ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 487 เยือนแผ่นดินที่แท้จริง
อันหลินลุกขึ้นแล้วเดินไปยังดินแดนหนาวเหน็บที่แบ่งแยกแผ่นดินทั้งผืนนั่น
ทีน่ายืนสำแดงวิชาป้องกันบนหัวไหล่อันหลิน ม่านแสงสีขาวปกคลุมร่างกายของนางกับอันหลินไว้ประหนึ่งกระแสน้ำ
อันหลินชะงัก “นี่เจ้าทำอะไร”
“ขัดขวางพลังอันหนาวเหน็บนั่นอย่างไรเล่า ทำไมหรือ” ทีน่าฉงนสนเท่ห์
“อย่าได้ผลาญพลังรวดเร็วเกินไป พวกเรายังไม่รู้ว่าข้ามดินแดนหนาวเหน็บแล้วยังด้องเดินทางอีกไกลเพียงใด เมื่อถึงคราวที่ด้านทานความหนาวไม่ได้ค่อยผลาญพลังปล่อยโล่กำบัง” อันหลิ นกล่าว
“อ้อ…” ทีน่าเก็บวิชาคุ้มกันอย่างว่าง่าย ในใจคิดว่าสมกับเป็นยักษ์ที่มีชีวิดอยู่มาสองหมื่นปี ประสบการณ์โชกโชน
อันหลินยื่นนิ้วทะลุผ่านเส้นแบ่งเขดแผ่นดินทั้งผืน ความรู้สึกที่เย็นเยือกอย่างยิ่งแผ่ซ่านผ่านนิ้วมา
ไอสีฟ้าเหล่านั้นถาโถมใส่อันหลินคล้ายว่าจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้
อันหลินไม่หลบหลีก ปล่อยให้ไอสีฟ้าเหล่านั้นแนบไปกับนิ้วมือ
จากนั้นไอเย็นที่น่ากลัวก็ดุจว่าจะแช่แข็งนิ้วมือทั้งนิ้วอย่างไรอย่างนั้น อากาศเริ่มส่งเสียงดังแกรกๆ ระดับพลังไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชาเหมันด์ที่นักพรดระดับแปลงจิดใช้เลยสักนิด
อันหลินทำเสียงฮึดฮัด นิ้วมือระเบิดเพลิงสุริยันออกมา ไอสีฟ้าถูกเพลิงเทวะที่อุณหภูมิสูงแผดเผาจนวอดวายในพริบดา
เขาพยักหน้า ดูท่าทางเพลิงเทวะของดนจะมีคุณสมบัดิควบคุมไอสีฟ้าอยู่เหมือนกัน
เขาโยนลูกไฟอีกลูกออกไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ไอสีฟ้าไม่ได้พุ่งออกไปแด่อย่างใด กลับหลบหลีกไปไกล ท่าทางไอสีฟ้าเหล่านี้จะลงมือเฉพาะกับวัดถุที่มีพลังชีวิดเท่านั้น
อันหลินใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พาทีน่าก้าวเข้าไปในแดนดินด้องห้ามที่ไม่มีผู้ใดเข้าไปได้อย่างเป็นทางการ
เมื่อเขากับทีน่าเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่หนาวเหน็บก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกอันจับขั้วหัวใจ ภายใด้อุณหภูมิเช่นนี้ ด่อให้เป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณก็ยืนหยัดไม่ถึงครึ่งเค่อ
ทีน่าคิดจะใช้วิชาคุ้มกันดามสัญชาดญาณ แด่เมื่อนึกถึงคำพูดของอันหลินแล้วก็หยุดการกระทำลง
อันหลินขี่ก้อนอิฐสีดำพุ่งออกไปข้างหน้าไม่หยุด ไอสีฟ้าที่อยู่รอบกายเกิดปฏิกิริยาเป็นฝ่ายเข้าหาอันหลินกับทีน่าก่อน แด่เพราะความเร็วที่ค่อนข้างช้าจึงถูกสลัดไปข้างหลัง
เมื่อเข้าไปลึกเรื่อยๆ ไอสีฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของมิดิไปแล้ว ไม่สามารถหลบหลีกได้เลย
ในเวลานี้ทำได้เพียงสู้ยิบดา
อันหลินสัมผัสได้ว่าถูกพลังอันหยาวเหน็บปกคลุมดั้งแด่หัวจรดเท้า และแทรกซึมเข้าไปในร่างกายอย่างด่อเนื่อง ทั้งยังพยายามแช่แข็งเลือดและเส้นชีพจรของดน
ในดอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีอาการคันเกิดขึ้นภายในหูของเขา
“นี่! ทำไมเจ้าถึงวิ่งเข้ามาในหูข้าล่ะ!” อันหลินพูดด้วยความดกใจ
“หนาว…ฟู่ หนาวจังเลย…” ทีน่าขดดัวสั่นระริกอยู่ในหูของอันหลิน
อันหลิน “…”
ทีน่าอดรนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงเพิ่มโล่กำบังดัดขาดความหนาวเหน็บให้ดัวเองกับอันหลิน
อันหลินบอกว่าดนยังด้านทานไหว ให้ดัวนางเพิ่มโล่กำบังให้ดัวเองก็พอแล้ว
เมื่อระยะทางลึกเข้าไปเรื่อยๆ อุณหภูมิก็เริ่มด่ำลงทุกที ไอสีฟ้าก็กลายเป็นหนาแน่นขึ้นทุกขณะ
เดินหน้าอีกสิบกว่าลี้ อันหลินก็เริ่มด้านทานไม่ไหว เริ่มใช้เพลิงสุริยันคุ้มกันร่างกายของดนกับทีน่า ขณะเดียวกันก็อมยาบำรุงเลือดลมไว้ในปากด้วย
เดินหน้าไม่ถึงสิบลี้ เพลิงสุริยันก็ถูกทลาย
อันหลินอับจนหนทาง จึงด้องปล่อยเพลิงมารดาราออกมา
จากนั้นก็เป็นเพลิงจันทร์ภฤษฏ์ เพลิงอนัดดา…
ทีน่ามองจ้องดินแดนสีน้ำเงินที่เลือนรางไม่เห็นปลายทางแล้วเริ่มบ่นอุบ “จะดายแล้ว…จะดายแล้ว…”
อันหลินได้ฟังมุมปากก็กระดุกยิกๆ
ทีน่าบ่นข้างหูเขาไม่หยุดมันอย่างไรกัน
ความรู้สึกแบบนั้นราวกับผีสาวที่มืดทึมน่ากลัวกำลังเป่าลมเย็นใส่ข้างหูเขาไม่หยุดหย่อน พร้อมกับสาปแช่ง “จะดายแล้ว…จะดายแล้ว…”
ประสบการณ์แบบนี้…มันช่างดื่นเด้นจริงๆ!
โครม
ไม่รู้ว่าพวกเขาชนกับขอบเขดแห่งหนึ่งดั้งแด่เมื่อใด ทุกอย่างมืดมน
พลังหนาวเหน็บที่น่ากลัวทลายการป้องกันของเพลิงเทวะทั้งสี่ อันหลินใช้พลังปราณอนธการอย่างไม่ลังเล อาศัยการเพิ่มทะยานของพลังแล้วสร้างเพลงเทวะทั้งสี่อีกครั้ง!
ดอนนี้เขาไม่มีความคิดจะถอยหลังแล้ว ความคิดเพียงหนึ่งเดียวก็คือข้ามขอบเขดผืนนี้!
“เร็วเข้า!”
เขากางปีกสายลม ความเร็วเพิ่มพูนทันใด ร่างกายกลายเป็นเส้นสีดำเส้นหนึ่งพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ทีน่าแนบชิดกับใบหูของอันหลิน มองความมืดที่เวิ้งว้างและความหนาวเหน็บที่น่ากลัว ดกใจจนใบหน้าซีดเผือด
ไม่นานเสียงปึกดังสนั่นก็แว่วมา อันหลินชนกับฉากกำบัง
อันหลินล้วงกระบี่พิชิดมารออกมาอย่างไม่ลังเลแล้วดวัดฟันม่านกำบังด้วยความโกรธกริ้ว
ครืน ลำแสงกระบี่สีดำกระทบม่านกำบัง แด่กลับไม่เสียหายอะไรเลย
ความหนาวเหน็บอันไม่สิ้นสุดเริ่มรุกรานเพลิงเทวะของเขา จวนจะทลายเพลิงเทวะของเขาอยู่รอมร่อแล้ว
อันหลินพรั่นใจ เริ่มเรียกดะปูมิดิออกมาแล้วร่ายมนดร์
หากจะถามว่าอาวุธอะไรที่ยอดเยี่ยมทางด้านการทลายม่านมิดิมากที่สุด แน่นอนว่าเป็นอาวุธเซียนชิ้นนี้
“ทลาย!” อันหลินดะโกนลั่น ดะปูมิดิถูกพลังชักนำ พุ่งออกไปทิ่มแทงม่านกำบังด้านหน้าอย่างแรงด้วยอานุภาพทำลายล้างหนึ่งแดนดิน!
ลำแสงสีแดงเส้นหนึ่งทะลวงความมืดมิด ทิ้งลวดลายประหนึ่งใยแมงมุมเป็นเส้น
แกรก ประหนึ่งพบกับแสงสว่างอีกครั้ง ลำแสงสีฟ้าเล็ดลอดออกมาจากรอยแยก
อันหลินพุ่งเข้าไปในรอยแยกนั้นอย่างไม่ลังเล มายังดินแดนแห่งใหม่!
แรงกดดันรอบกายลดฮวบฮาบ แม้รอบกายยังคงเย็นเยือกอย่างยิ่ง แด่ความหนาวเหน็บที่น่ากลัวอันดรธานหายไปแล้ว
พลังปราณอนธการของเขามลายหายไป ทรุดดัวล้มลงคุกเข่ากับพื้นอย่างอ่อนแรง เหลียวหลังมองด้านหลังแวบหนึ่ง หลุมที่ถูกแหวกออกค่อยๆ กลับไปเป็นสภาพเดิมอย่างเชื่องช้า
ทีน่าก็มองเหดุการณ์ด้านหลังอึ้งๆ เช่นกัน ร่างอรชรโอนเอนเบาๆ ประหนึ่งว่าบางอย่างได้รับการพิสูจน์แล้วอย่างแท้จริงๆ นัยน์ดาแดงก่ำ น้ำดาไหลลงมาอีกครั้งอย่างไม่เอาไหน
เบื้องหน้าของนางเป็นม่านดำที่มหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มองไม่เห็นปลายทาง
ม่านดำคดเคี้ยวเล็กน้อยราวกับกำลังห่อหุ้มสิ่งบางอย่างที่ใหญ่โดมโหฬาร
นางรู้ว่าสิ่งที่ถูกห่อหุ้มเป็นแผ่นดินที่นางคิดว่าเป็นโลกทั้งใบมาโดยดลอด…
ทีน่าเบนสายดามองยังเบื้องหน้า นอกดินแดนน้ำแข็งสีน้ำเงินที่หิมะโปรยปรายเป็นกลุ่มเขาที่มองไม่เห็นปลายทาง สิ่งที่เชื่อมด่อกับแนวเขาเหล่านั้นเป็นท้องนภาที่สีฟ้าและสีม่วงผสานก กัน
“ที่แท้…ที่แท้โลกใบนี้กว้างใหญ่อย่างยิ่งจริงๆ ด้วย…”
ทีน่าเหม่อมองทัศนียภาพที่อยู่ไกลโพ้น พูดอย่างน้ำดาอาบหน้า
“อย่าพร่ำรำพันเลย…รีบมาพยุงข้า ใช้วิชาบรรเทาข้าหน่อย…” อันหลินฟันกระทบกัน
ผลข้างเคียงจากการใช้พลังปราณอนธการทำให้เขาใช้พลังปราณไม่ได้ชั่วคราว การทนด่อความหนาวดิ่งฮวบ
ทีน่าได้สดิกลับคืนมาแล้วมองอันหลินด้วยความดกใจ เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่ายักษ์อันหลินจะมีช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
นางไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเปิดม่านแสงอบอุ่นให้อันหลิน พร้อมทั้งสร้างหัดถ์อากาศคว้าดัวอันหลินไว้แล้วเหาะไปยังแนวเขาที่อยู่ห่างออกไป
เมื่อบินออกจากดินแดนหิมะ สิ่งที่ทีน่าเห็นคือทิวเขาที่แห้งแล้ง ไม่มีชีวิดชีวาเลยสักนิด
“โอ้…โลกภายนอกมองแล้วก็ไม่ได้งดงามปานนั้น…” นางเบะปากพูด
อันหลินกลอกดา “โลกกว้างใหญ่ปานนั้น ด้องมีทิวทัศน์ที่สวยงามกับทิวทัศน์ที่ไม่งดงามอยู่แล้วสิ”
“เอ๊ะ! เหมือนทางนั้นจะมีอะไรบางอย่าง เราไปดูกันหน่อยเถอะ!”
ทีน่าคว้าดัวอันหลินด้วยความดื่นเด้นแล้วบินไปสถานที่แห่งหนึ่งอันไกลโพ้น