บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1258: คนทรยศ
ตอนที่ 1258: คนทรยศ
ขณะที่เขากำลังจะไปถึงด้านหลังภูเขา เมิ่งฉางอวิ๋นก็ถูกหยุดไว้
“อาจารย์อา ขอเชิญท่านไปยังโถงสำนักด้วยขอรับ”
นกกระจอกมงคลสีแดงสดตัวหนึ่งบินมาแถลงอย่างนอบน้อม
เมิ่งฉางอวิ๋นตะลึงอึ้ง “เจ้าโถงทราบแล้วหรือว่าข้ากลับมา?”
จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งทันที “กลับไปบอกเจ้าโถงเสีย ว่าหลังข้าไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกับท่านอาจารย์เสร็จสิ้น ข้าจะไปพบเขา”
ตลอดกาลผ่านมา หลังจากเขากลับจากเดินทาง เขาจะไปไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบอาจารย์เขาก่อนเสมอ
นิสัยเช่นนี้เป็นมาแต่หนุ่มจวบจนปัจจุบัน
แม้เขาจะเป็นราชันแห่งภูมิไปแล้ว นิสัยนี้ก็หาเปลี่ยนแปลงไม่
“อาจารย์อา เจ้าโถงบอกว่าท่านต้องมาเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
นกกระจอกมงคลกระซิบ
เมิ่งฉางอวิ๋นขมวดคิ้ว สัมผัสแล้วว่าบางสิ่งผิดปกติ จึงกล่าวขึ้นว่า “เกิดอันใดขึ้นกับสำนัก?”
นกกระจอกมงคลส่ายหน้า “ศิษย์ก็หาทราบไม่ขอรับ”
เมิ่งฉางอวิ๋นแค่นเสียงอย่างเย็นชาและเดินไปยังหลังหุบเขา
“อาจารย์อา…”
นกกระจอกมงคลตะลึงนิ่ง ดูเหมือนจะพูดบางอย่าง
ทว่าเสียงกัมปนาทหนึ่งพลันดังขึ้น
“อาจารย์อาเมิ่ง โปรดหยุดก่อนขอรับ!”
เมิ่งฉางอวิ๋นหันไปมอง และพบกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทะยานมาจากไกล ๆ
ผู้นำคือชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงผู้หนึ่ง
เบื้องหลังเวินจือซินมีผู้อาวุโสอีกสิบกว่าคน
ท่าทีรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด
เมิ่งฉางอวิ๋นรู้สึกผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ ในใจ
เขากล่าวด้วยท่าทีไม่ยี่หระ “ศิษย์หลาน ข้าเพิ่งกลับถึงสำนัก เจ้าก็พาคนมากมายมาทักทายแล้ว ไม่ยิ่งใหญ่ไปหน่อยหรือ?”
สีหน้าของเจ้าโถงเวินจือซินดูซับซ้อน รำพันออกมาว่า “อาจารย์อาเมิ่ง ท่าน… ทรยศจริง ๆ หรือ?”
ทรยศ!?
สีหน้าของเมิ่งฉางอวิ๋นแย่ลง “เจ้าโถง เจ้าหมายความเช่นไร? ข้าเมิ่งฉางอวิ๋นเพิ่งไปภูมิดาราฟ้าดินมา เหตุใดจู่ ๆ ก็กลายเป็นคนทรยศขึ้นมากันเล่า?”
สายตาของเขากวาดมองเหล่าผู้ทรงอำนาจในสำนักอย่างมิชอบใจอย่างยิ่ง
ชายร่างอ้วนเตี้ยในชุดสีเหลืองกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “อาจารย์อา การทรยศของท่านเป็นที่กระจ่างแจ้งทั่วภูมิดาราหมื่นโฉลกแล้ว ไยจึงยังแสร้งทำเป็นสับสนอีก?”
“เมื่อปีก่อน สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิประกาศต่อโลกหล้าว่าอาจารย์อาเมิ่งเป็นผู้ทรยศ สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิหรือจะมาว่าร้ายอาจารย์อาเมิ่ง?”
บางคนตั้งคำถามเสียงดัง
“อาจารย์อาเมิ่ง ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของโถงวิถีแปรตะวันของเรานะ! เหตุใดท่านจึงทรยศเล่า? ท่านรู้หรือไม่ว่าโถงวิถีแปรตะวันของเราต้องถูกประณามมากมายเพียงไรในช่วงปีผ่านมา?”
บางคนกล่าวอย่างใจสลาย
“ยิ่งกว่านั้น สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิยังออกคำสั่งมา ว่าหากเราไม่ส่งตัวอาจารย์อาเมิ่งให้ โถงวิถีแปรตะวันของเราจะต้องพินาศ!”
บางคนกล่าวอย่างไม่พอใจ “จนยามนี้ ขุมกำลังทั้งหมดในภูมิดาราหมื่นโฉลกล้วนมองเราเป็นตัวตลก!”
แต่ละถ้อยคำของเหล่าผู้ทรงอำนาจล้วนโกรธเคือง
เมิ่งฉางอวิ๋นถูกรุมประณามเสียจนใบหน้ามู่ทู่
เขากลับมาอย่างปรีดาเยี่ยงผู้พเนจรคืนถิ่น แต่ใครเล่าจะคิดว่าจะต้องมาถูกทักทายด้วยคำถามและคำวิพากษ์วิจารณ์!
ทว่า เมื่อฟังจากวาจาของทุกคน เมิ่งฉางอวิ๋นก็เข้าใจแล้วว่าที่มาของเรื่องทั้งหมดมาจากสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ
และเพราะเหตุนี้จึงทำให้โถงวิถีแปรตะวันโกรธเคือง!
เมื่อคิดเช่นนี้ เมิ่งฉางอวิ๋นก็แทบระเบิดด้วยโทสะ เขามิใช่ผู้ฝึกตนจากสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิเสียหน่อย จะมาบอกว่าเขาทรยศได้เช่นไร?
เห็นได้ชัดว่าสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิเอาความแค้นมาลงที่เขา!
“อาจารย์อาเมิ่ง ท่าน… ยังมีสิ่งใดจะอธิบายหรือไม่?”
เจ้าโถงเวินจือซินกล่าว
เสียงของทุกคนพลันเงียบลง
ยิ่งกว่านั้น ยามนี้ยังมีเงาร่างคนมากมายปรากฏขึ้นตาม ๆ กันมายังที่แห่งนี้ พวกเขาทั้งหลายล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจในโถงวิถีแปรตะวัน ทุกสายตาที่มองมายังเมิ่งฉางอวิ๋นล้วนเปี่ยมโทสะและความผิดหวัง
ความรู้สึกเศร้าโศกอย่างมิอาจอธิบายแผ่พุ่งสู่หัวใจของเมิ่งฉางอวิ๋น เขากล่าวเสียงแหบพร่า “สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิบอกว่าข้าทรยศ พวกเจ้าเลยคิดว่าข้าทรยศหรือ?”
หลายคนเงียบไป
จากนั้นบางคนก็โพล่งขึ้นมา “แล้วมันมิใช่หรือ?”
“เฮอะ”
เมิ่งฉางอวิ๋นยิ้มเศร้าสร้อย ก่อนกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าเมิ่งฉางอวิ๋นฝึกฝนในสำนักมาแต่ยังหนุ่ม จากศิษย์นอกสำนักไต่เต้าเป็นศิษย์แท้และศิษย์สืบทอดทีละก้าว… และเป็นผู้อาวุโสสูงสุดมาสามหมื่นเก้าพันปีจวบจนปัจจุบัน!”
ดวงตาของเขาพลันดุดัน โทสะพลุ่งพล่านขณะกล่าว “อย่าว่าแต่ผลงานที่เกิดจากการบากบั่น ข้าถามพวกเจ้าหน่อย ตลอดกาลผ่านมา ข้าเมิ่งฉางอวิ๋นกระทำการใดบ้างที่มิถูกต้องต่อสำนัก?”
ทุกวาจาลั่นสนั่นเยี่ยงอสนีบาต
ทุกคนเงียบสงัด สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อน
“ยามนี้ สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิปฏิบัติต่อข้าเป็นผู้ทรยศ และกระทั่งพวกเจ้ายังถือข้าเป็นผู้ทรยศด้วย ช่างน่าขำนัก! นี่ประชดกันหรือไร?”
สีหน้าของเมิ่งฉางอวิ๋นโกรธเกรี้ยว หัวใจราวถูกมีดกรีดเฉือน
สำนักของเขายังมองว่าเขาเป็นผู้ทรยศ มันช่างทำร้ายจิตใจของเมิ่งฉางอวิ๋นมากยิ่ง
“อาจารย์อาเมิ่ง อย่าทำให้พวกเราต้องลำบากเลย”
เวินจือซินรำพึง “ตลอดปีผ่านมา เนื่องจากเรื่องของท่าน ทั้งสำนักจึงถูกผลกระทบใหญ่หลวง ข้ามิอาจทราบได้ว่ามีขุมกำลังมากมายเพียงใดลับดาบรอให้สำนักเราย่ำแย่ รอปล้นบ้านเรายามไฟไหม้”
“และสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิก็แจ้งจุดยืนชัดเจน หากเรามิส่งท่านไป พวกเขาจะลบโถงวิถีแปรตะวันของเราออกจากภูมิดาราหมื่นโฉลก!”
วาจาของเขาทำให้เมิ่งฉางอวิ๋นทั้งตะลึงและกรุ่นโกรธ
เขาเข้าใจแล้วว่าเรื่องคนทรยศอะไรนั่นเป็นเพียงข้ออ้าง
เหตุผลหลักนั้นเป็นเพราะคำข่มขู่ของสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ และโถงวิถีแปรตะวันทำได้เพียงต้องสละเขาเพื่อรักษาสำนักไว้!
บางคนกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “อาจารย์อาเมิ่ง กรรมของผู้ใด คนผู้นั้นควรรับสนอง ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนัก คงมิอาจมองดูทั้งสำนักถูกลากมลายไปกับหายนะที่ท่านก่อหรอกใช่หรือไม่?”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว เมิ่งฉางอวิ๋นก็มือเท้าเย็นเยือก
สายตาของเขากวาดมองไปยังใบหน้าที่คุ้นตา “พวกเจ้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันหรือ?”
ทุกคนล้วนเงียบสนิท หลบสายตาเมิ่งฉางอวิ๋น
ชายชราพลันรู้สึกผิดหวังอย่างมิอาจบรรยาย หัวใจเย็นเยียบลง
นี่… คือสำนักที่เขาถือเป็นมาตุภูมิบ้านเกิดหรือ?
ในชั่วพริบตานั้น เมิ่งฉางอวิ๋นท้อใจ คร้านเกินกว่าจะโต้เถียงอีก จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยสีหน้าแข็งค้าง “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปคุยกับสำนักเต๋าสุงสุดทวิภูมิเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง!”
เขาผิดหวังอย่างสมบูรณ์และมิอยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงตัดสินใจไปพบอาจารย์ของเขา จากนั้นก็ไปพบกับไป๋เหอผู้เป็นศิษย์ของเขา ก่อนจะจากโถงวิถีแปรตะวันไป
และ… ไม่กลับมาอีก!
ทันใดนั้น ชายร่างอ้วนเตี้ยในชุดเหลืองก็กล่าวว่า “อาจารย์อา ให้เราส่งท่านไปสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิเพื่อป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ อีกเถิด”
เมิ่งฉางอวิ๋นผงะไปและเข้าใจทันที ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเป็นพิเศษ “หวงยง เจ้าคิดว่าข้าจะหนีหรือ?”
อกของเขากระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง
ส่งเขาไปสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิอันใดกัน เห็นชัด ๆ ว่ากลัวว่าข้าจะหนี มิไปถึงสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิต่างหาก!
“อาจารย์อาเมิ่ง โปรดอย่าทำให้เราลำบากเพื่อโถงวิถีแปรตะวันเลย”
เวินจือซินรำพึง
“หากข้าปฏิเสธ พวกเจ้าจะยังทำอันใดข้าหรือ?”
เมิ่งฉางอวิ๋นเดือดดาล ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยว
ทุกคนเงียบไปจนหัวใจของเมิ่งฉางอวิ๋นรู้สึกเย็นเยือก
เขาสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “เมื่อข้าพบท่านอาจารย์และไป๋เหอ ข้าจะไปสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ หากยังบังคับข้าอีก อย่าโทษว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”
เสียงของเขาเปี่ยมโทสะที่พยายามสะกดกลั้นไว้
ทุกคนต่างเห็นได้ว่าเมิ่งฉางอวิ๋นใกล้ระเบิดรอมร่อแล้ว
ยามนี้ สีหน้าของเวินจือซินปรากฏเค้าความละอาย ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงต่ำ “อาจารย์อาเมิ่ง ท่านบรรพชนเยว่หงและไป๋เหอถูกเชิญไปเป็นแขกที่สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมินานแล้วขอรับ”
ตู้ม!
เมิ่งฉางอวิ๋นตะลึงราวถูกอสนีบาตฟาด ความรู้สึกเคืองแค้นแทบปะทุระเบิดในบัดดล
ท่านอาจารย์และไป๋เหอ… พวกเขาถูกสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิจับตัวไปนานแล้วหรือ!?
ในสำนัก บุคคลที่เมิ่งฉางอวิ๋นใกล้ชิดที่สุดคือบรรพชนเยว่หง อาจารย์ของเขา
และในใจของเขา ศิษย์ใกล้ชิดอย่างไป๋เหอก็เหมือนทายาทของเขาเอง
ทว่ายามนี้ เกิดบางอย่างขึ้นกับพวกเขาทั้งสองคน!
ข่าวร้ายนี้ทำให้ดวงตาของเมิ่งฉางอวิ๋นแดงก่ำ มิอาจควบคุมลมหายใจที่ดุดันเดือดดาลขึ้นมาได้
ทุกคนล้วนเปลี่ยนสีหน้า ระแวดระวังตน
เวินจือซินกล่าวอย่างรีบร้อน “อาจารย์อาเมิ่งใจเย็นก่อน ขอเพียงท่านไปยังสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ บรรพชนเยว่หงและไป๋เหอย่อมรอดชีวิตกลับมาได้แน่นอน!”
“เมิ่งฉางอวิ๋น ในที่สุดเจ้าก็โผล่มา”
แว่วเสียงขบขันดังมาจากที่ห่างไกล
สองร่างปรากฏขึ้นจากที่ลับตา เป็นชายผู้หนึ่งในอาภรณ์ยาวแขนเสื้อกว้าง และชายชราผมขาวผู้กระปรี้กระเปร่าผู้หนึ่ง
ทันใดนั้น เวินจือซินและเหล่าผู้ทรงอำนาจต่างคำนับชายในชุดยาวอย่างพร้อมเพรียงด้วยสีหน้านอบน้อมอย่างยิ่ง
เซวียจ่างอี!
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งจากสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แห่งจักรวาลพร่างดาว!
และชายชราผมขาวผู้นั้นก็คือตัวตนบรรพกาลในขอบเขตคืนสู่สามัญของโถงวิถีแปรตะวัน บรรพชนจิ้งเชวีย!
ในโถงวิถีแปรตะวันมีตัวตนบรรพกาลในขอบเขตคืนสู่สามัญอยู่ห้าคน พวกเขาล้วนแต่มิสนใจเรื่องทางโลก ไม่ถือตำแหน่งใดมาช้านาน
บรรพชนจิ้งเชวียคือหนึ่งในนั้น
หากไล่ตามลำดับอาวุโส เขาก็คืออาจารย์ลุงของเมิ่งฉางอวิ๋น และเป็นศิษย์พี่ของบรรพชนเยว่หง
เมื่อเห็นบรรพชนจิ้งเชวียปรากฏขึ้นพร้อมเซวียจ่างอีจากสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิ เมิ่งฉางอวิ๋นพลันสงบโทสะลง
เขาตระหนักแล้วว่าสถานการณ์มิสู้ดี!
เรื่องด่วนที่สุดคือออกจากที่นี่โดยเร็วเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะมีโอกาสขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าทัศนาจารย์
“ฉางอวิ๋น ฟังคำแนะนำอาจารย์ลุงนะ เพื่ออาจารย์และศิษย์ของเจ้า และเพื่อโถงวิถีแปรตะวันทั้งหมด เจ้าควรผูกมือไปสำนึกผิดชดใช้ที่สำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิเสีย”
บรรพชนจิ้งเชวียกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “แต่หากเจ้าปฏิเสธ อย่าโทษอาจารย์ลุงที่ต้องหยุดเจ้าทันทีอย่างไม่สุภาพเลย”
บรรยากาศตึงเครียดและเงียบงัน
ทุกคนล้วนมองไปที่เมิ่งฉางอวิ๋น
เมิ่งฉางอวิ๋นพึมพำออกมาอย่างเลื่อนลอยว่า “ไว้ทุกข์ผู้ตายยังดีกว่าหัวใจตายซาก ข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้มาก่อน ทว่ายามนี้… ในที่สุดข้าก็พอเข้าใจขึ้นมานิด ๆ…”
เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังเวินจือซิน บรรพชนจิ้งเชวียและคนอื่น ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าทั้งหลายกลัวจะถูกลากไปพัวพัน และข้าก็เข้าใจว่าพวกเจ้าถูกสำนักเต๋าสูงสุดทวิภูมิบีบบังคับ ทว่าข้ามิคาดเลยว่าพวกเจ้า… จะเหยียบย่ำหัวใจข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
ทุกคนมีปฏิกิริยาหลากหลาย และดูมิสบายใจเล็กน้อย
“พล่ามมากเอาการเลยนะ”
เซวียจ่างอีขมวดคิ้วและออกคำสั่ง “สหายเต๋าจิ้งเชวีย โปรดลงมือปราบคนทรยศผู้นี้เดี๋ยวนี้เถิด”
บรรพชนจิ้งเชวียพยักหน้า
ตู้ม!
อำนาจในร่างของเขาถูกปลดปล่อย ปราณพลุ่งพล่านน่าสะพรึง ขณะที่เขายกมือขึ้นโจมตีใส่เมิ่งฉางอวิ๋น
ร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นวูบไหวหลบฝ่ามือนั้น ทะยานเข้าสู่ท้องนภาทันที
“ศิษย์หลาน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
เมื่อเสียงของบรรพชนจิ้งเชวียดังขึ้น ประทับฝ่ามือใหญ่อันปกคลุมด้วยอสนีบาตก็ปรากฏขึ้นบนท้องนภา
อำนาจร้ายกาจนั้นผนึกร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นไว้จนมิอาจหลบหนีทันที
ม่านตาของเมิ่งฉางอวิ๋นหดตัว
ทุกคนอดส่ายหน้ามิได้ เป็นตั๊กแตนนำตัวไปขวางเกวียนโดยแท้
เมื่อเผชิญหน้ากับบรรพชนจิ้งเชวียในขอบเขตคืนสู่สามัญ เมิ่งฉางอวิ๋นผู้อยู่ในขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงย่อมต้องแพ้พ่าย
เปรี้ยง!
อึดใจต่อมา ร่างของเมิ่งฉางอวิ๋นก็ร่วงลงจากอากาศ แน่นิ่งกับพื้น
ทุกคนล้วนแสดงสีหน้าซับซ้อน
หากตัดสินใจแบกรับผลของการทรยศ แล้วไยจึงต้องดิ้นรน?