ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 373 :การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 373 :การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
“คุณจะเปิดโรงงานผักกาดดองอีกแล้วหรือ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางรู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้ถึงความตั้งใจของเจียงเสี่ยวไป๋ จึงพูดอย่างตื่นเต้น
ครั้งล่าสุดตอนอยู่ที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาสามารถดึงเอาโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสหม้อไฟสำเร็จรูปมาที่ชิงโจวได้แล้ว แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับบอกว่าเขาจะสร้างโรงงานเนื้อแปรรูปและโรงงานเยลลี่ในเจี้ยนหยาง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าชิงโจวมีโรงงานและโครงการอื่นน้อยกว่าเจี้ยนหยาง แต่เขาไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะสร้างโรงงานใหม่ในชิงโจวเร็ว ๆ นี้ แล้วจะไม่ให้เขามีความสุขได้อย่างไร ?
เพียงแต่ผักกาดดองจะขายได้ไหม ?
รองนายกเทศมนตรีจางไม่แน่ใจเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายแผนการทั้งหมดเกี่ยวกับโรงงานผักกาดดองชุ่ยฮวาให้เขาฟัง และกล่าวต่ออีกว่า “ท่านรองนายกมั่นใจได้ ผักดอกที่ผลิตโดยโรงงานผักกาดดองชุ่ยฮวาไม่เพียงแต่จะกลายเป็นสินค้าขายดีเท่านั้น แต่ในอนาคต ตัวโรงงานเองยังจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งในเมืองชิงโจวอีกด้วย”
“ความคิดของคุณค่อนข้างดี แต่มันเร็วเกินไปหรือเปล่า ? ” รองนายกเทศมนตรีจางถามอย่างเคร่งขรึม
ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่เพิ่งแก้ปัญหาปากท้องได้ พวกเขาจะมีความสนใจเรื่องการท่องเที่ยวได้อย่างไร ไม่น่าแปลกที่รองนายกเทศมนตรีจางจะคิดแบบนี้
เจียงเสี่ยวไป๋มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เขากล่าวว่า “เรื่องการท่องเที่ยวถือว่าเป็นเรื่องในอนาคต ตอนนี้ตราบใดที่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ มันก็จะเป็นผลดี แต่ยิ่งสร้างโรงงานที่มีอาคารแบบดั้งเดิมแบบนี้เร็วเท่าไหร่ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมก็จะยิ่งมีคุณค่ามากขึ้น ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้า “ถ้าคุณคิดว่ามันได้ งั้นก็ทำตามที่คุณคิด”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “ท่านรองนายก โรงงานสไตล์บ้านโบราณของชาวจีนแบบนี้ ในตัวอาคารค่อนข้างใช้สอยได้น้อย อีกทั้งต้องสร้างสวนขนาดใหญ่ ครั้งนี้ผมเลยอยากจะขอที่ดินเพิ่มนิดหน่อยครับ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางรู้สึกประหม่าและถามว่า “คุณต้องการที่ดินเท่าไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “แน่นอนว่ายิ่งมากเท่าไรยิ่งดี ถ้าคุณให้ที่ดินแก่ผมจำนวนมาก จะให้ผมสามารถสร้างสวนสาธารณะก็ได้ ! ”
ตอนแรกรองนายกเทศมนตรีจางอยากจะถลึงตาใส่เจียงเสี่ยวไป๋ แต่หลังจากเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาคิดบางอย่างได้จึงถามกลับไปว่า “คุณต้องการสร้างสวนสาธารณะใช่ไหม ? ในเมืองของเรามีภูเขาชีเฟิงใม่ใช่หรือ ? ที่นั่นน่าจะเหมาะสำหรับสร้างสวนสาธารณะที่สุดแล้ว ถ้าคุณสร้างสวนสาธารณะชีเฟิง ฉันก็จะแบ่งที่ดินตีนเขาชีเฟิงให้คุณสักผืน แม่น้ำในเมืองของเราไหลผ่านสถานที่นั้นเช่นกัน มีทั้งภูเขาและแม่น้ำล้อมรอบ อีกทั้งพื้นที่กว้างใหญ่ คุณคิดว่าไง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะเกิดความคิดเช่นนี้ แต่…
ดูเหมือนจะพอเป็นไปได้ !
เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านรองนายก หากคุณยอมรับเงื่อนไขสองข้อ ผมจะทำสวนสาธารณะภูเขาฉีเฟิง ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางมองเขาอย่างระมัดระวังและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เงื่อนไขอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ก่อนอื่น ย้ายสวนสัตว์ออกไป ประการที่สอง ให้ที่ดินทั้งหมดเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแก่ผม และมอบที่ดินเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยบางส่วนให้ผม”
รองนายกเทศมนตรีจางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “การย้ายสวนสัตว์ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมคุณถึงต้องการที่ดินเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัย ? ไม่มีใครให้ที่ดินเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยฟรีหรอกนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “แน่นอน ผมรู้เรื่องนี้ คุณแค่บอกผมมาว่าคุณยอมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ไหม ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางยิ้มเจ้าเล่ห์ “ในพื้นที่ภูเขาฉีเฟิงไม่มีที่ดินอุตสาหกรรม แม้ว่าคุณจะสร้างโรงงานผักกาดดองที่นั่นจริง ๆ แต่ก็เป็นที่ดินเชิงพาณิชย์”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมาก เรื่องนี้ช่วยเขาได้เยอะ
หลังจากหารือกันอย่างละเอียดแล้ว ทั้งสองก็สรุปแผนได้ในที่สุด รัฐบาลเมืองจะย้ายสวนสัตว์ออกจากภูเขาฉีเฟิง ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋จะให้ทุนสนับสนุนการบูรณะสวนสาธารณะภูเขาฉีเฟิง และได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการเป็นเวลา 30 ปี ซึ่ง 30% ของกำไรทั้งหมดจะต้องส่งมอบให้รัฐบาล
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มอบที่ดินเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยแก่เจียงเสี่ยวไป๋ จำนวน 600 หมู่ริมฝั่งแม่น้ำชิงเจียงที่เชิงเขาฉีเฟิง โดยมีราคาที่ดินอยู่ที่ 3,000 หยวนต่อหมู่
ราคานี้ในปี 1983 ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงมาก หากเขาไปขอซื้อจากประชาชนในเมือง เขาจะจ่ายแค่ราคาหมู่ละพันกว่าหยวนเท่านั้น แต่เจียงเสี่ยวไป๋คิดว่าแค่นี้เขาก็ได้กำไรแล้ว
นโยบายที่ดินในปัจจุบันไม่เหมือนกับในอนาคตที่ต้องพัฒนาที่ดินภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากประมูลได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาได้ที่ดินมาแล้วและจะปล่อยทิ้งร้างไว้สักแปดปีสิบปีก็ไม่มีใครมายุ่งกับเขา และเมื่อถึงตอนนั้น ราคาของที่ดินจะไม่ใช่ราคาเหมือนในตอนนี้แล้ว
แน่นอนว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ทำเช่นนั้น
สำหรับนักธุรกิจ การหมุนเวียนเงินทุนเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด
“เพียงเท่านี้ เราก็รับพิจารณาข้อเสนอของจวงปี้เฉิงได้แล้ว ! ”
หลังออกมาจากศาลาที่ว่าการ เจียงเสี่ยวไป๋กำลังคิดขณะขับรถ
เขาไม่เคยคิดถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก่อน แต่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอาชีพเดิมของเขาในชาติที่แล้ว เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะพลาดโอกาสไปได้อย่างไร
ด้วยแนวคิดการพัฒนาและประสบการณ์จากชาติที่แล้ว ร่วมกับทีมงานก่อสร้างของจวงปี้เฉิง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาในตอนนี้
อีกทั้งเขาไม่กังวลว่าบ้านที่พัฒนาแล้วจะขายไม่ได้
นอกจากนี้ พนักงานในโรงงานและบริษัทต่าง ๆ ของเขาก็มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อบ้าน
“เฮ้อ……ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนายทุนชั่วร้ายที่มือหนึ่งจ่ายเงินค่าจ้างสูง ๆ ให้พนักงาน อีกมือก็รับเงินที่พนักงานซื้อบ้านจากเรา วนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจ จนเริ่มดูถูกตัวเองด้วยซ้ำ
หลังจากกำจัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้ในใจของเขาแล้ว ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋ก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
เขาตั้งใจจะพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ก้าวล้ำหน้ายุคนี้ไปมาก ให้พนักงานได้เพลิดเพลินไปกับที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง ที่แต่เดิมพวกเขาต้องรอไปอีก 10-20 ปีจึงจะเพลิดเพลินได้ พวกเขาเองก็ไม่ถูกเอาเปรียบ หรืออาจจะเรียกได้ว่าได้กำไรเสียด้วยซ้ำไป
เมื่อกลับมาที่สำนักงาน เขาบอกหลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหงและจางชุ่ยฮวาเกี่ยวกับข้อสรุปการสนทนากับรองนายกเทศมนตรีจางและความคิดของเขา หลินเจียอินได้ยินแบบนั้นจึงกล่าวว่า “คุณจะสร้างบ้านขายใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ และไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งโรงงานผักดอง”
เฝิงเยี่ยนหงพูดด้วยความคาดหวังว่า “พี่เสี่ยวไป๋ งั้นฉันจะจองบ้านที่พี่สร้างสักสิบหลัง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดี แม้ว่ายังไม่ได้เริ่มลงมือ แต่ก็มีลูกค้ารายใหญ่แล้ว !
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “บ้านที่พี่สร้างในเจียงวานสวยงามมาก ฉันเชื่อว่าบ้านที่พี่จะสร้างในเมืองจะต้องสวยงามมากเช่นกัน ฉันไม่อยากอยู่ในบ้านโทรม ๆ ของฉันอีกแล้ว ! ”
“ฉันอยากจะซื้อให้พ่อแม่หนึ่งหลัง ซื้อให้พี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคน และน้องชายน้องสาวของฉันคนละหลัง เพื่อที่พวกเขาจะได้มีความสุขกับการใช้ชีวิตในบ้านอย่างสุขสบาย”
เธอหันไปหาหลินเจียอิน และพูดว่า “พี่เองก็เก็บไว้สักหลังสิ พอชานชานเข้าเรียนแล้ว หากให้พวกพี่เทียวไปเทียวกลับเจียงวานแบบนี้คงลำบากน่าดู”
เมื่อหลินเจียอินได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รู้สึกว่ามันคงจะดีถ้ามีบ้านของเธอเองในเมือง เธอจึงพูดกับ เจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ถ้าอย่างนั้น เราสร้างบ้านของเราไว้หนึ่งหลังเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีแผนนี้ในตอนแรก แต่เนื่องจากภรรยาของเขาพูดอย่างนั้น และเมื่อพิจารณาว่าลูกสาวของเขาจะเข้าเรียนในเมืองช่วงปีหน้า เขาจึงพยักหน้า
อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง ความคิดเดิมของเขาก็จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ในอดีต เขาวางแผนที่จะสร้างอาคารสูงทั้งหมดเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากำลังพิจารณาว่าจะสร้างวิลล่าสักสองสามหลังดีไหม ?
หากต้องการให้ภรรยาและลูกสาวมีชีวิตที่ดีที่สุด ใช้พื้นที่เปลืองไปสักหน่อยจะเป็นไรไป ?
เขากำลังคิดว่าในเมื่อเขาคิดจะสร้างโรงเรียนสักแห่งไว้ในนิคมอุตสาหกรรมที่เจี้ยนหยางแล้ว งั้นเขาก็สามารถสร้างโรงเรียนประถมไว้ที่ตีนเขาชีเฟิงได้เช่นกัน !
ด้วยวิธีการนี้ ลูกสาวของเขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียนไกลเกินไป
ทันทีที่ความคิดนี้เข้ามาในหัวของเขา เขาก็ไม่สามารถควบคุมความคิดของเขาได้อีกต่อไป และเริ่มคิดว่าจะพูดคุยกับรองนายกเทศมนตรีจางเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
“กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง”
ในขณะนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น และเจียงเสี่ยวไป๋ก็คว้ามันขึ้นมา