ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 569 : ขึ้นเขาไปเจอพรานจาง
ตอนที่ 569 : ขึ้นเขาไปเจอพรานจาง
เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถจี๊ปกลับไปที่ชิงโจวอย่างสบาย ๆ
นี่มันก็ยังเช้าอยู่ ดังนั้นเขาจึงแวะไปที่ร้านตัดเสื้อก่อนพร้อมกับพาช่างตัดเสื้อกัวไปที่คลับเฮ้าส์ในเหมียววานเพื่อสั่งตัดชุดยูนิฟอร์มสำหรับพนักงานในคลับเฮ้าส์ทุกคน
โดยพนักงานแต่ละคนจะได้ยูนิฟอร์มคนละ 2 ชุด
หลังจากเสร็จธุระแล้ว เขาก็มาที่โรงงานฟิล์มพลาสติกอีกครั้งเพื่อพบกับหวังชิ่งซี หลังจากที่ได้อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างเสร็จแล้ว เขาก็ปล่อยให้หวังชิ่งซีจัดการเอง และหลังจากไปตลาดเพื่อซื้อผักเสร็จแล้ว เขาก็จะรีบกลับไปที่เจียงวาน
และเมื่อเขากลับถึงบ้าน ก็ได้เห็นว่ามีเพียงหลินเจียอินกับเจียงชานและเจียงถิงเท่านั้นที่อยู่บ้าน
“พ่อกับแม่ไปไหนเหรอ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถาม
หลินเจียอินกล่าวว่า “พ่อ ลุงใหญ่ และอาสามไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อตัดต้นไม้ไว้เผาถ่าน ส่วนแม่ก็ไปสับฟืน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ผมบอกพวกเขาไปแล้วว่าเราไม่จำเป็นต้องขึ้นเขาไปตัดฟืนในปีนี้ ทำไมถึงไม่ฟังกันเลยนะ ? ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “พวกเขาก็แค่ผู้สูงอายุหัวแข็ง ช่างเถอะ ต่อให้คุณห้ามพวกเขาไม่ให้ทำ พวกเขาก็ไม่ฟังคุณหรอก แล้วถ้าขืนพูดออกไปบ่อย ๆ อาจจะทะเลาะกันได้ ฉะนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาทำไปเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเข้าใจ “ดูเหมือนผมต้องเร่งสร้างศูนย์กิจกรรมของชาวบ้านให้เสร็จโดยเร็ว เพราะถ้าร้านค้าในศูนย์กิจกรรมเปิดตัวเมื่อไหร่ พวกเขาก็ไม่มีเวลาไปสับฟืนแล้ว”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ตอนนี้ทุกครัวเรือนต่างก็มีงานยุ่งกัน เพราะพวกเขากำลังสร้างบ้านใหม่ของตัวเองหรือไม่ก็เดินทางไปเก็บฟืนสำหรับฤดูหนาว พวกเขาจะมีเวลาไปสร้างศูนย์กิจกรรมหมู่บ้านได้อย่างไร ? ฉันเกรงว่าจะต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิหน้า”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่ออีกว่า “นั่นมันง่ายมาก ผมจะคุยกับจวงปี้เฉิงพรุ่งนี้ และขอให้เขาส่งทีมงานก่อสร้างมา มันจะต้องสร้างเสร็จภายในสิบวัน”
แต่ถ้าหากว่าย้ายทีมก่อสร้าง เธอจะต้องจ่ายเงินเอง แต่หลินเจียอินก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เธอเห็นด้วย เพราะตอนนี้พ่อแม่สามีของเธออายุมากขึ้นแล้ว และเธอก็ทนเห็นพวกเขาทำงานหนักขนาดนี้ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย ก่อนที่พูดว่า “ตอนนี้มีโครงการมากมาย จวงปี้เฉิงยังหาคนมาได้อยู่เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ในปีหน้ามีโครงการขนาดใหญ่มากมายก็จริง แต่ผมขอให้เขาหารับสมัครคนแล้ว เขาก็น่าจะพอหามาได้ เพราะงั้นคุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”
หลินเจียอินพยักหน้า ตอนนี้เธอเชื่อใจเจียงเสี่ยวไป๋มากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเชื่อว่าเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ จากนั้นก็ก้มลงมองดูท้องของเธอแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล วันมะรืนหรือไม่ก็อีกสองสามวันนี้ ผมจะต้องไปที่ถู่เฉิงอีกแล้ว”
“อืม ! ”
หลินเจียอินพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและไม่ถามคำถามอะไรอีก
ทั้งสองคุยกันสักพัก ก่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋จะขอให้หลินเจียอินเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ในขณะที่เขาสะพายตระกร้าเตรียมออกไปข้างนอก
เฮ้อ…พ่อแม่ของเขาไม่ยอมฟังเขาเลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามไปช่วย
ภูเขาต้าชิงอยู่ด้านหลังบ้านหลังเก่าของเขา แน่นอนว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะต้องผ่านบ้านหลังเก่าก่อนขึ้นไปบนภูเขา
บริเวณบ้านเก่ายังคงคึกคักไม่เปลี่ยน เดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นผู้คนกำลังสร้างบ้านหลังใหม่ของตนเอง
“เสี่ยวไป๋ ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ ? ”
“เสี่ยวไป๋, วันนี้ว่างหรือ ! ”
“พี่เจียง มาดื่มชาที่บ้านฉันก่อนสิ ! ”
“เสี่ยวไป๋ มาทำอะไรที่นี่หรือ ? ”
“แล้วนั่นทำไมยังสะพายตระกร้าอยู่อีก ? ”
“เสี่ยวไป๋…”
“……”
เมื่อผู้คนในหมู่บ้านเห็นเจียงเสี่ยวไป๋สะพายตระกร้าบนหลังของเขา พวกเขาต่างก็ประหลาดใจและเริ่มที่จะทักทายเขาทีละคน
เจียงเสี่ยวไป๋ไล่ตอบรับทีละคน “พวกลุงทำงานของตัวเองเถอะ ผมไม่แวะแล้ว พ่อกับแม่ของผมขึ้นไปตัดฟืนบนเขา เพราะงั้นผมเลยจะไปหาพวกเขาก่อน”
ผู้คนในหมู่บ้านต่างหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เสี่ยวไป๋ ไปช่วยพวกเขาหรือจะไปเพิ่มภาระให้พวกเขากัน”
“ก็ใช่ ถ้าหากว่าบ้านของคุณต้องการฟืน ฉันจะเอาฟืนไปให้ที่บ้านสักสองสามมัด”
“ทำไมต้องรอพรุ่งนี้ล่ะ ? ฉันจะส่งไปให้ในอีกสักครู่นี้นี่แหละ”
“ฟืนที่บ้านเธอไม่ดี มันก็แค่ไม้ที่สับอย่างลวก ๆ แต่ฟืนที่ฉันสับทั้งหมดคือต้นพะยูง เผาแล้วสามารถเอาถ่านมาให้ฉันได้”
“เสี่ยวไป๋ อย่าไปเลย มานี่มา มานั่งพักที่บ้านของฉันก่อน”
“ใช่แล้ว ลุงเจียงและป้าหวังเองก็เช่นกัน ปีนี้ฉันบอกพวกเขาไปแล้วว่าอย่าสับฟืนและเผาถ่าน ปีนี้ฉันจะหาฟืนและถ่านให้เอง”
“เสี่ยวไป๋ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ฟืนของหมู่บ้านเราไม่ขาดแคลน”
“……”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกขอบคุณและรีบพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ พ่อกับแม่ผมอยู่บนเขาแล้ว”
เกือบทุกครั้งที่เขาเดินไปบ้านหลายหลัง เขาจะเจอการทักทายในทำนองเดียวกัน ทำให้เขาต้องเสียเวลาพูดคุยอยู่นาน
ในที่สุด หลังจากที่เดินขึ้นไปบนภูเขาที่มีป่าขึ้นรกอย่างหนาแน่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ในวันที่เขากลับมาเกิดใหม่ เขาก็ได้ขึ้นไปบนภูเขาและล่าสัตว์บนภูเขาด้วยธนูและลูกธนูทำเอง จากนั้นเขาก็ได้ทุนมาเริ่มต้นทำธุรกิจของเขา
วันนี้เขาขึ้นเขามาอีกครั้ง เขาไม่ได้มาล่าสัตว์ แต่ต้องมาตัดฟืนแทน
ดังคำกล่าวที่ว่าอยู่ติดภูเขาพึ่งพาภูเขา อยู่ติดน้ำหากินในน้ำ คำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริง เพราะภูเขาต้าชิงและแม่น้ำชิงเจียงได้หล่อเลี้ยงชาวเจียงวานมารุ่นต่อรุ่น
ในขณะที่เขาถอนหายใจออกมานั้น ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังเข้ามา
“เสี่ยวไป๋ ทำไมถึงขึ้นมาบนภูเขาล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นมองและเห็นพรานจางกำลังเดินลงเขามาพร้อมปืนบนไหล่ของเขา และมีไก่ฟ้าสีทองและกระต่ายอยู่ในมืออย่างละตัว
“เฮ้ นี่ลุงจาง คุณล่าสัตว์มาด้วย ! ”
พรานจางหัวเราะและพูดว่า “วันนี้ฉันโชคดีที่ล่าสัตว์มาได้สองตัว หลังจากที่ฉันขึ้นไปบนภูเขาไม่นาน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เลว เย็นนี้ลุงมีของอร่อยกินแล้วนะครับ”
ในขณะที่พูดคุยกัน ทั้งสองคนต่างก็เดินไปข้างหน้าด้วยกัน
พรานจางมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เขายกมือขึ้นแล้วส่งไก่ฟ้าสีทองให้ “ลุงให้”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมืออย่างเร่งรีบ “ลุงจาง ไม่เป็นไร”
พรานจางแสดงความไม่พอใจบนใบหน้า: “ทำไม ? รังเกียจกันเหรอ ! ”
คนในชนบทแปลกมาก ถ้าเขาให้ของแล้วคุณไม่รับ เขาจะบอกว่าคุณไม่ชอบเพราะรังเกียจหรือเพราะดูถูกพวกเขา
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็หมดคำจะพูด เขาจึงพูดติดตลกว่า “ลุงจาง ลุงเป็นนักแม่นปืน ผมจะไปกล้าดูถูกลุงได้อย่างไร ถ้าเกิดว่าลุงจ่อปืนมาทางผม ผมก็คงจะยอมจำนนอย่างเชื่อฟัง ! ”
พรานจางหัวเราะเสียงดัง เขามีความสุขที่สุดหลังจากที่ได้รับการยกย่องจากความเป็นนักแม่นปืนของเขา
สิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดนั้นมันโดนใจเขามากจริง ๆ
เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รีบรับไปเลย ไม่งั้นลุงจะเล็งปืนไปที่นายจริง ๆ นะ ! ”
เมื่อเห็นว่าเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับมันไว้
เขาถือไก่ฟ้าสีทองไว้ในมือและกะน้ำหนักมัน อย่างน้อยน่าจะสี่หรือห้าชั่ง
ปัจจุบันไก่ฟ้าสีทองขายได้ในราคาชั่งละ 3 หยวน ซึ่งไก่ฟ้าตัวนี้มีมูลค่าอย่างน้อยสิบกว่าหยวน
“ขอบคุณนะครับลุงจาง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณเขา ก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้พรานจาง จากนั้นก็ใช้ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งจุดบุหรี่ให้เขา
หลังจากจุดบุหรี่แล้ว พรานจางยังคงจ้องมองที่ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งในมือของเจียงเสี่ยวไป๋ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวไป๋ เมื้อกี้ใช้อะไรจุดบุหรี่ ? ”