ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 477 คลายปมในใจ
บทที่ 477 คลายปมในใจ
เมื่อผู้อาวุโสตงได้ยินก็ผุดลุกขึ้นมาและจ้องมองไปยังเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งนิ่งๆในทันที
“ผู้อาวุโสตงไม่ต้องร้อนรนไป ข้าพูดว่าถ้าเพียงเท่านั้น นั่งลงก่อนดีกว่าแล้วเรามาพูดคุยกัน”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสตงนั่งลงด้วยท่าทางอยู่ไม่สุข และมีท่าทีจะเงื้อปากพูดอยู่หลายครา นี่ทำให้เฉินเฉียงถึงกับต้องถอดถอนลมหายใจในทันที
เพียงมองไปปราดหนึ่ง เขาก็บอกได้ว่าผู้อาวุโสตงผู้นี้แม้จะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกทุกคนมองข้ามไป แต่เขานั้นย่อมต้องมีฝีมืออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าผุ้อาวุโสแผนกยาและผู้อาวุโสแผนกวัตถุวิญญาณต้องการจะผูกมิตรกับเขา แต่คนเหล่านั้นคงจะเกรงกลัวผู้อาวุโสที่บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต รวมถึงผอ.จ้งเขม่นตามไปด้วย น นี่จึงทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าหาเขาอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องที่น่าเศร้านักที่มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปรเปลี่ยนตนเองไปตามสถานการณ์รอบข้างได้
และด้วยการที่สถานการณ์ของทั่วทั้งโลกปีศาจแห่งนี้ ตกอยู่ในสภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตอย่างที่สุด พวกเขานั้นย่อมต้องแผ้วถางขวากหนามที่คอยกีดข ขวางทางของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตให้พ้นทาง
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางวิชายุทธ์ที่เปรียบได้ดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องบนเส้นทางการบ่มเพาะย่อมได้รับความไม่เทียมในสถานการณ์แห่งนี้
แน่นอนว่าถึงผิวหน้าของสถานการณ์บนโลกปีศาจแห่งนี้จะดุสุขสงบ แต่ในความจริงแล้วนั้น ผู้มีใจที่ห้าวหาญทั้งหลายบนโลกใบนี้แล้วแล้วแต่ถูกคุกคามและถูกกีดกันอยู่ตลอดเวลา จนในตอ อนนี้บ้านเมืองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ว่า คนชั่วเรืองอำนาจ
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นยังยึดถือคำมั่นของคนโบราณเก่าก่อน ความชั่วไม่อาจสะกดข่มความดีได้
ถึงแม้สถานการณ์บนโลกปีศาจแห่งนี้จะเปรียบได้ดั่งลมสงบก่อนที่จะเกิดพายุโหมลูกใหญ่ ยามที่มีความชั่วร้ายได้สั่งสมและปลดปล่อย ย่อมมีผู้ห้าวหาญออกมาเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้ายเหล่าน นั้น
และถึงแม้ว่าผู้อาวุโสตงตรงหน้าเขานั้นจะเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับราชาเหนือราชาขั้นต้น แต่หากเขาไม่มีดีอยู่ก็คงไม่อาจรั้งตำแหน่งผู้อาวุโสสูงแห่งแผนกวิชายุทธ์เอาไว้ได้เป็นแน น่
ส่วนเหตุผลที่เฉินเฉียงพาเขามาที่นี่นั้นก็เพราะ เขาต้องการช่วยให้ชายคนนี้คลี่คลายปมในใจก่อนที่เขาจะได้ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ นี่จะทำให้เขาไปอย่างโล่งใจไปได้หลายเปราะ
“ผู้อาวุโสตง ท่านคงไม่เคยกินไวน์ดีเช่นนี้กระมัง”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ยกชามเหล้านารีแดงซดเข้าปากไป ก่อนที่จะวางชามลง หลังจากนั้นเขาก็ได้นิ้วชี้ซ้ายของตนกรีดไปรอบๆปากชามก่อนจะพูดต่อ
“ไวน์ไหนี้มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนที่ไกลสุดท่านจะหยั่ง ทั่วทั้งโลกปีศาจแห่งนี้ข้าเกรงว่าคงจะมีเพียงหอการค้าเหมันต์จันทราแห่งนี้เพียงเท่านั้นที่ยังพอหามันมาได้”
“แต่น่าเสียดายนัก ในยามนี้หอเหมันต์จันทราไม่มีสาวงามเหลืออยู่เลย ไม่งั้นพวกเราคงไม่ต้องมานั่งเทไวน์กินกันเองแบบนี้ แต่ก็อีกล่ะนะ อย่าว่าแต่สาวงามเลย แม้แต่ไวน์นี้เองก็ จะไม่มีให้ขายอีก”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไม”
เมื่อเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งพูดจบลง เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้อาวุโสตง
ผู้อาวุโสตงนั้นยังคงไม่พูดจา หากว่ากันตรงๆในตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ราวกับกำลังอดทนอดกลั้นในอะไรบางอย่าง
มันเป็นฉากเหตุการณ์ที่ดูแปลกตาสำหรับเขามากนัก
นั่นก็เพราะเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของผอ.จ้งในตอนนี้นั้น เขาได้ทำตัวราวกับอาจารย์ที่พยายามกดดันศิษย์โดยใช้เพียงท่าทางหาได้พูดออกมาตรงๆ
แต่ก็อีกนั่นแหละ เพราะในสายตาของเฉินเฉียงแล้วนั้น ผู้อาวุโสตงตรงหน้าเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากเด็กน้อยที่เขาอยากจะตีสนิทด้วยแต่อย่างใด
ความจริงแล้วเขาเองก็อยากจะใช้วาจานุ่มละมุนลิ้นที่ราวกับน้ำฝนในฤดูใบไม้ผลิในการเปิดใจผู้อาวุโสตรงหน้าของเขา
แต่ประเด็นก็คือ ผู้อาวุโสตรงหน้าของเขานั้นในตอนนี้จิตใจกลับร้อนรุ่มราวกับน้ำมันที่เดือดปุดๆ
เขานึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อาวุโสคนอื่นและสร้างบรรยากาศอันดีในสำนักเต๋าแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงสิบปีก่อนเฉกเช่นผอ.จ้งไว้บ้าง
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ช่วงที่ผ่านมานี้เขาเองก็คงไม่ต้องประสบพบเจอกับความยากลำบากเช่นนี้
เขาเองก็เป็นถึงผู้อาวุโสสูงของแผนกวิชายุทธ์ แต่เมื่อเทียบกับการวางตัวและระดับบ่มเพาะของผอ.จ้ง ชายที่เดินบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตตรงหน้าเขาแล้ว ทุกอย่างล้วนห่างไกลกว่าเขา ามากนัก
เขาเองนั้นต้องประสบพบเจอกับสายตาดูแคลนของผอ.จ้งมาอย่างไม่ถ้วนทั้งลับหลังและต่อหน้า
ฆ่าผู้คนที่เขาใกล้ชิด สนิทสนม หรือบางครั้งที่ได้เดินผ่านอย่างโหดร้ายและทารุณในทุกๆครั้งที่ลงมือ
นี่ทำให้ผู้อาวุโสตงนั้นกลับกลายเป็นคนที่เก็บตัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
จนในที่สุด เขาก็ได้ปิดกั้นตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆในสำนัก
เวลาเช่นนี้ได้ล่วงเลยผันผ่าน จนในที่สุดแม้แต่มือที่เคยหยาบกร้านอย่างสุดหยั่งของเขา ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนกลายเป็นมือที่อ่อนละมุน การที่กีดกั้นตนเองจากภัยอันตรายต่างๆนั้นทำให้ เขากลายเป็นเพียงคนธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับเป็นน้ำเปล่าที่ถูกเททิ้งเอาไว้ในถ้วยใบหนึ่ง
ในโลกของเขาแล้ว นอกจากการเพิ่มระดับบ่มเพาะของตนเองแล้วนั้น แม้แต่การพูดคุยกับศิษย์ในแผนกของตนเองก็ยังน้อยครั้งมากนัก
และด้วยการที่เขานั้นเป็นผู้อาวุโสสูงของแผนกวิชายุทธ์ เขาเองก็พยายามควบคุมไม่ให้ศิษย์ของตนไม่ให้ถูกเล่นงานโดยศิษย์หอผู้คุมกฎตลอดมา
นอกจากเรื่องนี้แล้ว เขาก็ไม่เคยทำสิ่งใดที่เรียกได้ว่าเป็นการทำเพื่อปกป้องศิษย์แผนกวิชายุทธ์ได้อีก
คนทำเช่นนี้เสมอมาจนใจของเขาเริ่มชินชา
จนกระทั่งไม่นานมานี้ กลุ่มเคลื่อนไหวหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น มันมีชื่อว่ากลุ่มเหมันต์จันทราที่ค่อยเผยชื่อขึ้นมาในสำนัก และนี่เองก็ทำให้เขานั้นได้กลิ่นแห่งความยุ่งยากที่จะต้อง งเผชิญ
นับแต่กลุ่มเหมันต์จันทราปรากฏ เหล่าศิษย์ใต้ร่มธงของเขาก็สาวเท้าพุ่งตรงเข้าร่วมกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่เองก็อดที่จะทำให้เขานั้นสนใจขึ้นมาได้บ้าง
แต่มันก็เท่านั้น
สำหรับเขาแล้ว ประเพณีหุ่นเชิดโลหิตนิยมนี้สืบทอดกันมาอย่างยาวนานและเป็นที่ยอมรับกันทั่วทั้งโลกปีศาจ ถึงแม้กลุ่มเหมันต์จันทราจะทำให้เหล่าศิษย์ของเขานั้นกระดี๊กระด๊าได้ทำนู่นท ทำนี่ขึ้นมาได้บ้าง แต่นั่นก็คงเป็นเรื่องราวเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวราวกับแสงอาทิตย์ที่อาบผิวกระทะเพียงเท่านั้น
กลุ่มเหมันต์จันทราที่พึ่งจะถือกำเนิดนั้น ย่อมไม่อาจพยุงตัวให้อยู่เหนือธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดต่อมาอย่างยาวนานได้
นี่จึงทำให้ในความคิดของผุ้อาวุโสตงผู้นี้ กลุ่มเหมันต์จันทราไม่ได้ต่างไปจากหินก้อนน้อยที่เหวียงลงไปบนผิวของสระน้ำกว้าง
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของผอ.จ้งที่แสดงออกมาในสนามฝึกฝนการต่อสู้ก่อนหน้าได้ทำให้เขานึกสงสัยแล้วสงสัยเล่าอย่างไม่ขาดสาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผอ.จ้งเองก็เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต แต่เขานั้นกลับสังหารศิษย์ในแผนกหุ่นเชิดโลหิตไปอย่างมากมายร่วมร้อยคน ไหนจะการฆ่าผู้อาวุโสฉีโดยไม่เอ่ยกล่า าวตักเตือนในการกระทำ
ไม่เพียงเท่านั้น ท้ายที่สุด ผอ.จ้งผู้นี้ยังเปิดเผยหลักฐานสำคัญที่มากพอที่จะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับวิหารศักดิ์สิทธิ์และผู้บ่มเพาะบนเส้นทางเดียวกันแก่ศิษย์ทั้งสำนักได้ดู คงไม่ใช่ว่าเขานั้นต้องการใช้ฉากเหตุการณ์เหล่านั้นสร้างความขุ่นเคืองให้กับศิษย์ทุกคนมุ่งความเกลียดชังให้กับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตอยู่หรอกนะ
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้อาวุโสตงนั้นสับสนจนนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้
คงไม่ใช่ว่าผอ.จ้งนั้นได้รับรู้ความคิดของเขาแล้วรึเปล่า
คงไม่ใช่ว่าผอ.จ้งต้องการจะสลายบรรยากาศเลวร้ายที่ตนเองเป็นผู้เริ่มก่อเอาไว้ในสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าจริงๆหรอกนะ
ไม่มีทาง