มู่หนานจือ - บทที่ 443 ผ้าห่ม
ฟ้องใครดี?
เจียงเซี่ยนตะกุกตะกัก ยังไม่มีคนที่เหมาะสมจริงๆ!
หลี่เชียนหัวเราะและตบนางสองอีกที แล้วก้มลงมากระซิบข้างหูนาง “แต่งมาตระกูลหลี่ของพวกเรา เกิดเป็นคนของข้า ตายเป็นผีของข้า อยากฟ้อง ไม่มีทางด้วยซ้ำ!”
เจียงเซี่ยนอายจนหน้าแดงก่ำ และจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงตะโกนว่า “ข้าจะไปบอกท่านพ่อ!”
หลี่เชียนอึ้งไป
ถูกกลั่นแกล้งแล้ว มีแต่บิดามารดาของตนเองเท่านั้นที่จะสามารถตะโกนให้พวกเขาออกหน้าให้ตนเองอย่างกำเริบเสิบสานและไร้ความเกรงกลัวแบบนี้ได้ เป่าหนิงของเขา…เห็นบิดาของเขาเป็นเหมือนบิดาของนางแล้วกระมัง?
นี่ก็คือสิ่งที่หลี่เชียนต้องการในชีวิตไม่ใช่หรือ!
ครอบครัวที่มีความสุข งานที่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คน…ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีทุกอย่างแล้ว ชีวิตเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว
“เป่าหนิง!” เขาฝืนอดกลั้นความตื่นเต้นในใจเอาไว้ หางตาปรากฏประกายน้ำตาที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันแวบหนึ่ง เขากอดเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขน แล้วแนบหน้ากับนาง พลางหัวเราะเสียงทุ้มและเอ่ยว่า “เจ้าช่างรู้จักหาคนจริงๆ…ท่านพ่อชอบเจ้าขนาดนั้น หากเจ้าไปฟ้องข้าต่อหน้าเขา เขาอาจจะมัดข้าไว้และตีจริงๆ ก็ได้!”
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าหน้าร้อนมากขึ้นแล้ว
หลี่เชียนก็หอมแก้มนาง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าคิดถึงเจ้าอยู่ทุกวัน เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่? เจ้ายังหยอกข้าเล่น ข้าส่งของขวัญวันเกิดให้เจ้า เจ้าก็ไม่บอกว่าได้รับหรือยัง เดิมทีข้าก็รู้สึกว่าทำผิดต่อเจ้าอยู่แล้ว วันเกิดแรกที่เจ้ามาตระกูลหลี่ ข้าก็ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเจ้าได้ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นข้ารู้สึกตื่นตระหนกแค่ไหน กลัวเจ้าไม่ได้รับ กลัวเจ้าโกรธ กลัวเจ้าคิดว่าข้าละเลยเจ้า…”
เขาพูดจนหัวใจของเจียงเซี่ยนอุ่นและร้อนเหมือนแช่อยู่ในน้ำร้อน
นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างขาดความมั่นใจว่า “เช่นนั้นเจ้ายังผ่านประตูบ้านแล้วไม่เข้า ไปเฝินหยางก่อน ถึงจะมาเยี่ยมข้า…”
เจียงเซี่ยนเพียงแค่คิดจะจงใจจับผิดเล็กน้อย ทำให้ผู้ชายคนนี้สงสารนางและตั้งใจปลอบนาง
“ต่อไปไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ดีหรือไม่?” หลี่เชียนประคองใบหน้าของนาง ดวงตาที่มองนางสว่างไสวและแวววาวเหมือนดาวทั้งท้องฟ้าสะท้อนกลับหัวอยู่ในนั้น “นี่ข้าก็อยากรีบทำงานให้เสร็จ จะได้กลับมาเยี่ยมเจ้าเร็วหน่อยไม่ใช่หรือ?”
เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างลังเลว่า “เช่นนั้น…เช่นนั้นเจ้ายังไปอีกหรือไม่?”
“ไม่ไปแล้ว!” หลี่เชียนยิ้มพลางฉกจูบปากนางทีหนึ่ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ครั้งนี้ข้าไปส่านซีพร้อมกับเจ้า แล้วก็ติดต่อกับขุนนางระหว่างทาง ใครจะรู้ว่าจะได้ใช้ความสัมพันธ์พวกนี้เมื่อไร?”
นี่ก็คือสาเหตุที่ขุนนางแต่ละที่มอบของพื้นเมืองล้ำค่าให้ขุนนางใหญ่ที่ปกครองมณฑลต่างๆ ที่ผ่านเช่นกัน…หากคนไหนเข้าสำนักราชเลขาธิการ ทั้งสองฝ่ายผูกมิตรกันแล้ว จะได้ขอตำแหน่งทำงาน!
เจียงเซี่ยนทำหน้ามุ่ย และบอกเรื่องที่ไช่ซวงจะมาเป็นรองที่กองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีกับหลี่เชียน แล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ชอบคนของตระกูลไช่ พวกเขาล้วนวางตัวแตกต่างกันตามทรัพย์สินและฐานะ ชอบหาช่องทางประจบผู้มีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง ไม่มีคุณสมบัติ เจ้าไปแล้วคิดหาทางเตะเขาออกไป พวกเราไม่จำเป็นต้องให้เขาไปขอเงินเดือนทหารกับยุทธปัจจัยที่เมืองหลวง!”
“ได้!” หลี่เชียนมองนางอย่างอ่อนโยนมาก และรับปากอย่างเต็มปากเต็มคำ
ทว่านี่กลับทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย นางบอกเรื่องของคังเสียงอวิ๋นและเจิ้งเจียนกับหลี่เชียน “ข้าคิดจะให้ท่านทั้งสองเป็นอาจารย์ไปก่อนชั่วคราว ไว้ผ่านไปสักระยะ พวกเราต่างมั่นคงแล้ว ค่อยเชิญอาจารย์มาคนหนึ่ง อาจารย์คนนี้ก็รับผิดชอบสอนหนังสือ ท่านคังกับท่านเจิ้งจะได้ว่างมาช่วยเจ้าทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเจิ้ง ถึงจะหน้าตาธรรมดา แต่กลับทำงานค่อนข้างมีระเบียบ ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่รักชาติคนหนึ่ง เจ้าลองใช้ดูก็ได้”
หลี่เชียนยิ้มพลางพยักหน้า เหมือนนางพูดอะไรก็ถูกหมด ท่าทางเหมือนคนที่โง่เขลาและไร้ความสามารถ
ทว่าเจียงเซี่ยนรู้จักเขาดีมาก จึงไม่เชื่อว่าตนเองพูดอะไรเขาก็จะเชื่อฟังอย่างนั้นอย่างสิ้นเชิง นางอดไม่ได้ที่จะหยิกแขนของเขา และเอ่ยอย่างแสร้งทำเป็นโกรธว่า “เจ้าได้ฟังสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่กันแน่?”
“ฟังแล้ว ฟังแล้ว!” หลี่เชียนรีบเอ่ย “ตอนที่ข้าอยู่ระหว่างทาง อวิ๋นหลินส่งนกพิราบสื่อสารไปหาข้า และเล่าพวกเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้ากะว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมท่านคังกับท่านเจิ้งแต่เช้า ส่วนเรื่องที่เจ้าบอกให้เตะไช่ซวงออกไป ไว้ข้าเจอเขาแล้ว ค่อยตัดสินใจหลังจากดูว่าเขาเป็นคนอย่างไรก็ไม่สายเช่นกัน ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่เคยเจอคนๆ นี้ จึงไม่รู้นิสัยของเขา ต่อให้อยากเตะคนออกไป ก็ต้องเตะอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาและมีเหตุผลเพียงพอเช่นกันกระมัง?”
ถือว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้ตอบนางอย่างขอไปทีส่งเดช!
เจียงเซี่ยนทำเสียงไม่พอใจ ในที่สุดก็จบเรื่องนี้
หลี่เชียนอุ้มนางขึ้นมาด้วยสองมือและขึ้นเตียง
เจียงเซี่ยนตกใจมาก และรีบตีแขนเขา “เฮ้ เฮ้ เฮ้ เจ้ารับปากเสด็จยายไว้นะ”
หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไร? ดึกมากแล้ว เจ้ายังไม่เหนื่อยอย่างนั้นหรือ? ข้าจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าและออกเดินทางแต่เช้าอีก!” เขาเอ่ยจบก็วางเจียงเซี่ยนลงบนเตียง และหันตัวไปถอดเสื้อผ้า
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าตนเองเข้าใจหลี่เชียนผิดแล้ว จึงก้มหน้าลงอย่างละอายใจ พลางถอดเสื้อคลุมยาวที่คลุมอยู่ด้านนอกทั้งที่หน้าแดง และมุดเข้าไปในผ้าห่มที่ยัดโถน้ำร้อนเอาไว้
ไม่นาน หลี่เชียนก็สวมแค่เสื้อชั้นในและขึ้นเตียงเช่นกัน
เขาหาวพลางเลิกผ้าห่มของเจียงเซี่ยนออกแล้วนอนลง
“เฮ้ย!” เจียงเซี่ยนเกือบจะดีดตัวขึ้นมา
เมื่อก่อนพวกนางต่างคนนอนต่างนอนผ้าห่มของตนเอง
“นอนเถอะ!” ทว่าหลี่เชียนกลับหลับตาแล้ว และพลิกตัวกอดเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขน แล้วหาวพลางเอ่ยอย่างสะลึมสะลือว่า “ข้าไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว เด็กดี มีอะไรพวกเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ได้หรือไม่? ข้าลืมตาไม่ขึ้นแล้ว…”
เจียงเซี่ยนใจอ่อน แต่ก็ยังตัดสินใจลุกขึ้นปลุกหลี่เชียน
ทว่าตอนที่นางหันหน้าไปเห็นความเหนื่อยล้าอย่างลึกซึ้งบนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของหลี่เชียน นางก็ปลุกเขาไม่ลงจริงๆ
เขาน่าจะเหนื่อยเกินไป และปกติก็นอนคนเดียวจนชินแล้ว ถึงได้เห็นผ้าห่มก็มุดเข้ามากระมัง?
และเขาเหนื่อยขนาดนี้ นอนลงก็หลับทันที ยังจะมีแรงกายแรงใจทำอย่างอื่นที่ไหนกัน?
เจียงเซี่ยนหาข้ออ้างให้หลี่เชียนอย่างเงียบๆ ในใจ และถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วก็จำต้องปล่อยให้หลี่เชียนกอดตนเองและหลับไป
นางจึงไม่เห็นว่ามุมปากของหลี่เชียนยกขึ้นเล็กน้อย
แต่กลางดึกเจียงเซี่ยนกลับตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยไม่สามารถอธิบายได้ นางรู้สึกว่าตรงเอวร้อนมาก เหมือนย่างชิดอยู่ข้างเตาไฟ ไม่เพียงแต่หายใจไม่ค่อยสะดวก ทว่ายังเหงื่อออกด้วย
นางขยับอย่างกึ่งฝันกึ่งตื่น แต่ตรงเอวกลับถูกรัดแน่นขึ้น
เจียงเซี่ยนถึงพบว่า ที่แท้ไม่รู้ว่ามือของหลี่เชียนยื่นเข้ามาในชายเสื้อของนางตั้งแต่เมื่อไร และโอบอยู่บนเอวของนางโดยตรง
ทั้งตัวนางร้อนขึ้นมาอย่างเร็วมากเหมือนจุดไฟ นางดิ้นอยากจะออกไป แต่เสียงพึมพำอย่างคลุมเครือของหลี่เชียนกลับดังมาข้างหู “อย่าขยับ…เจ้าให้ข้านอนอย่างเต็มที่สักตื่น…เหนื่อยเกินไปแล้ว…”
ท่ามกลางความมืด เจียงเซี่ยนตัวแข็งทื่อทันที
กับคนที่รีบเดินทางอย่างสุดกำลังทั้งวันทั้งคืนจนอ่อนเพลียไปทั้งตัวเพื่อให้ได้เจอนางในเร็ววัน ตอนที่เขาไม่ตื่นจะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ไปทำไม?
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ยินอยู่ดี และเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมรับผิดด้วย
เจียงเซี่ยนคิด พอเห็นหลี่เชียนนอนหลับลึกจริงๆ จึงจำต้องหลับตานอนอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น ตอนที่นางตื่นมา หลี่เชียนก็ไม่อยู่บนเตียงแล้ว
ฉิงเค่อบอกนางว่า “ใต้เท้าฝึกมวยอยู่ที่เรือนด้านหลังเจ้าค่ะ! บอกว่าหากท่านหญิงตื่นแล้ว ก็ให้พวกเราไปเรียกเขา เขาจะได้รับประทานอาหารเช้าพร้อมกับท่าน”
ขี่ม้าไม่ได้ เลยเปลี่ยนเป็นฝึกมวยหรือ?
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “อืม” และนอนอยู่ในผ้าห่มพักหนึ่งถึงจะลุกจากเตียง
————————————-