ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 454 : เฉิงเสี่ยวเหวยดีใจมาก
ตอนที่ 454 : เฉิงเสี่ยวเหวยดีใจมาก
ที่ศาลาว่าการเมืองชิงโจว ภายในสำนักงานของนายกเทศมนตรีจาง
“เสี่ยวเจียง คุณมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันก็ว่าจะโทรหาคุณอยู่พอดี”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ นายกเทศมนตรีจางก็พูดทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้เขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ท่านนายก คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า ? ”
นายกเทศมนตรีจางหยิบภาพวาดที่พิมพ์ออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วพูดว่า “เราได้พิมพ์แบบร่างของแบบแปลนออกมาแล้ว การก่อสร้างโครงการนำร่องชนบทใหม่ของเจียงวานสามารถทำได้เลย ฉันจึงอยากหารือกับคุณว่าเราจะเริ่มโครงการเมื่อไหร่ดี ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เมื่อคุณตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว คุณก็รีบแจ้งให้ผมทันทีเลย ไม่จำเป็นต้องถามผมหรอกครับ”
นายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เอาล่ะ ถ้าคุณไม่มีข้อโต้แย้ง ฉันจะพาทีมงานไปที่เจียงวานในวันพรุ่งนี้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะรออยู่ที่บ้าน”
นายกเทศมนตรีจางหัวเราะ “นี่แหละสิ่งที่ฉันรอคอย พรุ่งนี้คุณเลี้ยงหม้อไฟทีมงานของเรานะ”
“ไม่มีปัญหาครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกลงทันที และถามว่าทีมงานที่จะมาที่เจียงวานมีกี่คน เมื่อเขาทราบว่ามีเกือบสิบคน ทั้งคนจากสำนักงานการก่อสร้าง สำนักงานที่ดิน สำนักงานการเกษตร สำนักงานป่าไม้ สำนักงานการเงิน สำนักงานสัตวบาล สำนักงานทางหลวงชิงโจวและสถานีโทรทัศน์ชิงโจว รวมถึงบุคลากรในองค์การบริหารของอำเภอชิงชานและหน่วยงานอื่น ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ก็พยักหน้าตอบรับ เพราะโดยพื้นฐานแล้วจะต้องมีคนจากทุกหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบอยู่แล้ว
นายกเทศมนตรีจางยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันบอกไปแล้วว่ามีธุระอะไร แล้วคุณล่ะ มีธุระอะไรกับฉัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “โครงการนำร่องก่อสร้างชนบทใหม่ในเจียงวานนี้ ผมต้องการสร้างแบบจำลองคุณภาพสูง ไม่เพียงแต่ผสมผสานรูปแบบต่าง ๆ เช่น การตกแต่งหน้าต่างและระเบียงเท่านั้น แต่ยังช่วยออกแบบชุดเฟอร์นิเจอร์ให้ชาวบ้านด้วย เพื่อจัดห้องตัวอย่างให้มีมาตรฐานและสวยงามมากขึ้น”
นายกเทศมนตรีจางก้มหน้าลงและไตร่ตรองว่า “แบบนี้จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับชาวบ้านหรือเปล่า การตกแต่งใหม่ทั้งภายในและภายนอกจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเลยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือและกล่าวว่า “ผู้คนในเจียงวานมีกำลังพอที่จะซื้อได้ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวล ส่วนชาวบ้านในที่อื่น ๆ คุณก็ไม่ต้องกังวลเหมือนกัน การก่อสร้างพื้นที่ชนบทใหม่คือการทำให้เกษตรกรร่ำรวยขึ้นก่อน แล้วถึงจะสร้าง เมื่อชาวนามีเงิน ย่อมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยธรรมชาติ”
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้า “สิ่งที่คุณพูดก็สมเหตุสมผล ตอนนี้เรากำลังทำโครงการนำร่องในเจียงวาน ซึ่งสามารถกำหนดมาตรฐานให้สูงกว่านี้ได้ ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้อีกสองหรือสามปี ผู้คนจากที่อื่นจะมองว่ามันล้าสมัย แบบนั้นโครงการนำร่องนี้ก็จะไม่มีประโยชน์อะไร”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ในกรณีนี้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ชิงโจวจะเข้าสู่ภาวะความต้องการใช้ไม้สูงมาก ผมจะไปหารองนายกเทศมนตรีถังในภายหลัง เพื่อขอให้เขาช่วยอนุมัติสัมปทานตัดไม้ และอนุมัติที่ดินผืนหนึ่ง เพราะผมจะสร้างโรงงานเฟอร์นิเจอร์ นี่แหละคือธุระของผมที่จะมารายงานคุณ”
นายกเทศมนตรีจางพอใจกับทัศนคติของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ๆ เขารู้ว่าตัวเองคิดผิดไป เพราะผู้ชายคนนี้ตั้งใจพูดเกี่ยวกับการสร้างแบบจำลองคุณภาพสูง แต่ที่จริงแล้วเขามุ่งเป้าไปที่ตลาดเฟอร์นิเจอร์ต่างหาก !
ฉลาดแกมโกงอะไรอย่างนี้ !
เขาถึงกับจับตาดูตลาดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเริ่มวางแผนตั้งแต่ตอนนี้ !
นายกเทศมนตรีจางบ่นในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ท้ายที่สุดแล้วนักธุรกิจทุกคนต่างก็แสวงหาผลกำไรกันทั้งนั้น เจียงเสี่ยวไป๋สามารถค้นพบโอกาสทางธุรกิจและเตรียมการล่วงหน้าได้ ประการแรกเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของเขานั้นกว้างไกล ส่วนประการที่สองเป็นเพราะเขามีความแข็งแกร่งทางการเงินมากพอ
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว มีอะไรให้ทำอีกไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการรายงานให้คุณทราบ”
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างไร้อารมณ์
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมกำลังบูรณาการอุตสาหกรรมต่าง ๆ และเตรียมก่อตั้งเป็นเจียงเจียกรุ๊ปในเดือนหน้า”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ นายกเทศมนตรีจางก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันทีและถามรายละเอียด
เจียงเสี่ยวไป๋ให้ข้อมูลสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับการประชุมเมื่อวานนี้ที่พูดถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ โครงสร้างองค์กร และเหล่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
เมื่อนายกเทศมนตรีจางได้ยินว่าเมิ่งเสี่ยวเป่ยและเฉินอันปิงจากโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานแผนก เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจและพูดว่า “คุณไม่ได้บังคับทั้งสองคนให้มาทำหน้าที่นี้ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “ทั้งสองคนเต็มใจที่จะติดตามผมเอง”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็กล่าวเสริมว่า “ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคนเท่านั้น แต่ยังมีโหยวโหย่วหยูและเปากันฉวนอีกด้วย”
นายกเทศมนตรีจางได้แต่จ้องมองเขาและถอนหายใจด้วยความหดหู่
“ผู้คนเดินขึ้นที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ หลังจากนี้คนที่มีความสามารถของรัฐวิสาหกิจก็คงจะถูกคว้าตัวไปจนหมด”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวขึ้นมาทันที “ท่านนายก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจหรือพนักงานของเจียงเจียกรุ๊ป พวกเขาก็ล้วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาชิงโจวเหมือนกัน”
นายกเทศมนตรีจางยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “อย่ากังวลไปเลย พวกเขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือก ทางรัฐจะไม่รั้งพวกเขาไว้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอบคุณ จากนั้น เขาก็พูดคุยกับนายกเทศมนตรีจางอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขอตัวออกมา
เขาไม่ได้ไปหารองนายกเทศมนตรีถังทันที แต่ได้ไปพบกับเฉิงเสี่ยวเหวยก่อน
“หัวหน้าเจียง คุณมาหารองนายกเทศมนตรีถังหรือเปล่า ? ตอนนี้เขาเลิกงานแล้ว ผมจะพาคุณเข้าไปหาเขาเอง”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เฉิงเสี่ยวเหวยก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “เลขาเฉิง ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น คุณออกมากับผมสักครู่ได้ไหม”
แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเหวยจะสับสน แต่เขาก็ตามเจียงเสี่ยวไป๋ออกจากสำนักงาน
“เลขาเฉิง ผมเอาเหล้ามาฝากรองนายกเทศมนตรีถังสี่ลัง มันเป็นเหล้าหมักจากบ้านเกิดของเขา ผมว่าจะยกมันใส่ท้ายรถของรองถัง” เจียงเสี่ยวไป๋พูดเมื่อพวกเขามาถึงลานจอดรถชั้นล่าง
“เหล้าข้าวโพดเจี้ยนหยางเหรอครับ ? ” เฉิงเสี่ยวเหวยถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เป็นเหล้าที่ผลิตในปี 1980”
เฉิงเสี่ยวเหวยดีใจมาก เขาพูดว่า “รองนายกเทศมนตรีถังตามหาเหล้ายี่ห้อนี้มาหลายวันแล้ว แต่ยังหาไม่ได้สักขวด หัวหน้าเจียง คุณไปเอามันมาจากไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ผมซื้อมา”
“เยี่ยมมาก ! ” เฉิงเสี่ยวเหวยพูดอย่างมีความสุข จากนั้นเหล่าหู คนขับรถของรองนายกเทศมนตรีถังก็ไปเอากุญแจรถมาแล้วเปิดท้ายรถ
เจียงเสี่ยวไป๋ย้ายกล่องเหล้าสี่ลังออกจากท้ายรถจี๊ปของเขา เฉิงเสี่ยวเหวยเห็นแบบนั้นก็ประหลาดใจ “เยอะขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมเอามาให้กับรองนายกเทศมนตรีถังสี่ลัง และอีกลังหนึ่งผมเอามาฝากคุณ ไม่ต้องยกให้เขาทั้งหมดนะครับ ถ้าเขาต้องการเมื่อไหร่ก็ค่อยเอาออกมาให้เขา”
“เถ้าแก่เจียง ขอบคุณมาก ! ” เฉิงเสี่ยวเหวยกล่าวอย่างซาบซึ้ง
เพราะทุกครั้งที่รองนายกเทศมนตรีถังเชิญเพื่อนมารับประทานอาหารเย็น ภารกิจในการหาเหล้าเจี้ยนหยางที่ผลิตในปี 1980 จะต้องตกมาเป็นของเขาตลอด
แต่ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ได้เอาเหล้าเจี้ยนหยางมาให้เขาหลายลัง หลังจากนี้ เขาก็คงไม่ต้องออกไปเที่ยวตามหาที่ไหนอีกแล้ว
ในช่วงเวลาวิกฤติก็สามารถหาให้ได้สบาย ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วหยิบนมถั่วเหลืองออกมาสองกล่อง ฟองเต้าหู้ เต้าหู้แท่งและบุหรี่หนึ่งแถว แล้วพูดว่า “นี่ถือเป็นคำขอบคุณ เพราะคุณและรองนายกเทศมนตรีถังต่างมีส่วนร่วมในการผลิตของโรงงานและยังช่วยเราโปรโมตสินค้าอีกด้วย”
“ขอบคุณเถ้าแก่เจียง ! ” เฉิงเสี่ยวเหวยไม่ปฏิเสธ เขายอมรับอย่างไม่เห็นแก่ตัวและพูดด้วยท่าทีสุภาพ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม และทั้งสองคนก็ขนของไปไว้ในรถของรองนายกเทศมนตรีถังด้วยกัน
เพราะมันมีหลายลัง จึงไม่สามารถใส่ในท้ายรถได้จนหมด ดังนั้นเฉิงเสี่ยวเหวยจึงนำส่วนของเขากลับไปที่ออฟฟิศ
เจียงเสี่ยวไป๋จึงช่วยทั้งสองคนยกกล่องเหล้าอีกครั้ง
หลังจากยกกล่องเหล้าไปเก็บแล้ว เฉิงเสี่ยวเหวยก็พาเจียงเสี่ยวไป๋ไปที่ห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีถัง
หลังจากทักทายกันได้สองสามคำ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มรายงานเรื่องการก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ป จากนั้นก็อธิบายความตั้งใจของเขา
รองนายกเทศมนตรีถังยิ้มและพูดว่า “หลังจากที่ฉันเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน คุณก็ก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ปขึ้นมา นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก โครงการแรกที่คุณขอให้ฉันอนุมัติ ฉันจะสนับสนุนมันอย่างเต็มที่ แต่บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าแผนการนี้ต้องใช้ที่ดินเท่าไหร่ ? ”