ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2057 นำพา
ตอนที่ 2057 นำพา
………………..
หนานซู่ไหวโบกมือพลางฉีกยิ้มเริงร่า
“ข้ารู้ว่านางไม่อยู่ ที่แวะมาวันนี้มิได้มาหานางแต่อย่างใด”
สือซานชะงักไปครู่เดียว ก่อนตอบโต้อย่างว่องไว
ผู้ที่รู้ข่าวเรื่องที่พวกนายท่านและพระโอรสออกเดินทางมีไม่มากนัก
แต่หนานซู่ไหวเป็นอาจารย์ของนายท่าน จะรู้เรื่องพวกนี้เข้าก็ไม่แปลกอันใด
“เช่นนั้นวันนี้ท่านมา…”
หนานซู่ไหวลูบเคราของตนพลางเอ่ยแกมหัวเราะว่า
“ไม่มีอันใด แค่จัดการเรื่องทางนี้เรียบร้อยหมดแล้ว ตั้งใจว่าวันนี้จะเก็บงานให้เรียบร้อยแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับสำนัก“
จุดประสงค์เดียวที่เขามาครั้งนี้ก็เพื่อช่วยฉู่หลิวเยว่สร้างรากฐานมั่นคงในท่าเรือดอกท้อ
บัดนี้เป้าหมายสำเร็จลุล่วงด้วยดี เขาควรกลับสำนักไปได้แล้ว อย่างใดเสียเขาก็จากสำนักมาระยะหนึ่งแล้ว
สือซานผงกศีรษะอย่างงุนงง จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้… ละ แล้วท่านไม่รอนายท่านกับพระโอรสกลับมาก่อนหรือ”
เดิมหนานซู่ไหวกำลังจะก้าวเท้าจากไปแล้ว แต่พอได้ยินดังนั้นก็พลันรับรู้ได้ถึงความนัยที่แฝงอยู่
เขากวาดตามองสือซานรอบหนึ่ง
“สือซาน นี่เจ้า… กำลังเป็นห่วงพวกเขาอยู่หรือ?”
“เปล่าเสียหน่อยขอรับ!”
สือซานส่ายศีรษะเป็นพัลวัน ยามสบเข้ากับสายตาที่ราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งของหนานซู่ไหวก็รู้สึกละอายอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“… คือ… ได้ยินว่าป่าศิลาแห่งลุ่มน้ำชิงกู่เป็นอาณาเขตของตระกูลเว่ย พวกนายท่านมุ่งหน้าไปกันลำพัง หากว่า…”
ป๊าบ!
”อย่าได้ถือสาคำพูดเด็กเลยหนา!“
สือซานลูบศีรษะป้อยๆ
“พี่แปด ข้าไม่ใช่เด็กแล้วหนา…”
ตอนนี้เขาสูงกว่าพี่แปดตั้งช่วงศีรษะหนึ่งเห็นจะได้แล้ว…
น้องแปดตวัดสายตาปรายมองเขาแวบหนึ่ง
สือซานรีบเงียบปากอย่างรวดเร็ว
ดูแล้วบทเรียนของพี่สิบจะถูกต้อง ภายในสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ดูจะไม่มีผู้ใดงัดข้อกับพี่แปดลงแล้ว
ดังนั้นหนทางที่จะปกป้องชีวิตได้ดีที่สุดในทุกครั้งก็คือ “พี่แปดพูดจาได้ถูกต้องนัก!”
หนานซู่ไหวลูบเคราของตนแล้วเอ่ยแกมหัวเราะร่า
“น้องแปด สือซาน พวกเจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลใจไป ที่พวกเขาไปกันครานี้ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรอก อย่างใดเสียที่ไปกันคือสุสานของถังเคอ มีพระ… มีหรงซิวกับผู้อาวุโสซั่งกวนอยู่ จะมีปัญหาใดที่แก้ไม่ได้อีก?”
น้ำเสียงของเขาฟังแล้วราวกับวางใจในเรื่องนี้อย่างมาก น้องแปดพลันสนอกสนใจขึ้นมาในทันใด นางเขยิบไปด้านหน้า ก่อนถามว่า
“เหตุใดเจ้าสำนักหนานถึงได้มั่นใจปานนี้?”
แม้พวกซั่งกวนจิ้งจะฝีมือเยี่ยมยอด แต่ถังเคอก็มีชื่อเสียงระบือไกลมานมนาน
ใครจะรู้ได้ว่าภายในสุสานของถังเคอจะมีกลไกและอันตรายแบบใดรออยู่
หนานซู่ไหวกระแอมไอคราหนึ่ง ตอบว่า
“นี่… พวกเจ้าลองคิดซี ผู้อาวุโสซั่งกวนน่ะรู้กันดีอยู่ แม้แต่หรงซิวและแม่หนูเยว่เออร์ก็มีพรสวรรค์ด้านการเป็นช่างหลอมอาวุธที่สูงมาก หากแม้แต่พวกเขายังไร้หนทางจัดการ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่นแล้ว ใช่หรือไม่เล่า?“
ยามได้ยินหนานซู่ไหวเอ่ยชมนายท่านของตัวเอง น้องแปดพลันรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“นั่นมัน… ในเมื่อแม้แต่ท่านยังพูดเช่นนี้ งั้นพวกเราก็ยิ่งโล่งใจ!“
หนานซู่ไหวหัวเราะร่าเสียงดังลั่น ก่อนจะมองคนทั้งสองด้วยสายตาค่อนข้างเปี่ยมด้วยความรู้สึก
ปกติแล้วน้องแปดที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นงดงามจับตายิ่ง จะสวมใส่อาภรณ์หรือประทินโฉมล้วนได้รับความสนใจจากทุกที่
ในเรื่องนั้นแล้ว เสน่ห์เย้ายวนถึงขั้นงามล่มเมืองของนางสมควรได้รับขนานนามว่าหาได้ยากในโลกมนุษย์
แต่พอลงมือปฏิบัติภารกิจกลับไม่ประมาทเลยแม้แต่น้อย
ระยะเวลาก่อนหน้านี้ เพื่อฟื้นฟูพวกสมุนไพรต่างๆ ในท่าเรือดอกท้อ นางกับสือฟังต่างยุ่งจนหัวหมุน ทั้งยังทุ่มเทลงแรงไปไม่ใช่น้อย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หนานซู่ไหวก็ได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ตนประเมินความสามารถของสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ต่ำเกินไปจริงๆ
ในบรรดาคนที่เยว่เออร์เลือกมาพวกนั้น… ดูแล้วไม่มีอันใดเหมือนกัน นิสัยแตกต่างโดยสิ้นเชิง แต่ความเป็นจริงแล้วแต่ละคนต่างมีความโดดเด่นอย่างมาก
มิแปลกใจแล้วว่าเหตุใดสือซานไม่ยอมตามเขาไปฝึกฝนที่สำนักหลิงเซียว
บางทีเขาอาจได้เรียนรู้มากกว่าหากได้ติดตามอยู่ข้างกายคนพวกนี้
ไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่หนูเยว่เออร์ไปสรรหาตัวคนพวกนี้มาจากที่ใดกันแน่…
หนานซู่ไหวลอบทอดถอนใจ พูดคุยกันต่ออีกสองสามคำก่อนจะขอตัวจากไป
หลังจากเขาจากไปแล้ว ร่างของน้องแปดก็อ่อนระโหยโรยแรง ก่อนจะนั่งลงแล้วเริ่มตั้งสมาธิเฟ้นหาดอกไม้ต่อ
“สือซาน”
สุรเสียงของเฉินอีพลันแว่วดังขึ้นมาจากด้านนอก
สือซานรีบหันศีรษะกลับไปมองทันที
“พี่ใหญ่!”
เฉินอีเชิดคางขึ้นน้อยๆ
“ฝึกต่อ”
“ขอรับ!”
สือซานคุ้นชินกับการฝึกฝนของเฉินอีนานแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งโร่ออกไปทันที
ยามมาถึงข้างกายเฉินอี เห็นดวงหน้าสงบนิ่งเฉยชาอย่างเคย สือซานก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามเสียงเบาว่า
“ที่เจ้าสำนักหนานพูดไปเมื่อครู่ยังไม่พออีกหรือไร?”
สือซานถึงกับตะลึงงัน
ฟังจากความหมายของพี่ใหญ่แล้ว… เขารู้สึกจริงๆ อย่างนั้นหรือว่าหากมีองค์ไท่จู่และโอรสสวรรค์อยู่ นายท่านจะปลอดภัยไร้กังวล?
“…พี่ใหญ่ กับโอรสสวรรค์น่ะ… ท่านดูเหมือนจะ…”
คาดหวังไว้สูง? ชื่นชม? เคารพนับถือ?
สือซานถึงกับพูดไม่ออกในบัดดล ไม่รู้ว่าควรใช้คำใดมาอธิบายดี
พี่ใหญ่มีอุปนิสัยเฉยชาและถือตัว คนที่เข้าตาเขาได้มีน้อยมาก
แต่ท่าทีที่เขามีต่อโอรสสวรรค์ดูจะสุภาพนอบน้อมกับฝ่ายนั้นมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
เฉินอีมองเขาเรียบๆ แวบหนึ่ง
“รอเจ้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงก่อนค่อยมาถามเรื่องพวกนี้ก็ยังไม่สาย”
…
ณ ป่าศิลา ลุ่มแม่น้ำชิงกู่
คำถามของถังเคอแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ว่าง ก่อนจะกดทุกสิ่งให้จมดิ่งด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วง!
บ่าสองข้างของฉู่หลิวเยว่ราวกับถูกบางอย่างกดทับ โลหิตภายในร่างไหลเวียนอย่างรวดเร็ว
บรรดาฝูงชนเองก็เผลอสะกดกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว
นี่ถังเคอ… กำลังกล่าวโทษฉู่หลิวเยว่อยู่งั้นหรือ?
ท่ามกลางความเงียบสงัด ฉู่หลิวเยว่เชิดคาง มุมปากหยักยกขึ้นน้อยๆ ก่อนกล่าวตอบทีละคำว่า
“มิใช่ว่าเป็นผู้อาวุโสที่ปล่อยให้ผู้น้อยเข้ามาหรอกหรือ?”
เงียบกริบ
คนจำนวนมากต่างสบสายตากันด้วยสีหน้าประหลาดพิกล
คำพูดนี้ของฉู่หลิวเยว่หมายความว่าอันใดกัน
ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ช่างรู้จักเอาตัวเองเป็นหลักเสียจริง
นางคิดว่านางเป็นใครกัน ถึงทำให้บุคคลเช่นถังเคอปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ได้?
ความกล้าหาญของนางนับว่ามากมายโดยแท้!
ในเมื่อเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ถังเคอไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ แน่!
ทว่า ในตอนที่บรรดาฝูงชนต่างก็คิดว่าฉู่หลิวเยว่ต้องรับโทษทัณฑ์แล้วนั่นเอง กลับได้ยินเสียงหัวเราะก้องกังวานอย่างใจกว้างดังขึ้นมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นังหนูนี่ฉลาดหลักแหลมเสียจริง!”
ในน้ำเสียงของถังเคอแฝงความรื่นรมย์และชมเชยอย่างไม่คิดปิดบัง
บรรยากาศพลันเปลี่ยนในชั่วพริบตา สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเมื่อครู่สลายหายไปในทันที!
เสียงหัวเราะของถังเคอพลันทำให้ผู้อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างงุนงงกันถ้วนหน้า
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างใดกัน?
หรือว่า… เป็นถังเคอที่นำพาให้ฉู่หลิวเยว่เข้ามาก่อนจริงๆ?
แต่มิใช่ว่าเขาอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่เคยได้ออกไปด้านนอกหรอกหรือ?
เช่นนั้นแล้วไปมีความเกี่ยวข้องกับฉู่หลิวเยว่ได้อย่างใดกัน?
ยามได้ยินเสียงของถังเคอ หางคิ้วของฉู่หลิวเยว่ก็เลิกโค้งน้อยๆ ทว่าในใจกลับลอบผ่อนคลายลง
เสี่ยงทายถูกด้วย!
เหตุผลที่ประตูด้านนอกบานนั้นมีเพียงนางที่เปิดออกก็เพราะ… เดิมนี่เป็นเจตนาของถังเคออยู่แล้ว!
ส่วนเหตุผลที่เขาเลือกนางท่ามกลางหมู่คนมากมายปานนี้…
มือของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น ในใจพลันสันนิษฐานแวบออกมาข้อหนึ่ง
บางทีอาจมีความข้องเกี่ยวกับโล่ผสานนภาภายในร่างของนางก็เป็นได้!