ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2018 รู้
ตอนที่ 2018 รู้
………………..
ในตอนนั้นเอง พลันแว่วเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังเข้ามาจากด้านนอก
อี้เหวินเทาลอบตระหนกอยู่ในใจ
ผู้อาวุโสที่คอยเฝ้ายามหน้าประตูเอ่ยปากขึ้น
“คารวะท่านประมุข!”
จวินจิ่วชิง!
เหตุใดจู่ๆ เขาถึงมาที่นี่กัน!?
หัวคิ้วของอี้เหวินเทาขมวดแน่น รีบหันกลับมาส่งสายตาเป็นนัยให้แก่บุรุษชุดดำ
เงาร่างของบุรุษชุดดำแวบผ่าน ก่อนหายวับไป ณ ที่ตรงนั้น
สุ้มเสียงของจวินจิ่วชิงยังคงเอื่อยเฉื่อยอย่างเคย
“ไม่แวะเวียนมาหลายวัน ในใจค่อนข้างเป็นกังวล พอดีผ่านทางมาเลยอยากเข้ามาดูเสียหน่อย”
จังหวะนั้นเขาเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว สายตาตวัดมองลอดเข้าไปในประตูห้องคราหนึ่ง
“สถานการณ์เป็นอย่างใดบ้าง?”
ผู้อาวุโสท่านนั้นรีบตอบกลับเร็วรี่
“ทุกอย่างปกติขอรับ เพียงแต่… เพียงแต่ว่าวันนี้ท่านประมุขดูท่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดี”
จวินจิ่วชิงหัวเราะ
“เช่นนั้นหรือ”
ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งต้องเข้าไปดูเสียหน่อย
ระหว่างที่พูด เขาก็ผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องเงียบสงัดอย่างมาก ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพรขมปร่า
จวินจิ่วชิงเลิกคิ้ว
“นี่ท่านบันดาลโทสะรุนแรงไม่เบา เหตุใด คนรับใช้ปรนนิบัติได้ไม่ถูกใจหรือ?”
อี้เหวินเทาแค่นหัวเราะอยู่ในใจ
ปรนนิบัติ?
เวลานี้เขาเหมือนกับนักโทษที่ถูกจองจำอยู่ที่นี่ก็มิปาน ไหนเลยจะมีคนปรนนิบัติรับใช้?
คอยจับตาดูสิไม่ว่า!
อี้เหวินเทาเหลือบตาขึ้นมองแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นเยียบ
“แล้ววันนี้เจ้ามาทำอันใดหรือ? เรื่องที่ควรพูดข้าก็พูดกับเจ้าหมดไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว!”
ดวงหน้าของเขาเผยแววเบื่อหน่ายเต็มที จนแทบจะอยากขับไล่คนออกไปอยู่รอมร่อ
จวินจิ่วชิงเองก็ไม่สนใจ เขาเพียงคลี่ยิ้มบางๆ
“ไม่มีอันใดมาก ได้ยินมาว่าท่านมีแขก ข้าเลยอยากมาดูเสียหน่อย”
ใจของอี้เหวินเทาพลันเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง!
ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ยังเป็นจิ้งจอกเฒ่ามากเล่ห์ บนดวงหน้าของเขามิได้เผยแววระแวงให้เห็นชัดเจนเลยแม้แต่น้อย กลับกันเพียงหัวร่อเป็นเชิงเหยียดหยามออกมาคำรบหนึ่ง
“เจ้าพูดว่าอันใด? แขกรึ? นอกจากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นมาหาข้าที่นี่อีก แขก… มาจากไหนกัน?”
จวินจิ่วชิงกวาดตามองรอบๆ คราหนึ่ง
บรรยากาศภายในห้องราวกับแข็งค้างไปก็มิปาน
“ท่านประมุข
ผ่านไปสักพัก จวินจิ่วชิงจึงค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นมา
“ขอบคุณความเมตตาของท่าน ข้าถึงได้กลายเป็นนายน้อย ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขได้ หากท่านอยู่ที่นี่ดีๆ เช่นนี้ไปตลอด ข้ารับประกันว่าท่านจะใช้เวลาที่เหลือของชีวิตได้อย่างสงบสุข น่าเสียดาย… ดูเหมือนท่านจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย”
“หลายวันมานี้ ข้ากำลังคิดมาโดยตลอดว่าท่านติดต่อกับคนผู้นั้นอย่างใด”
จวินจิ่วชิงพลันเอ่ยตัดบทเขา บนดวงหน้าที่งามหยดย้อยชวนหลงใหลสมคำเล่าขานแฝงด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด
“แม้ตระกูลอี้จะเป็นตระกูลใหญ่โต ทว่าท่านกลับใช้ตัวตนของตนเองในการติดต่อ คนอื่นในตระกูลไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ท่านใช้วิธีการใดมาโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ร่วมมือกับท่านกันหรือ?”
คอของอี้เหวินเทาพลันแหบแห้ง สองตาของเขาจดจ้องไปที่จวินจิ่วชิงเขม็ง
“เจ้าคิดจะพูดอันใดกันแน่?”
จวินจิ่วชิงหัวเราะพลางส่ายศีรษะ
“ข้าคิดจะพูดอันใด ท่านน่าจะรู้ดีที่สุด หลายวันมานี้ข้าตรึกตรองอยู่ทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็คิดเรื่องหนึ่งออก”
เขาสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ไม่รู้เพราะเหตุใด อี้เหวินเทาจึงรู้สึกว่าสองขาของตนพลันอ่อนแรงลงหลายส่วน ทั้งยังเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
คนทั้งสองยืนประจันหน้ากัน ไอที่แผ่ออกมาจากตัวจวินจิ่วชิงกลับบดขยี้อี้เหวินเทาได้อย่างง่ายดาย!
อี้เหวินเทาลอบเสียใจกับตัวเอง ถอยหลังเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับผิดแล้ว!
จวินจิ่วชิงเอ่ยต่อว่า
“ข้านึกขึ้นได้ว่า เมื่อหลายปีก่อนตอนหรงซิวมุ่งหน้าไปยังถ้ำปีศาจทมิฬ คนผู้นั้นกำลังบำเพ็ญตนจนถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ไร้ซึ่งพลังต่อสู้ใดๆ โดยสิ้นเชิง ดูจากนิสัยของหรงซิวแล้ว ต้องจัดการฆ่าอีกฝ่ายทิ้งให้หมดโดยสิ้นซาก ย่อมไม่เหลือโอกาสไว้ให้อย่างแน่นอน ทว่าครานั้น ถ้ำปีศาจทมิฬกลับรอดพ้นวิกฤตได้ ทั้งยังมีที่อื่นให้หนีไปด้วย”
นี่อธิบายแล้วว่าครานั้นแม้หรงซิวจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ถ้ำปีศาจทมิฬ แต่ก็มิได้เป็นภัยคุกคามแก่ฐานหลักของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง
จวินจิ่วชิงพูดออกมาหนึ่งคำ แรงกดดันในใจอี้เหวินเทาก็เพิ่มมากขึ้นตามหนึ่งส่วน
เห็นเขาเงียบไม่ตอบโต้ จวินจิ่วชิงจึงถามเสียงเบา
“ท่านว่ามีคนคอยช่วยเหลืออยู่หรือไม่?”
ปึง!
“ท่านประมุข เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงดังนั้น ก็รีบเคาะประตูสอบถามอย่างว่องไว
จวินจิ่วชิงตอบเสียงเรียบเรื่อย
“ไม่มีอันใด ไม่ต้องเข้ามา”
“… ขอรับ”
ผู้อาวุโสท่านนั้นก็เป็นคนรู้ความเช่นกัน ได้ยินดังนั้นก็ขานรับทันที จากนั้นก็ยืนเฝ้าประตูต่ออย่างขยันขันแข็ง
ภายในห้องตกสู่ความเงียบสงัดไปชั่วขณะ
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าพูดจะเป็นจริงทั้งหมดเลยกระมัง?”
จวินจิ่วชิงหัวร่อคราหนึ่ง แม้จะเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงกลับมั่นใจอย่างยิ่ง
“ข้า… ข้าไม่…”
อี้เหวินเทาเอ่ยปากด้วยคิดจะปฏิเสธ ประโยคถัดมาของจวินจิ่วชิงกลับทำให้เขารู้สึกราวกับจมดิ่งลงสู่บ่อน้ำแข็ง!
“หรือว่าท่านไม่รู้สึกเอะใจขึ้นมาสักนิดเลยหรือว่าเวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังไม่มีคนมาช่วยเหลือท่าน แม้แต่ข่าวที่ท่านส่งออกไปก็ไม่มีการตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว?”
ก้นบึ้งของจิตใจอี้เหวินเทาพลันบังเกิดไอเย็นยะเยือกแล่นปราด ทำเอาทั่วทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ!
“เจ้า เจ้า…“
เขาเบิกตากว้าง หันมองจวินจิ่วชิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
จวินจิ่วชิง… รู้หมดเลยอย่างนั้นหรือ!
“ได้ยินว่าคนเหล่านั้นคืออัจฉริยะที่ท่านฝึกฝนชุบเลี้ยงอย่างเข้มงวด ท่านต้องทุ่มเทลงแรงและเสียเวลาไปไม่ใช่น้อย ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
คลื่นอารมณ์ผวาหวาดสาดซัดขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจของอี้เหวินเทา!
จู่ๆ จวินจิ่วชิงก็เอียงศีรษะมองความว่างเปล่าด้านหลังของอี้เหวินเทา
พริบตานั้นเอง เขาก็สะบัดข้อมือ พลังปราณดั้งเดิมอันแข็งกร้าวก็แปรสภาพเป็นแส้ยาวที่พุ่งทะยานออกไปโดยพลัน!
ลำคอของเขาถูกแส้เส้นยาวนั้นรัดคอไว้แน่น ไร้หนทางจะดิ้นรนขัดขืนออกไปได้!
ยามเห็นภาพฉากนี้ บนดวงหน้าที่มักฉาบด้วยหน้ากากอันสงบนิ่งของอี้เหวินเทาก็มิอาจปั้นหน้าต่อไปได้อีก
“เจ้า… เจ้ารู้อยู่แล้วแต่แรกรึ!?”
จวินจิ่วชิงมิได้พูดอันใด เพียงออกแรงคราหนึ่ง
กร๊อบ…
เสียงกระดูกแตกหักดังลั่นแว่วลอยเข้ามา
สุดท้าย ลำคอของบุรุษชุดดำผู้นั้นก็ห้อยงอ สิ้นเสียงลมหายใจไปในทันที
พละกำลังของเขาไม่นับว่าอ่อนด้อย ทว่าจวินจิ่วชิงชิงลงมือก่อน ไม่เปิดโอกาสให้เขาแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ จึงต้องจบชีวิตลงไปเช่นนี้
บุรุษชุดดำนอนแผ่ราบลงบนพื้น โลหิตสีแดงเหนียวหนืดค่อยๆ ไหลซึมมาจากใต้ร่างของเขา
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแผ่กระจายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว!
ริมฝีปากของอี้เหวินเทาสั่นระริก สีหน้าของเขาพลันขาวซีด
เรื่องดำเนินมาถึงตรงนี้แล้ว ยังมีอันใดต้องสงสัยอีก?
“ก็ไม่ได้รู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกหรือ”
จวินจิ่วชิงเหลือบสายตาขึ้นมามองอี้เหวินเทาอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง
“ท่านปกปิดไว้ไม่มิดเองต่างหาก ผู้อื่นจะรู้เข้าก็เป็นเรื่องปกติมิใช่รึ?”
ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่รู้สึกสงสัยขึ้นมา หากแต่ไม่มีหลักฐาน
แต่เขารู้ว่าอี้เหวินเทาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปง่ายๆ ดังนั้นช่วงระยะนี้จึงคอยส่งคนลอบตามดูในที่ลับ
ซึ่งก็สืบเจอบางสิ่งตามที่คาดคิดไว้
โลกนี้ไม่มีความลับที่เก็บงำไปได้ตลอด
ยิ่งไปกว่านั้นจวินจิ่วชิงเตรียมการไว้นานแล้ว เพียงรอให้เขาเดินเข้าไปติดกับด้วยตัวเองเท่านั้น!
ทั่วทั้งร่างของอี้เหวินเทาสั่นเทิ้ม ช่วงอกราวกับมีเปลวเพลิงแผดเผา ทว่าร่างกายทุกส่วนกลับเย็นเฉียบไปถึงกระดูก
เขารู้ว่าครานี้ตนจบสิ้นแล้วจริงๆ!
“เจ้า… เหตุใดเจ้าถึงรู้มากขนาดนี้!?”
ทั้งเรื่องเกี่ยวกับถ้ำปีศาจทมิฬ เกี่ยวกับคนผู้นั้น เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง!
………………..