั้น กระเรียนกระดาษสีทองก็แผดเผามลายหาย
เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็รู้สึกขบขัน
เขาแน่ใจว่าตลอดกาลนานมา การดวลระหว่างหญิงบ้าและนักซ่อนกลไม่ได้เป็นผลดีต่อนาง และยังกระทั่งบังคับให้นางต้องหนีไปก่อนอีกด้วย
“มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว…”
ซูอี้ถอนหายใจยาว หัวใจของเขาผ่อนคลายลงโดยสมบูรณ์
เขามิรอช้า หันหลังจากไป
ระหว่างทาง ซูอี้จดจำทุกสิ่งที่เขาประสบในเมืองสวรรค์เทพมายานี้ และกล่าวได้ว่าเขาได้รับผลประโยชน์มากมาย คุ้มค่าต่อการเดินทาง
ประการแรก การฝึกฝนของเขาพัฒนาถึงขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงขั้นปลาย
ประการที่สอง ร่างอวตารวิถีของนักซ่อนกลรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับเซียน และในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเหนือวิถีสู่สวรรค์มีวิถีจุติสรวงอยู่!
นอกจากนั้นยังมีความลับมากมายเกี่ยวกับวิถีเซียน เช่นความลับการทำลายวิถีจุติสรวงสู่เซียน หรือการที่มีเซียนอยู่บนโลกหล้าจริงในอดีต!
ประการที่สาม ดาบเก้าคุมขังกลืนกินดาบปลายมนแผดเซียน สมบัติสูงสุดของเกาะเซียนเผิงไหล
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูอี้ก็พูดไม่ออกเล็กน้อย
จวบยามนี้ ดาบเก้าคุมขังเขมือบสมบัติต้องห้ามไปสองชิ้น นั่นคือหอกศึกพิสูจน์สวรรค์และดาบปลายมนแผดเซียน ทว่ากลับไร้การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น!
……
ธารดาราพร่างอนธการ
ร้านจำนำหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ธารสวรรค์
“ข้าสัมผัสได้ว่าใต้เท้าซูกลับมาแล้ว!”
ระฆังสยบใจร้องอย่างตื่นเต้น
“เยี่ยมเลย!”
ลูกคิดเคลื่อนดาราและตาชั่งดุลยพินิจร้องโห่ลั่นพร้อมเพรียง
เมิ่งฉางอวิ๋นอดถอนหายใจโล่งอกมิได้
“ยังมิรีบเปิดร้านอีกหรือ?”
เถ้าแก่เฒ่าเอ่ยเร่ง
ระฆังสยบใจรีบส่งเสียงระฆังกังวานออกไป
และเถ้าแก่เฒ่าก็เปิดประตูร้านจำนำด้วยตนเอง จริงตามคาด เขาเห็นร่างสูงใหญ่ของซูอี้ทะยานมาจากไกล ๆ
ทุกผู้ต่างรีบร้อนก้าวออกไปต้อนรับซูอี้สู่ร้านจำนำ
“ใต้เท้าซู ท่านได้พบนายข้าบ้างหรือไม่ขอรับ?”
เถ้าแก่เฒ่าถาม
หลังดื่มเหล้าไปก่อนหนึ่งไห เขาก็กล่าวว่า “นางออกจากเมืองสวรรค์เทพมายาไปแล้ว มิอาจทราบได้ว่าไปแต่ยามใด และไปหนใดต่อ”
เถ้าแก่เฒ่าตกตะลึง ก่อนจะกล่าวทันทีอย่างโล่งอก “ขอเพียงนายข้าปลอดภัยดี เราก็วางใจ!”
พวกลูกคิดเคลื่อนดาราเองก็เห็นพ้อง
“แล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อ?”
ซูอี้นำจี้หยกสีชาดออกมาคืน
เถ้าแก่เฒ่าครุ่นคิดสักพักและตอบว่า “ออกจากธารดาราพร่างอนธการและทำตามคำสั่งเดิมของนายข้า เดินทางสู่แดนดินใต้สวรรค์ หาผู้มีวาสนาพอจะแลกเปลี่ยนสินค้าขอรับ”
ครู่ต่อมาเขาก็กล่าวเสริม “ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้แน่ใจว่านายข้าจะกลับมาหาเราแน่นอนขอรับ”
ซูอี้พยักหน้าและพลันถาม “นายเจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับเสิ่นมู่หรือ?”
เถ้าแก่เฒ่าชะงักไปและถามอย่างสงสัย “ขอบังอาจถามใต้เท้าซู เสิ่นมู่ที่ท่านพูดถึงนี่… คือผู้ใดจากหนใดหรือขอรับ?”
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ ไม่ได้ตอบ
เขาหันไปถามลูกคิดเคลื่อนดารา ตาชั่งดุลยพินิจและระฆังสยบใจ “พวกเจ้าล่ะรู้หรือไม่?”
สามสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้อดรู้สึกเสียดายเล็กน้อยมิได้ “ดูเหมือนว่าความจริงบางเรื่องจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อพบนายพวกเจ้าเท่านั้น”
เขามีการคาดเดาแย่ ๆ อย่างหนึ่งในใจ ว่าสตรีผู้ทำให้จิตรู้คิดของเสิ่นมู่สลายจนสิ้นใจ แต่แรกเดิมทีก็คือเจ้าของร้านจำนำนี่แหละ
หากเป็นเช่นนั้น…
ก็บอกไม่ได้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายหรือไม่!
“ข้าหวังเพียงว่าจะมิเป็นเช่นนั้น…”
ซูอี้ยกไหสุราขึ้นจิบ
วันถัดมา
ซูอี้ตัดสินใจเดินทางออกจากธารดาราพร่างอนธการ
เถ้าแก่เฒ่าเอ่ยถาม
ร้านจำนำนี้สามารถเคลื่อนผ่านโลกหล้าใต้สวรรค์ ภูมิดาราต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าร้านจำนำนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของหญิงบ้าผู้นั้น ซูอี้คงอยากได้มาเป็นของตนเอง
“ได้ ส่งเราไปที่ภูมิดาราหมื่นโฉลกก็พอ”
ซูอี้ครุ่นคิดก่อนจะกล่าว
เมิ่งฉางอวิ๋นซึ่งอยู่ด้านข้างพลันมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อรู้ว่าใต้เท้าทัศนาจารย์จะพาเขากลับบ้านเกิด และหัวใจอดรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาไม่ได้
“มิอาจทราบได้ว่าพวกเจ้าเฒ่าเหล่านั้นเป็นเช่นไรบ้างแล้ว…”
เมิ่งฉางอวิ๋นพึมพำในใจ
เขามาจากสำนักหนึ่งนามว่า ‘โถงวิถีแปรตะวัน’ ในภูมิดาราหมื่นโฉลก และเขาก็คือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งโถงวิถีแปรตะวัน
เจ้าโถงวิถีแปรตะวันทุกวันนี้ยังต้องเรียกเขาเป็นอาจารย์อา!
……
ภูมิดาราหมื่นโฉลก
ภูมิดาราอันนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบภูมิดาราสูงสุดแห่งส่วนลึกจักรวาลพร่างดาว ประกอบด้วยโลกภูมิน้อยใหญ่หลายพัน
มีตระกูลและสำนักเต๋าอยู่มากมาย
หนึ่งในยักษ์ใหญ่ในจักรวาลพร่างดาว สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิคือขุมกำลังสูงสุดในภูมิดาราแห่งนี้!
เทียบกับสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิแล้ว แม้โถงวิถีแปรตะวันจะด้อยกว่า แต่มันก็ยังเรียกได้ว่าเป็นขุมกำลังชั้นหนึ่งในหมู่ขุมกำลังน้อยใหญ่ในภูมิดาราหมื่นโฉลก
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สะพานเมฆา
สถานที่ตั้งของโถงวิถีแปรตะวัน
“ในที่สุดก็กลับมาได้แล้ว!”
เมิ่งฉางอวิ๋นตื่นเต้นยิ่ง “เริ่มจากไปกราบท่านอาจารย์ จากนั้นก็ไปหาเจ้าหนูไป๋เหอ หากเขายังกล้าอู้ไม่ยอมฝึกฝนยามข้าไม่อยู่ โดนแน่ ๆ”
เมื่อคิดเช่นนี้ เมิ่งฉางอวิ๋นก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้า
ไป๋เหอคือศิษย์ใกล้ชิดผู้เดียวของเขา มีฝีมือมากสามารถ ทว่าดื้อและเกียจคร้านเล็กน้อย
ทว่าทั้งหมดนี้หากีดขวางความรักของเมิ่งฉางอวิ๋นต่อไป๋เหอไม่
ขณะนี้ เมิ่งฉางอวิ๋นได้เข้ามาในพื้นที่สำนักแล้วโดยมิทำให้ผู้ใดตื่นตกใจ เดินไปยังส่วนหลังภูเขา
อาจารย์ของเขากำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ณ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์หลังภูเขา
“อาจารย์อาเมิ่ง!?”
เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ
ระหว่างทาง ชายวัยกลางคนในชุดคลุมขนนกผู้หนึ่งเห็นฉางอวิ๋นเข้า และกล่าวด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
เมิ่งฉางอวิ๋นพยักหน้ายิ้ม ๆ และเดินจากไป
ชายวัยกลางคนผู้นั้นมีนามว่าเลี่ยอวิ๋น เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก ในด้านลำดับอาวุโสถือว่าเป็นศิษย์หลานของเขา
เมื่อเห็นร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นหายลับไป ใบหน้าของชายวัยกลางคนของเลี่ยอวิ๋นก็เคร่งขรึมคิ้วขมวดชั่วขณะ
อาจารย์อาเมิ่ง เขา… กล้าดีเช่นไรจึงกลับมา?
หลังสูดหายใจลึก ๆ เลี่ยอวิ๋นก็นำยันต์เคลื่อนย้ายออกมาชิ้นหนึ่ง ใช้จิตสัมผัสเขียนหนึ่งข้อความ
‘รายงานเจ้าสำนักด่วน ผู้อาวุโสสูงสุดเมิ่งฉางอวิ๋นกลับมาแล้ว!’