ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 475 : ครูอาสาเริ่มปฏิบัติหน้าที่
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 475 : ครูอาสาเริ่มปฏิบัติหน้าที่
ตอนที่ 475 : ครูอาสาเริ่มปฏิบัติหน้าที่
“ดวงอาทิตย์ส่องแสงบนท้องฟ้า มวลดอกไม้ส่งยิ้มให้ฉัน
นกน้อยพูดว่า เร็ว เร็ว เร็ว เหตุใดเธอจึงถือกระเป๋านักเรียนใบเล็กแบบนั้น ?
ฉันจะไปโรงเรียน,
อย่าไปสายทุกวัน
ต้องรักในการเรียนและการทำงาน
เมื่อโตขึ้นควรทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและประเทศชาติ
……”
เช้านี้แสงแดดสดใสเป็นพิเศษ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านซานฮวาก็ร้องเพลงอย่างมีความสุขตลอดทางไปโรงเรียน
เมื่อผ่านโรงเรียนใหม่ เด็กทุกคนก็หันไปมองและหยุดเดินครู่หนึ่ง
“ดูสิ นี่คือโรงเรียนใหม่ของเรา ! ”
“จากนี้ไป เราจะได้มาเรียนที่นี่แล้ว ! ”
“โรงเรียนใหม่สวยมาก เป็นอาคารสองชั้นด้วย”
“นี่คืออาคารที่สวยที่สุดในหมู่บ้านของเรา”
“ฉันตั้งตาคอยที่จะได้เริ่มชั้นเรียนที่โรงเรียนใหม่เร็ว ๆ นี้ ! ”
“เร็วเข้า รีบเข้า ! ”
“……”
ดวงตาของเด็กทุกคนเป็นประกายเมื่อเห็นโรงเรียนใหม่
เก๋อเสี่ยวชุนพูดว่า “พ่อของฉันบอกว่าเมื่อคืนมีครูมาที่หมู่บ้านของเราหลายคน หลังจากนี้ไปโรงเรียนของเราจะมีครูเยอะขึ้นแล้ว ! ”
เอ้อร์หนิวพูดว่า “จริงเหรอ ? เยี่ยมไปเลย ! ”
เหอเมี่ยวเมี่ยวมองดูทั้งสองคนด้วยความไม่พอใจและพูดเสียงดัง “แม้ว่าจะมีครูคนใหม่มา แต่เราก็ไม่สามารถลืมครูหลี่ได้อยู่ดี”
เก๋อเสี่ยวฉุนพูดอย่างรวดเร็วว่า “เมี่ยวเมี่ยว เราจะลืมครูหลี่ไปได้ยังไง พ่อของฉันบอกว่าเหตุผลที่ลุงเจียงสร้างโรงเรียนใหม่ให้เราและหาครูอาสามาสอนที่นี่ ทั้งหมดก็เพราะครูหลี่”
“แม่ฉันบอกว่าครูหลี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของลุงเจียง” เอ้อร์หนิวกล่าวเสริม
จากนั้น เหอเมี่ยวเมี่ยวก็แย้มยิ้มออกมา “รีบไปโรงเรียนเถอะ ฉันอยากเห็นครูใหม่ของเราแล้ว ! ”
“เอาล่ะ ไปดูครูคนใหม่กันเถอะ ! ”
เก๋อเสี่ยวฉุนและเอ้อร์หนิวต่างเห็นด้วย และเดินตามเหอเมี่ยวเมี่ยวตรงไปที่โรงเรียนเก่า
……
โรงเรียนประถมศึกษาซานฮวายังคงจัดพิธีเคารพธงชาติทุกวัน
เพียงแต่ว่าวันนี้มีบุคคลเพิ่มมาอีก 8 คนใต้ร่มเงาของธงชาติ
เมื่อธงแดงดาวห้าดวงโบกสูงบนยอดเสาธง ครูใหญ่จางยืนอยู่หน้าเสาธงและพูดเสียงดังว่า “กิจกรรมพูดหน้าเสาธงในเช้าวันนี้ ขอต้อนรับครูใหม่ของโรงเรียน ครูเหวินฮัวเหรินขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์แก่นักเรียนทุกคน”
ท่ามกลางเสียงปรบมือของเด็ก ๆ เหวินฮัวเหรินก็เดินไปที่หน้าเสาธง
เขากวาดสายตามองเด็ก ๆ แล้วพูดว่า “สวัสดีนักเรียนทุกคน ครูเป็นครูสอนภาษาจีน ครูเองก็ไม่อยากพูดอะไรมาก แค่หวังว่าเด็ก ๆ ทุกคนจะตั้งใจเรียน เดินออกจากภูเขาแห่งนี้ด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม แล้วไปสู่โลกภายนอกที่สวยงาม จงเป็นคนเก่งที่ทำประโยชน์ต่อประเทศและสังคม”
“สุดท้ายนี้ ครูก็อยากให้พวกเรามาร้องเพลงด้วยกัน ! ”
“ขอให้เราจำภารกิจของเราไว้ตลอดไป ! ”
เหวินฮัวเหรินพูดจบก็เริ่มร้องเพลงออกมา “เพลงเราคือผู้สืบทอดลัทธิคอมมิวนิสต์……เตรียมพร้อม: เริ่มร้องได้ ! ”
“เราคือผู้สืบทอดลัทธิคอมมิวนิสต์
สืบทอดประเพณีอันรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษนักปฏิวัติของเรา
รักบ้านเกิดและพี่น้อง
ผ้าพันคอสีแดงสดปลิวไปตามหน้าอก
……”
เด็ก ๆ ร้องเพลงเสียงดังโดยมีผ้าพันคอสีแดงสดปลิวอยู่บนหน้าอก ครูเกษียณอย่างถานเชียนป๋อและจ้าวจงซิ่นก็ร้องเพลงตามเช่นกัน
เสียงร้องเพลงดังก้องไปทั่วโรงเรียนเก่า
“อย่ากลัวความยากลำบาก อย่าเกรงกลัวศัตรู
ศึกษาอย่างเหนียวแน่นและต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยว
เดินทัพไปสู่ชัยชนะอย่างกล้าหาญ !
เดินทัพไปสู่ชัยชนะอย่างกล้าหาญ เดินไปข้างหน้า !
เดินทัพไปสู่ชัยชนะอย่างกล้าหาญ !
เราคือผู้สืบทอดของลัทธิคอมมิวนิสต์ !
……”
หลังจากเสร็จพิธีเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสาแล้ว เด็ก ๆ ก็กลับเข้าห้องเรียน
ครูใหญ่จางพูดว่า “ตอนนี้มีเพียงสองห้องเรียนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงเปิดได้เพียงสองชั้นเรียน”
เหวินฮัวเหรินกล่าวว่า “ไม่สำคัญหรอกครับ ตอนนี้เราก็สอน 2 ชั้นเรียนนี้ไปก่อน เมื่อเราคุ้นเคยกับเด็ก ๆ และเข้าใจพื้นฐานของพวกเขาแล้ว เราจะแบ่งพวกเขาออกเป็นแต่ละชั้นตอนที่ย้ายไปโรงเรียนใหม่”
ถานเชียนป๋อกล่าวว่า “ในกรณีนี้ พวกเราทั้ง 8 คนจะผลัดกันเข้าสอน ครูใหญ่จาง คุณยังไม่ต้องเข้าสอนในตอนนี้หรอก ยังมีงานอีกมากที่คุณต้องเตรียมสำหรับการเปิดโรงเรียนใหม่ ดังนั้นคุณไปรับผิดชอบในเรื่องนั้นเถอะ”
“ได้ ! ”
ครูใหญ่จางพยักหน้า “ฉันขอมอบหมายงานสอนนี้ให้เป็นหน้าที่ของพวกคุณก็แล้วกัน”
ถานเชียนป๋อยิ้มและพูดว่า “ครูฮัวเหวิน คาบแรกคุณไปสอนภาษาจีนห้องเรียนเด็กโต ส่วนฉันจะไปสอนคณิตศาสตร์ห้องเด็กเล็ก”
“ไม่มีปัญหา ! ”
หลังจากที่ทั้งสองคุยกันแล้ว พวกเขาก็เดินไปที่ห้องเรียนของตน
จางเป่าชาน จ้าวจงซิ่น และครูผู้มีประสบการณ์อีกสี่คนก็เข้ามาในห้องเรียนตามลำดับ โดยพวกเขาวางแผนที่จะสังเกตการสอนเพื่อทำความเข้าใจพื้นฐานและความก้าวหน้าของเด็ก ๆ
ครูและเด็ก ๆ ทุกคนเข้ามาในห้องเรียนกันครบแล้ว จึงเหลือครูใหญ่จางเพียงคนเดียวในสนามเด็กเล่น เขามองดูทั้งสองห้องเรียน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองธงสีแดงที่โบกสะบัดอยู่ พลางยิ้มออกมา
จากนั้น เขาก็หันหลังกลับและเดินไปที่โรงเรียนใหม่
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋มาพบกับครูใหญ่จาง เขาก็เรียกหลี่เฉิงหรูมาพูดคุยกัน จากนั้นทั้งสามก็พูดคุยกันถึงเรื่องการก่อสร้างโรงเรียนใหม่และการซื้ออุปกรณ์ที่สำคัญในการสอน
ใช้เวลาเกือบชั่วโมง พวกเขาก็ตกลงกันได้ เจียงเสี่ยวไป๋จึงมอบเงิน 20,000 หยวนให้กับหลี่เฉิงหรูและขอให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้
“เถ้าแก่เจียง ไม่ต้องกังวล ผมจะทำให้ดี ไม่สิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดกับครูใหญ่จาง “ครูใหญ่จาง คุณก็ดูแลตัวเองให้ดีนะครับ ผมจะกลับไปก่อน จะกลับมาอีกทีในช่วงวันหยุดของฤดูหนาว”
“ทำไมรีบกลับขนาดนี้ล่ะ ? ”
ครูใหญ่จางมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ และพูดอย่างเสียดาย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ผมต้องไปที่ถู่เฉิงเพื่อทำธุระบางอย่าง”
ครูใหญ่จางพูดว่า “คุณไม่ไปบอกครูเหวินและคนอื่น ๆ ก่อนเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ผมได้บอกพวกเขาไปแล้ว ปล่อยให้พวกเขาสอนอย่างสบายใจเถอะครับ หากคุณต้องการอะไรเพิ่ม คุณสามารถโทรหาผมได้”
ครูใหญ่จางพยักหน้า “ตกลง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวลาครูใหญ่จาง เขาและหยางเจี๋ยพาเด็กทั้งสามคนไปเคารพหลุมศพของหลี่ม่านม่าน จากนั้นก็เดินทางออกจากหมู่บ้านซานฮวาพร้อมคนขับสามคนและคนงานอีกหกคน
หลังจากมาถึงถู่เฉิงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ชวนทุกคนมาทานอาหารและพูดว่า “หยางเจี๋ย ฉันอาจจะล่าช้าสักหน่อยเมื่อไปถึงถู่เฉิง ไม่แน่ใจว่าฉันจะกลับไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ เธอจะกลับไปก่อนไหม ? จะกลับกับฉันหรือนั่งรถตู้กลับไปก่อน ? ”
หยางเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ไปกับนายแล้ว เดี๋ยวฉันนั่งรถลุงหลี่กลับไปแล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเธอกลับไปก่อนเลยนะ”
หยางเจี๋ยพาหลี่เจี้ยนและหลี่คังขึ้นรถ จากนั้นทั้งสามคันก็กลับไปที่ชิงโจว ขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานยังคงอยู่ที่ถู่เฉิงต่อ
“ป่าป๊าคะ พวกเรามาทำอะไรที่ถู่เฉิงหรอคะ ? ”
“เพื่อนคุณตาของหนูทำงานที่นี่ พ่อจะไปเยี่ยมเขา”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ เขาก็ถามทางไปยังที่ว่าการอำเภอเมืองถู่เฉิง
ถู่เฉิงมีขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ว่าการอำเภออย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวไป๋กังวลว่าจะทิ้งลูกสาวของเขาไว้ตามลำพังในรถ เขาจึงพาเธอไปที่สำนักงานของนายอำเภอด้วย
ที่ว่าการอำเภอถู่เฉิงเป็นลานเก่าที่มีอาคารห้าหรือหกหลัง เป็นอาคารชั้นเดียวทั้งหมด สร้างขึ้นด้วยดินเหนียว มีขนาดกว้างขวางเล็กน้อย มันดูเหมือนบ้านจัดสรรในชนบท
“สวัสดีสหาย ขอโทษที”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่แน่ใจว่าจะไปที่อาคารไหน เมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนเดินออกจากอาคารโดยหนีบกระเป๋าเอกสารอยู่ใต้แขน เขาก็รีบก้าวไปข้างหน้าและถามทันที
ชายวัยกลางคนเหลือบมองมาที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “มีอะไรหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่จงฮั๋วให้เขาและพูดว่า “ไม่ทราบว่าสำนักงานของนายอำเภอหลัวอยู่ที่ไหนครับ ? ”
ชายวัยกลางคนรับบุหรี่มาและมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง มีคนไม่มากในถู่เฉิงที่สามารถสูบบุหรี่ยี่ห้อนี้ได้ การแต่งกายและสำเนียงของชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นคนพื้นถิ่นของถู่เฉิงเลย