ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 573 : ไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจได้
ตอนที่ 573 : ไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจได้
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เฉินหยวนชางและคนอื่นก็รู้สึกตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะลงทุนด้วย ! ”
“ฉันก็จะเอาด้วยเหมือนกัน ! ”
“มันเป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แม้ว่าบ้านใหม่จะยังสร้างไม่เสร็จ แต่ฉันก็ยินดีจะเอาเงินไปลงทุนก่อน”
“ใช่ ฉันต้องลงทุน อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องกังวลถ้าเราได้ลงทุนร่วมกับเสี่ยวไป๋”
“อนาคตเราก็จะเป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกัน ฮ่าฮ่า…”
“……”
เกือบทุกคนเต็มใจที่จะติดตามเจียงเสี่ยวไป๋อย่างใกล้ชิด
เพราะพวกเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา
ดูสิ……แค่ขึ้นไปช่วยขนฟืนบนภูเขา ก็เจอเรื่องดี ๆ แบบนี้แล้ว
ฉะนั้นพวกเขาต้องปฏิบัติต่อลุงไห่หยางและป้าหวังเหมือนกับเป็นพ่อแม่ของพวกเขาอีกคน เพราะการที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องขึ้นไปขนฟืนนี้ก็เพราะไม่อยากทำให้พ่อแม่ของเขาต้องเหนื่อยไม่ใช่หรือ ?
จากนี้ไปเราจะปล่อยให้ผู้เฒ่าสองคนทำงานหนักขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้ว
หากผู้เฒ่าทั้งสองยังทำงานหนัก ก็แสดงว่าเราไม่กตัญญู !
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าเฉินหยวนชางและคนอื่นมีความคิดเช่นนี้ เขาจึงพูดคุยกับพวกเขาตลอดทางเกี่ยวกับวิธีการบริหารบริษัทขายผักในอนาคต จนไม่นาน พวกเขาก็เข้าใกล้ยอดเขาโดยไม่รู้ตัว
“พี่ ดูสิ…”
เจียงไห่โปเห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามา เขาก็ชี้ไปที่ฝูงชนที่เดินขึ้นมาบนยอดเขา แล้วเรียกเจียงไห่เทียน
เจียงไห่เทียนและเจียงไห่หยางหยุดเลื่อยไม้ และหันกลับไปก็เห็นเฉินหยวนชางและคนอื่นเดินมาพร้อมกับเจียงเสี่ยวไป๋ พวกเขากำลังพูดคุยและหัวเราะกัน ทำให้ทั้งคู่งุนงง
“ทำไมเสี่ยวไป๋ถึงพาคนมาที่นี่มากมายขนาดนี้”
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร ! ”
เจียงไห่เทียนและเจียงไห่หยางพึมพำออกมาสองสามคำ ซึ่งในตอนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋และคนอื่น ๆ ก็เดินมาถึงแล้ว
“ลุงไห่เทียน ! ”
“ลุงไห่หยาง ! ”
“ลุงไห่โป ! ”
“……”
เฉินหยวนชางและคนอื่นทักทายทั้งสามคน หูฉางจวินก้าวไปข้างหน้า หยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้พวกเขาทีละคน
“เอ่อ…นี่คือ…”
เจียงไห่เทียนมองไปที่คนกลุ่มนี้แล้วถามด้วยความประหลาดใจ
เฉินหยวนชางหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เราเห็นเสี่ยวไป๋ถือฟืนลงมา เราก็เลยมาดูว่ามีมากแค่ไหน จะได้ช่วยขนลงไป……”
เจียงไห่หยางเป่าเคราและจ้องมองพวกเขา “พวกนายไม่ได้มาเพื่อก่อกวนใช่ไหม ! ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ “แกนี่มันยังไงนะ ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมาช่วย พอแกมา คนอื่นเห็น คนอื่นก็ต้องมาช่วย เห็นไหมว่ามันทำให้งานการของคนอื่นล่าช้าไปด้วย ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถูกเข้าใจผิดแล้ว เขาไม่คิดว่าคนกลุ่มนี้จะมาด้วยนี่นา !
เมื่อหูฉางจวินเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ถูกตำหนิ เขาก็รีบพูดว่า “ลุงไห่หยาง ได้โปรดอย่าดุเสี่ยวไป๋เลย ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมให้พวกเรามาหรอก แต่เรามาด้วยความเต็มใจ”
“ครับลุงไห่หยาง ผมเองก็ไม่มีอะไรทำ ขึ้นมาแบกฟืนบ้าง ถือเป็นการยืดเส้นยืดสาย”
“ผมอยู่ในโรงเรือนกระจกมาหลายวันแล้ว มันน่าเบื่อ เลยอยากขึ้นมาบนภูเขาเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง”
“ใช่แล้ว อากาศบนยอดเขานี้ดีมาก สดชื่นทุกครั้งที่หายใจ”
“ช่วงนี้ผมกินเนื้อเยอะไปหน่อย อีกอย่างผักในโรงเรือนก็เก็บไปบ้างแล้ว เลยไม่ค่อยมีอะไรทำ ลุงไห่หยางไม่รู้หรอกว่าคนอย่างผมถ้าไม่มีอะไรทำจะรู้สึกกลุ้มใจแค่ไหน”
“ส่วนผมชอบความตื่นเต้น หากทุกคนมาแล้วผมไม่มา ผมคงเหงาน่าดู”
“ฉางปิงอยากแข่งกับผมว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน ผมก็เลยตัดสินใจมาเพื่อแข่งกับเขาดูว่าใครจะขนฟืนได้มากกว่ากันโดยที่ห้ามพักระหว่างทาง”
“แข่งก็แข่งสิ ผู้ชนะจะได้ล่าเถียวหนึ่งห่อ ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของแต่ละคน เพราะสิ่งที่พวกเขาพูดออกมา มันดูไร้สาระเกินไป !
นี่ช่วยหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ได้ไหม ?
หรือไม่ก็หาเหตุผลที่จริงใจกว่านี้ก็ได้ !
เจียงไห่เทียนและเจียงไห่โปส่ายหัวเมื่อได้ยินเหตุผลของเฉินหยวนชางและคนอื่น
เจียงไห่หยางเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แต่เขาก็ยังไม่สามารถพูดอะไรได้
เฮ้อ……บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้ลูกชายของฉันโด่งดังมาก และไม่มีใครในหมู่บ้านที่จะยอมทนปล่อยให้เขาต้องมาลำบากแบบนี้ได้
ลองนึกถึงอดีต ลูกชายคนนี้เป็นแค่หนูตัวหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะไปไหนทุกคนต่างก็ตะโกนไล่เขาและทุบตีเขา
แต่ดูตอนนี้สิ หลังจากที่ฉันดุเขาไปไม่กี่คำ ทุกคนก็ออกมาพูดเพื่อปกป้องเขา
ปกป้องยิ่งกว่าเขาที่เป็นพ่อเสียอีก
ไม่สำคัญว่าเหตุผลที่ให้มานั้นจริงหรือเท็จ !
พูดสั้น ๆ คือในขณะนี้หัวใจของเจียงไห่หยางเต็มไปด้วยความตื้นตัน
“ขอบคุณทุกคนที่มีน้ำใจ แต่วันข้างหน้าก็ไม่ต้องหรอก เพราะมันจะทำให้งานของทุกคนล่าช้า มันจะทำให้ฉันรู้สึกแย่กับเรื่องนี้”
เจียงไห่หยางพูดกับทุกคนขณะยกมือขึ้น
เฉินหยวนชางพูดเสียงดัง “ลุงไห่หยาง ลุงสามารถสั่งเสี่ยวไป๋ได้ แต่ลุงไม่สามารถสั่งพวกเราได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลุงขึ้นมาตัดฟืน พวกเราก็จะขึ้นมาช่วยขนฟืน”
หูฉางจวินกล่าวว่า “ใช่แล้ว ลุงไห่หยาง ฉันเต็มใจจริง ๆ ”
“ใช่ครับ ลุงไห่หยาง ถ้าลุงขึ้นเขาเมื่อไหร่ ผมก็จะมาช่วย”
“ผมด้วย ! ”
“ผมก็มาเหมือนกัน ! ”
“ผมอีกคน ! ”
“……”
คนอื่นเองก็ตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
เจียงไห่หยางมองดูพวกเขาด้วยความประหลาดใจ และไม่สามารถปฏิเสธพวกเขาได้
คนเขามีเจตนาดี แล้วเขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาไม่ต้องการฟังพ่อของเขาบ่น ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เฉินหยวนชางและคนอื่นพูดแทนให้
วิธีการไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์
ตราบใดที่พ่อกับแม่ไม่ต้องทำงานหนัก เขาก็พอใจแล้ว
ทว่าในตอนนั้น หวังซิ่วจวี๋ก็เดินมาจากอีกด้านหนึ่ง เธอดูสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นคนมากมายมายืนออกันที่นี่ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ?
หลังจากที่เจียงไห่โปกระซิบบอกเธอ เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
สิ่งที่ยากจะปฏิเสธที่สุดในโลกนี้คือความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ต้องการความช่วยเหลือนั้นก็ตาม
เฉินหยวนชางพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ อย่ามัวเสียเวลาเลย ขนฟืนกลับลงไปข้างล่างก่อนเถอะ”
“ใช่ ใช่ ขนฟืนก่อน ! ”
“เอาล่ะ เอามาให้ฉันก่อน ! ”
“ฉันขอเยอะ ๆ ! ”
“……”
“อย่ามาแย่งกับฉันนะ ! ”
“นี่…..เหลือไว้ให้ฉันด้วย ! ”
“……”
หวังซิ่วจวี๋สับฟืนเพียงสิบตะกร้า แต่มีคนมามากกว่า 20 คน จึงใช้เวลาไม่นานในการขนฟืนทั้งหมดที่อยู่บนพื้นลงไป
ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่มีฟืนให้ขน
“ป้าหวัง ตรงนั้นสับไว้แล้วแต่ยังไม่ได้มัดใช่ไหม ไปมัดแล้วขนกลับกันเถอะ” หูฉางปิงชี้ไปอีกด้านหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา
หยางฉางฮุยและคนอื่นมองดูและเห็นว่ามีฟืนจำนวนมากกระจายอยู่บนพื้นโดยที่ยังไม่ได้มัดรวมกัน ส่วนใหญ่ยังคงมีใบไม้ติดอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งจะตัดมา
“ไปเถอะ รีบมัดแล้วขนกลับลงไป”
“เอาล่ะ ฉันเอาตะขอและเชือกมาด้วย”
“ฉันก็เอามาเหมือนกัน ! ”
“……”
คนที่เหลือเดินไปเก็บฟืนตรงนั้น หวังซิวจวี๋เห็นจึงรีบพูดว่า “ไอ้หยา อย่าเพิ่ง ฟืนยังเปียกอยู่ ปล่อยให้มันตากแดดอยู่ที่นี่จนแห้งก่อน แล้วค่อยกลับมาขนลงไปทีหลัง”
“ป้าหวัง ไม่เป็นไร”
“ใช่แล้ว พวกเราจะแบกมันลงไปให้ที่บ้านก็แล้วกัน ! ”
“……”