ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1151 ค้นหา (1)
เอินไหน่ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาใต้แสงเทียนสลัว
“อึก...”
นางนวดเบ้าตาอย่างเจ็บปวด ก่อนลุกขึ้นจากเตียงที่สกปรก
‘ข้า…อยู่ไหน’ นางผุดสีหน้าซึมเซา สมองสับสน จำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมตนจึงมาอยู่ที่นี่
สิ่งที่นางจำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ นางเป็นสตรียากจนธรรมดาคนหนึ่ง บิดามารดาทำงานหาเงินอยู่ด้านนอกทั้งวันทั้งคืน พี่ชายเพียงคนเดียวก็ด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุก่อนหน้า
ตอนนี้นางมีหน้าที่ดูแลงานบ้าน ทำกับข้าว ซักผ้า ทำความสะอาด นางเป็นคนเหมางานใช้แรงทั้งหมด
‘อ้อ จริงสิ ข้าควรไปล้างผัก อีกเดี๋ยวท่านพ่อจะกลับมาแล้ว ถ้าท่านพ่อพบว่าข้าหลับจนลืมทำกับข้าวง คงต้องตีข้าแน่!’
เอินไหน่พลันได้สติ รีบลุกขึ้น สวมเสื้อผ้า แล้วออกจากห้องนอน
ในสถานที่ที่นางไม่ทันสังเกตเห็น ดวงตาคู่หนึ่งมองนางอยู่เงียบๆ มองนางล้างผักหุงข้าวอย่างเซื่องซึม และซักผ้าอย่างทุลักทุเล
“อีกไม่นาน นางจะสร้างความรักล้ำลึกกับบิดามารดา จากนั้นจะเสียพวกเขาไปในอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง จากนั้นนางจะถูกข่มขืนเสียความบริสุทธิ์เพราะเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย โดนแทงตาบอดขณะข ขัดขืน เสียแขนข้างหนึ่ง เสียขาข้างหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนแก่ตาย”
ในโถงมืดมิด ลู่เซิ่งและหลี่ซุ่นซีมองดูม่านน้ำขนาดใหญ่ที่กระเพื่อมอยู่ด้านหน้า
หลี่ซุ่นซีมองสีหน้าเยือกเย็นของลู่เซิ่ง อดตัวสั่นไม่ได้
“จากนั้นล่ะขอรับ” เขาถามอย่างไม่รู้สึกตัว
“จากนั้นหรือ?” ลู่เซิ่งหันหน้ามา จอภาพตรงหน้าสลายไปเอง “จากนั้นนางจะเสียความทรงจำอีกครั้ง บทละครบทเดิมเล่นอีกรอบ สัมผัสกับความเจ็บปวดที่ข้าสูญเสียครอบครัวใหม่ ความเจ็บปวดที่ นางสร้างขึ้นมาจะถูกแปลงเป็นแหล่งพลังที่ข้าใช้สร้างภาพฝันนี้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนางสูญเสียความเจ็บปวดและความโศกเศร้า กลายเป็นมนุษย์ตายซาก”
“แบบนี้จะน่าสงสารเกินไปหรือไม่…” หลี่ซุ่นซีอดกกล่าวไม่ได้ ฆ่าคนเพียงแค่ศีรษะแตะดิน ลูกพี่ทำแบบนี้ไม่ใช่ระดับเกลียดเข้ากระดูกดำแล้ว นี่เป็นการทรมานไปจนชั่วนิรันดร์
“ขอแค่นางคืนชีพครบพันครั้ง ชดใช้บาปทั้งหมดเสร็จ ข้าจะมอบความตายให้นาง” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
ม่านน้ำหายไปแล้ว โถงใหญ่ตกสู่ความเงียบสงัด
“ทราบแล้ว…อย่างนั้นต่อจากนี้ล่ะขอรับ ท่านมีแผนการอะไร” หลี่ซุ่นซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝือ
“ข้าคิดจะไปหาหวังจิ้ง หาแม่เลี้ยงให้ลู่หนิง แล้วให้กำเนิดทายาทเยอะๆ บางทีมันอาจจะได้สติ ไม่อย่างนั้นก็ทิ้งมันไปในโลกแปลกหน้า ถ้าไม่ประสบความสำเร็จห้ามกลับมา” ลู่เซิ่งขมวดวค คิ้ว
“เขายังเด็กนะขอรับ…” หลี่ซุ่นซีหมดคำพูด
“ก็เพราะลุงๆ อาๆ อย่างพวกเจ้าคอยให้ท้ายนี่แหละ มันเลยโอหังขนาดนี้” ลู่เซิ่งตัดบทเขา “ลูกสาวเจ้าเล่า ตอนนี้เป็นอย่างไร”
“อย่าพูดถึงนาง! พูดถึงนางแล้วข้าอารมณ์เสีย!” สีหน้าหลี่ซุ่นซีเปลี่ยนแปลงทันที “วันๆ เอาแต่หิ้วบุรุษกลับบ้าน ยังถูกคนตั้งฉายาให้ว่าเจ้าแม่แห่งความสุขสมอีก! ช่าง…”
“เจ้าก็อย่าไปบังคับนางมากเลย คนระดับพวกเรา ขอแค่นางไม่ไปหาที่ตายในเขตขุมกำลังความว่างเปล่า เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่สำคัญ นางอยากทำอะไรก็ปล่อยไปเถอะ อย่างไรนางก็ยังเด็ก” ลู เซิ่งปลอบ
“เด็กเดิกอะไรกัน!” หลี่ซุ่นซีโมโห “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้าได้ยินว่านางแย่งบุรุษกับสตรีคนอื่นในบ้าน ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน!”
“ใจเย็นก่อนๆ เด็กยังไม่โต นางยังไม่โต เจ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ควรปกป้องหน่อย คนแก่ๆ อย่างพวกเราควรทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ” ลู่เซิ่งปลอบเสียงอ่อนโยน
“ท่านไม่รู้ว่า…” พอหลี่ซุ่นซีพูดถึงลูกสาวของตัวเอง หน้าก็เริ่มแสบร้อน พร้อมสาธยายเรื่องราวมากมาย
ลู่เซิ่งอดทนฟัง ไม่นานนักบันไซก็มาเหมือนกัน พอได้ยินหัวข้อนี้ ก็พูดถึงหลานสาวตัวเอง หลานสาวตอนเด็กน่ารักและบริสุทธิ์ เป็นเพราะโง่และไร้เดียงสาเกินไป สอนอะไรไปไม่เคยฟัง เชื่อ อคนอื่นง่ายๆ
อาทิตย์ก่อนออกไปเที่ยวกับเพื่อน เกือบโดนจับไปขายตอนซื้อขนม ต่อมาตรวจสอบเหตุการณ์ นางกลับไล่องครักษ์ไปที่อื่น ไม่ให้ใครติดตาม
ทั้งสามต่างก็มีเรื่องทุกข์ใจของใครของมัน คุยกันอีกสักพัก ต่างก็ถอนใจ
“ช่างเถอะ เรื่องราวไม่อาจชักช้า ข้าจะไปพาคนกลับมาจากนครโอนา พวกเจ้าช่วยคุมสถานการณ์ใหญ่ เดี๋ยวข้าทิ้งร่างแปลงร่างหนึ่งไว้สะกดสถานการณ์” ลู่เซิ่งสั่ง
ร่างแปลงร่างหนึ่งของเขาในตอนนี้ เนื่องจากมีคุณสมบัติอมตะของร่างหลัก แม้พลังจะอ่อนแอไปหน่อย แต่ก็ต่อสู้กับราชันขั้นสายธารได้สบายๆ คุ้มครองสำนักได้ง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้ าปาก
“รับทราบ ท่านรีบไปรีบกลับ หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น” หลี่ซุ่นซีพยักหน้า
“ก่อนหน้านี้ข้าใช้อินเอ้อสือเจียคำนวณให้ท่านแล้ว การออกเดินทางของท่านในครั้งนี้พาพี่สะใภ้กลับมาได้แน่นอน มีเรื่องตื่นเต้นแต่ไม่อันตราย เพียงแต่คอยสังเกตทางตะวันออกไว้ ทาง ตะวันออกอาจมีสัญญาณให้เสียทรัพย์” บันไซเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่มันการคำนวณอะไร เหตุใดฟังดูลึกลับชอบกล” ลู่เซิ่งถามอย่างประหลาดใจ
“ท่านไม่เข้าใจ นี่ก็คือแก่นแท้ของความจริง” บันไซอธิบาย
“เอาเถอะ ข้าคร้านจะสนใจ ช่วยข้าติดตั้งเส้นทางแยกตัดขาดที” ลู่เซิ่งสั่ง
“เตรียมเรียบร้อยแล้วขอรับ พร้อมออกเดินทางได้ทุกเวลา แต่ตอนนี้พวกเราได้แต่ส่งท่านถึงอาณาเขตแห่งนั้น ส่วนจะเข้าไปในจักรวาลแห่งไหน ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว” บันไซเตือน
“ได้” ลู่เซิ่งไม่อยากเสียเวลาแล้ว หาหวังจิ้งให้เจอก่อนค่อยว่ากัน ส่วนจะซ่อนตัวอย่างไร ไปซ่อนตัวที่ไหน เขาวางแผนไว้แล้ว
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
กลางโถงใหญ่สีดำสนิทที่แสงดาวกระจายเป็นกลุ่มๆ
ลู่เซิ่งนั่งอยู่กลางความมืดมิด รอบๆ ตัวคือเส้นผมสีแดงเข้มแน่นขนัด ยืดขยายลากระพื้นอย่างเป็นธรรมชาติ กลายเป็นค่ายกลสีแดงเข้มชุดหนึ่ง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับค่ายกลเดิมบน พื้น
“เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยังขอรับ” บันไซถามผ่านลำโพงจากด้านนอกห้องข้ามมิติ
“ได้ทุกเวลา ตั้งพิกัดเรียบร้อยหรือยัง” ลู่เซิ่งถามเสียงทุ้ม
“วางใจ คำนวณมาสามครั้งแล้วขอรับ ไม่มีปัญหา” บันไซพยักหน้า ลูบเคราตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
“เช่นนั้นก็เริ่มเลย” ลู่เซิ่งหลับตาลง
ซู่…
เส้นผมสีแดงเข้มมากมายลอยขึ้นจากพื้น กลุ่มแสงเล็กๆ นับไม่ถ้วนหลุดออกจากเส้นสาย แล้ววนเวียนรอบตัวลู่เซิ่ง
หลุมดำสีดำสนิทหลายหลุมหมุนวนรวมตัวกันบนผนังและเพดานรอบๆ ราวกับกลายเป็นทางเชื่อมสีดำขลับที่เชื่อมไปยังโลกใบอื่น
“เปิดใช้เส้นทางแยกตัดขาด ยกระดับความแม่นยำเสร็จสิ้น” เสียงผู้หญิงที่เย็นชาดังมาช้าๆ
“เริ่มการข้ามมิติ” บันไซกดปุ่มบนหน้าจอด้านหน้า
โดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ร่างของลู่เซิ่งค่อยๆ หายไปจากด้านในห้องข้ามมิติ เริ่มตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า ราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างกลืนกิน
ขณะมองดูลู่เซิ่งจากไป บันไซอดขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ได้ ไม่ทราบเพราะอะไร เขาสังหรณ์ว่าการจุติครั้งนี้มีบางจุดไม่ถูกต้อง แต่ไม่ว่าเขาจะใช้อินเอ้อสือเจียคำนวณอย่างไร ก็หาสาเหตุไม่ เจอ
“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
…
ด้านในพระราชวังหรูสีทองที่ยิ่งใหญ่ตระการตา
ร่างหลายร่างที่รีบเร่งลนลานเข้าๆ ออกๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ถวายรายงานส่งจดหมายหลายฉบับไปยังมือของกษัตริย์ที่นั่งอยู่เหนือพระราชวังด้วยความเร็วสูง
กษัตริย์เรดมันน์ ออก้า อายุสี่สิบปี เวลานี้ใบหน้าที่เดิมหล่อเหลาของเขากำลังย่นคิ้ว ขณะกวาดตามองข้อมูลจากรายงานจดหมายในมือ
‘เขตเหนือรายงานด่วน แม่ทัพเคน ไวท์ เสียกำลังหลักในการต่อสู้ที่สอง แนวป้องกันพังทลาย ขอกำลังหนุนเป็นการด่วน’
‘องค์ชายใหญ่นำกำลังบุกอย่างบุ่มบ่าม ประสบการซุ่มโจมตี สู้พลางถอยพลาง แม่ทัพแอมฟีดิกกานำกองทัพเข้าไปช่วยเหลือ’
‘สัตว์มารอาละวาดที่ทางทิศใต้ของเทือกเขาศิลาเหล็ก เกิดการบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ขอให้กลุ่มตรวจสอบพิเศษไปตรวจสอบสาเหตุ’
‘โรงงานที่สามแห่งจักรวรรดิเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ องค์กรก่อการร้ายแสงอาทิตย์ประกาศว่าเป็นความรับผิดชอบของพวกมัน’
ความยุ่งยากและการขอกำลังหนุนอย่างเร่งด่วนมากมายทำให้ใบหน้าของเรดมันน์ยับย่น ลมหายใจของพระองค์เขากระชั้นขึ้นอย่างช้าๆ ใช้มือกุมอกซ้าย ข้าราชบริพารผู้รับใช้ที่อยู่ด้านหลังรี บทุบหลัง อาการค่อยๆ กลับเป็นอย่างเดิม
‘หรือว่าจักรวรรดิประเทศนี้…จะหมดทางช่วยจริงๆ แล้ว’ พระองค์เขาทุกข์ระทม โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในเวลาแค่ครึ่งเดือน ทุกหนแห่งทยอยปรากฏความวุ่นวาย
ทัพกบฏหลายทัพลุกฮือ ขุนนางใหญ่ประจำพื้นที่หลายคนพากันประกาศแยกตัวเป็นอิสระ ถึงขั้นเผ่าสัตว์มารที่ไม่เคลื่อนไหวมานานก็อาละวาดอย่างกะทันหัน
จากนั้นสถานที่แต่ละแห่งก็พากันเกิดความผิดปกติในตอนระดมพล จักรวรรดิออลซันที่ใหญ่โตพยายามเคลื่อนที่ฟันเฟืองขึ้นสนิมเหมือนกับเครื่องจักรที่เก่าแก่
แต่สนิมมากมายและโซ่ที่ขาดการบำรุง ทำให้เครื่องจักรนี้เกิดการติดขัดหลายๆ แห่ง
อันตรายที่ซุกซ่อนนับไม่ถ้วน ปัญหานับไม่ถ้วน…
‘หรือว่ายุคสมัยของราชวงศ์ออร์กาที่รุ่งโรจน์มามากกว่าพันปี สุดท้ายจะจบลงในมือของข้า?’
ดวงเนตรตาสีเทาของเรดมันน์ฉายแววเจ็บปวดรวดร้าว
“ฝ่าบาท องค์ชายแอนดรูว์และองค์หญิงลาเนียร์มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์ใกล้ชิดที่อยู่ด้านหลังก้าวเข้ามาถวายรายงานเบาๆ
เรดมันน์ได้สติ พยายามปรับสีหน้า ทำให้ความกระวนกระวายกลับเป็นความสงบเยือกเย็น
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ พระองค์เขาไม่เคยศึกษาพวกนักแสดงและละคร ผลลัพธ์เพียงหนึ่งเดียวของการทำแบบนี้ คือทำให้สีหน้าของพระองค์เขาเศร้าโศกและสิ้นหวังกว่าเดิม เป็นความสิ้นห หวังล้ำลึกที่ราวกับอยู่ในขั้วตรงข้าม
ไม่นานนัก หลังจากองครักษ์จัดเก็บรายงานจดหมายข้อมูลบนโต๊ะเสร็จ ร่างที่สูงโปร่งและไร้เดียงสาสองร่างก็เดินเข้ามาจากด้านข้างวัง
นั่นคือชายหนุ่มหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามและบุคลิกสูงศักดิ์สองคน
“เสด็จพ่อ ข้าได้ยินมาจากท่านอาว่าช่วงนี้สุขภาพของท่านไม่ดีนัก ดังนั้นจึงทำเค้กไขมันแพะมาให้ท่านด้วยตัวเอง”
องค์หญิงลาเนียร์ที่อยู่ด้านหน้ามีใบหน้าน่าเอ็นดู ผิวเรียบเนียนไร้รอยตำหนิเหมือนหยกขาว ร่างสะโอดสะอง หน้าอกอวบอิ่ม ทำให้นางกลายเป็นคนตยที่ได้รับความนิยมที่สุดในราชสำนัก
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ มาลการ์ อาจารย์วิชากระบี่ของข้ามาลการ์ เสนอให้ข้าเปลี่ยนอาจารย์วิชาขี่ม้า และ ฟอว์น อาจารย์ขี่ม้าของข้าฟอว์นคิดว่าอาจารย์วิชากระบี่อวดรู้เกินไป ป ไม่อยากจะร่วมงานด้วย ดังนั้นข้าจึงมาขอความเห็นจากท่าน”
องค์ชายแอนดรูว์ปีนี้เพิ่งอายุสิบเก้าปี แต่กลับหน้าตาเหมือนพระราชบิดาเรดมันน์ถึงขีดสุด หน้าตาและรูปร่างหุ่นของเขาทำให้คนที่เห็น ดูออกว่าเป็นโอรสบุตรชายที่เรดมันน์ให้กำเ เนิดเอง เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างเพียงเดียงหนึ่งเดียวคือบุคลิก
องค์ชายบุตรชายแอนดรูว์มีบุคลิกเงียบขรึม ดวงตาจ้องมองคนเหมือนเป็นศัตรูและคนร้ายทุกที่ทุกเวลา
การจ้องมองแบบนี้มักสร้างความรู้สึกกดดันที่ล้ำลึกให้คนอื่นมาโดยตลอด
น้องสาวของเขา องค์หญิงลาเนียร์ที่อายุน้อยที่สุดกลับต่างไปโดยสิ้นเชิง
นางเหมือนกับกวางน้อยอ่อนแอ ดวงตาแวววาวมักทำให้คนสงสารเอ็นดู ผมยาวสีน้ำตาลนุ่มสลวยเปล่งปลั่ง สามารถกระตุ้นความรู้สึกอยากปกป้องจากทุกคนได้ในระดับสูงสุด
เรดมันน์พยายามมองทั้งสองอย่างเยือกเย็น
“ลูกเอ๋ย เจ้าควรเรียนรู้การไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างอาจารย์สองคนเท่าที่จะทำได้ สนองความต้องการของพวกเขา ทำให้พวกเขารู้ว่า ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะรับการสั่งสอนหรือไม่ ไม่ใช่พว วกเขา หากเป็นเจ้า” พระองค์ตรัสเขากล่าวกับลูกชายองค์ชายแอนดรูว์ก่อน
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าเข้าใจความหมายของท่านแล้ว” แอนดรูว์พยักหน้า