ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 511 ขอบคุณทุกท่าน
ณ ผืนแผ่นดินหนึ่งในแดนโบราณบรรพกาล
ผืนแผ่นดินแห่งนี้ไร้อรุณฉาย มีเพียงท้องนภาที่เต็มไปด้วยดวงดาวส่องแสงทอประกายอย่างไม่มีสิ้นสุด
ดินแดนลึกลับอันน่าพิศวงและน่าสะพรึงกลัว มีซวีคงสัตว์ดุร้ายสุดโหดเหี้ยม ทั้งยังมีของล้ำค่ายิ่งนานาชนิดที่ไม่มีวันสูญสลายแม้ถูกทำลายสิ้นก็ฟื้นคืนได้อีกครั้ง…บนผืนแผ่นดินอ อันกว้างใหญ่ที่แฝงไว้ด้วยความอันตรายกับเหตุบังเอิญอย่างไร้ขอบเขต สถานที่แห่งนี้คือเขตดารามายา
ณ ที่แห่งนี้คือสมรภูมิรบของยอดฝีมือระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่า
ใกล้แท่นบูชาอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนกระบี่ท่านหนึ่งสวมชุดสีขาวพลิ้วไหว ออกกระบวนท่าวาดลวดลายลำแสงกระบี่ที่ใต้หล้าต้องตะลึง ทุกกระบวนท่าทรงพลังแหวกแผ่นดินลึกนับสิบลี้
เบื้องหน้าเซียนกระบี่ชุดขาวมีจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าของสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์สามตนแผดเสียงคำรามก้องพุ่งตรงเข้าหาเขา
จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าตนหนึ่งมีรัศมีรอบตัวสิบลี้ มีเลือดเหนียวข้นกระจายอยู่ทั่วกายดั่งทะเลเลือด ทุกการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างต่อเนื่องถูกกลืนหายไปในทะเลเลือด รวมทั งลำแสงกระบี่ของเซียนกระท่านนั้นด้วย
จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าอีกตนหนึ่งในมือถืออาวุธสายฟ้าพิฆาต ลำแสงสายฟ้าฟาดอันน่าสะพรึงกลัวทรงพลานุภาพมากพอที่เจาะทะลวงห้วงแห่งความว่างเปล่า ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งให้ดับสิ้น
จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าตัวที่สาม เป็นจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าที่บางครั้งก็ปรากฏตัวให้เห็นได้อย่างชัดเจน บางครั้งก็เลือนลางจางหายไปจนดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่ า ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยพลังสังหารที่อันตรายที่สุด เป็นจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าที่มีพลังสังหารแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าทั้งสาม
“หึๆ…หลี่ว์ต้งปิน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ช่างโชคดีเสียนี่กระไร ไม่เพียงแต่ได้กลืนกินจิตวิญญาณอันโอชะของเจ้า เศษหัวใจของดินแดนแห่งนี้ก็ยังตกเป็นของพวกข้าอีกด้วย!” จิตวิญญาณแห่ง ความว่างเปล่าเปล่งเสียงหัวเราะลือลั่นอันธพาล ฝ่าเท้าเหยียบย่ำทะเลเลือด ทะเลเลือดก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่ยักษ์ มืออัปลักษณ์ทั้งสองข้างกวัดแกว่งไล่กวดจู่โจมหลี่ว์ต้งปิน
“ชิ๊ ฝีมืออย่างเจ้าน่ะหรือจะฆ่าข้าได้” กระบี่ในมือของหลี่ว์ต้งปินกลายเป็นเก้าเล่ม แทงฉึบเข้าที่ความว่างเปล่าเก้าตำแหน่ง กลายเป็นเส้นทางค่ายกลกระบี่อันกว้างใหญ่ไพศาล
“ค่ายกลกระบี่เก้าชั้นดับอสูร เริ่ม!” สิ้นเสียงตะโกนก้องของเขา ลำแสงกระบี่นับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นใจกลางค่ายกลกระบี่ ก่อเกิดม่านกระบี่ที่หนาแน่นจนมิอาจมีสิ่งได้เล็ดลอดเข้าไป ปได้ ทำให้มือที่ก่อตัวจากเลือดเหล่านั้นแตกสลาย
ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีเสียงสั่นสะเทือนของแผ่นดินดั่งสนั่นขึ้นอย่างรุนแรง
แท่นบูชาระเบิดเป็นแสงสุกสกาวแวววาว พลังแห่งดวงดาวนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากใจกลางแท่นบูชาอย่างบ้าคลั่ง
เสาลำแสงสีขาวพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงร้องโหยหวนของมังกรดังก้องกังวานไปทั่ว เป็นเสียงร้องโหยหวนที่แฝงไว้ด้วยความโอหังอันน่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขาม
เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลี่ว์ต้งปินอยู่ใกล้เสาลำแสงสีขาวที่สุด
สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนอย่างชัดเจน พุ่งตัวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ในชั่วขณะนี้ จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าดวงที่สามที่ไม่ปรากฏกายระเบิดพลังแปลงกายเป็นหอกดำน้ำหนักสามหมื่นชั่ง พุ่งทะยานแหวกค่ายกลกระบี่เก้าชั้นดับอสูรของหลี่ว์ต้งปิน หมายจะ ะเสียบเข้าที่ทรวงอกของเขา
หลี่ว์ต้งปินอับจนทางเลือก ทำได้แค่ถือกระบี่ขึ้นมาบังไว้ ปรากฏม่านกระบี่เบื้องหน้าเขา
ในเวลานี้มือขนาดมหึมาที่ก่อตัวจากทะเลเลือดกับสายฟ้าวิเวกก่อตัวขึ้น พร้อมด้วยพลังระเบิดที่โจมตีอย่างโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
ครืน!
พลังโจมตีที่โหดเหี้ยมรุนแรงน่าสะพรึงกลัวทำให้ผืนแผ่นดินในรัศมีไม่กี่ลี้แตกละเอียดเป็นผุยผง ม่านแสงกระบี่ตรงหน้าหลี่ว์ต้งปินพังทลาย ร่างกายถูกพลังโจมตียิงถล่มอย่างโหดเหี้ยมจ จนกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา ร่างของเขาชนเข้ากับเสาลำแสงสีขาว จนเสาลำแสงต้นนั้นสั่นไหว!
“โอ๊ย!”
มังกรนิลความยาวนับสิบลี้ปรากฏขึ้นในเสาลำแสงสีขาว แผดเสียงมังกรคำรามก้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
มันชนเสาลำแสงสีขาวอย่างกะทันหันจนแตกกระเจิง ตามมาด้วยพลานุภาพของคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้าบังเกิดขึ้น มังกรนิลยักษ์บินวนอยู่กลางท้องฟ้า เกล็ดมังกรสีดำขลับ กระพือปีกกางหุบกางหุ บ กลืนกินแสงดาว ราวกับจะบดบังดวงดาวทั้งผืนฟ้า
“ใครรบกวนช่วงเวลาแห่งการฟื้นชีพของข้า”
มังกรนิลยักษ์โบยบินอยู่กลางท้องฟ้าแผดเสียงคำรามก้องดังราวกับเสียงฟ้าร้องสะเทือนลั่น
หลี่ว์ต้งปินแหงนหน้ามองมังกรนิล ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวเกินบรรยาย
เขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่มหึมากว่ามังกรตัวนี้มาก่อน แต่พลังปราณที่แข็งแกร่งระดับมังกรตัวนี้นั้น แม้แต่ในวังมังกรทะเลบูรพาเขาก็ไม่เคยพบเจอ! ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามั งกรมีปีกที่หวนคืนสู่ความว่างเปล่าบนยอดเขาสูงนี้ ใกล้บรรลุระดับรวมมรรคาแล้ว!
จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณสามตนนั้น ยืนแสยะยิ้มมองหลี่ว์ต้งปินอยู่ที่เดิม
ชัดเจนมากว่าผนึกกำลังโจมตีของพวกมันเมื่อก่อนหน้านี้ วัตถุประสงค์ไม่ใช่เพื่อสังหารหลี่ว์ต้งปิน แต่เพื่อผลักเขาในเข้าใกล้ค่ายกลฟื้นคืนชีพของมังกรมีปีก เพื่อให้มังกรมีปีกจัดการ รหลี่ว์ต้งปินแทนพวกมัน
ทันทีที่หลี่ว์ต้งปินตาย พวกมันก็จะใช้เคล็ดวิชากักวิญญาณของหลี่ว์ต้งปินไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ ลิ้มรสชาติวิญญาณของหลี่ว์ต้งปินอย่างช้าๆ
“นั่นมันจิตวิญญาณของสุดยอดเซียนกระบี่เชียวนะ รสชาติจะต้องโอชะมากแน่…” จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าผู้ครอบครองพลังสายฟ้า แลบลิ้นเลียปากตนเอง กล่าวด้วยสายตาฮึกเหิมร้อนแรง
“เอ๊ะ? มนุษย์ เจ้าคือคนที่พุ่งชนค่ายกลฟื้นคืนชีพของข้า?” มังกรนิลทรงพลังน่ายำเกรง นัยน์ตาทั้งสองข้างสาดส่องแสงเย็นยะเยือก
หลี่ว์ต้งปินกัดฟันหน้าแน่น ในใจครุ่นคิดหาคำพูด
ในตอนนี้เองมังกรนิลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เหอๆ…ข้าโดนคนเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งฆ่าตาย มาในวันนี้มาเจอคนเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกคน…”
เมื่อหลี่ว์ต้งปินได้ฟังเช่นนั้น จบเห่แล้ว ชะตาขาดแล้วจริงๆ…
มังกรตัวนี้จะต้องเกลียดชังเผ่าพันธุ์มนุษย์มากแน่ ใครกันนะที่เป็นผู้ฆ่ามังกรตัวนี้! ทำให้เจ้ามังกรโกรธเกรี้ยว แถมยังทำให้ข้าต้องกลายเป็นแพะรับบาป!
หลี่ว์ต้งปินแอบสบถด่าคนที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้นเป็นหมื่นคำอยู่ในใจ
เมื่อจิตวิตญาณแห่งความความว่างเปล่าผู้ทรงพลังแห่งเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณสามตนที่ยืนอยู่ไกลออกไปได้ยินคำพูดของมังกรนิล พวกมันต่างก็รู้สึกพึงพอใจ
“หึๆ…ผู้ที่เป็นศัตรูกันมักจะโคจรมาเจอกัน…เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย ครั้งนี้เกรงว่าหลี่ว์ต้งปินจะต้องโดนมังกรนิลสังหารดับแล้วจริงๆ!” จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าผู้ครอบครองพลั งสายฟ้าหัวเราะลั่น
“รู้สึกชื่นมื่นจริงเชียว คนกันเองทำร้ายกันเองงั้นหรือ” จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าผู้ครอบครองทะเลเลือดลำพองใจมากเช่นกัน
“เรื่องที่ข้าค่อนข้างสนใจคือผู้ทรงพลังท่านนั้นเป็นใครกัน คิดไม่ถึงว่าจะสังหารมังกรอย่างมังกรนิลได้…” จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าตนที่บางครั้งก็ปรากฏตัวให้เห็นได้อย่างชั ดเจน บางครั้งก็เลือนลางจางหายไปค่อนข้างสงสัยในเรื่องนี้
ในตอนนี้เอง มังกรนิลมองหลี่ว์ต้งปิน แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า “ด้วยเหตุนี้…ข้าก็เลยค่อนข้างรู้สึกดีกับเผ่าพันธุ์พันธุ์มนุษย์ ดูเหมือนว่าเจ้าจะโดนพวกจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าสามต ตนนั้นรังควานสินะ อยากให้ข้าช่วยจัดการให้เจ้าไหมเล่า”
เอี๊ยด?!
เสียงหัวเราะของจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าทั้งสามเงียบลงทันใด สีหน้าของทั้งสามดูเฉยชาไร้ความรู้สึก
หลี่ว์ต้งปินเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก สีหน้าเหลือเชื่อ
มังกรตัวนี้โดนคนเผ่าพันธุ์มนุษย์ฆ่าตาย ก็เลยเกิดความรู้สึกดีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงอยากจะยื่นมือเข้าช่วยคนเผ่าพันธุ์มนุษย์?
นี่มันตรรกะอะไรกันเนี่ย มังกรตัวนี้บ้าเสียสติไปแล้วหรือเปล่า สมงสมองไม่เหลือแล้วมั้งเนี่ย!
สมองของหลี่ว์ต้งปินประมวลผลไวมาก จะสนใจทำไมว่าเจ้ามังกรตัวนี้เสียสติหรือเปล่า ขอแค่เจ้ามังกรตัวนี้ช่วยเขาก็พอแล้วนิหน่า
ด้วยเหตุนี้น้ำตาของหลี่ว์ต้งปินก็เอ่อล้นปริ่มนัยน์ตา เขากล่าวด้วยความเจ็บปวดทุกข์ระทมใจ “ท่านผู้อาวุโส ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเข้ามาได้ทันกาล ข้าน้อยผู้นี้จะต้องโดนจิตวิญญาณแห่งค ความว่างเปล่าสามตนนั้นสังหารแน่! พวกมันวางแผนบ้าระห่ำหมายจะทำลายค่ายกลฟื้นคืนชีพของท่าน ข้าน้อยกล่าวคำสาบานไว้ว่าจะ…”
“พอ...พอ...อย่ามัวแต่เสียเวลา ฆ่าพวกมันทั้งสามทิ้งก็สิ้นเรื่องแล้ว” มังกรนิลดูอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ทอดสายตามองไปยังจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าทั้งสาม เริ่มส่งรอยยิ้มสยด ดสยอง “ไม่ได้ขยับร่างกายมานานมากแล้ว ให้พวกเจ้าสามตนมาเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของข้าก็ดีเหมือนกัน…”
จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าทั้งสามตนพลันหน้าถอดสี รีบโกยแนบไปไกลทันที!
ชั่วอึดใจต่อมา พื้นที่โล่งกว้างในรัศมีไม่นับสิบลี้เกิดแสงสายฟ้านรกเปรี้ยงปร้าง จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าแหลกสลาย เสียงสายฟ้าฟาดที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นหลงเหลือไว้เพียงสีสั นของสายฟ้าแลบนับครั้งไม่ถ้วนในความมืดอันความว่างเปล่าบนฟ้าดิน...
สิบอึดใจต่อมา มังกรนิลคาบจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าที่แหลกยับเยินสองตนมาไว้ที่แท่นบูชา
“ชิ๊! คิดไม่ถึงว่าจะมีตัวที่กลืนหายไปกับความมืดได้ด้วย หนีเร็วชะมัด…คงเป็นเพราะข้าไม่ได้ขยับร่างกายมานานเกินไป…” มังกรนิลสีหน้าห่อเหี่ยว
หลี่ว์ต้งปินหัวเราะแห้ง สิบอึดใจต่อมา การสังหารจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าของเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณสองตนของมังกรนิล นำมาสู่การต่อสู้ที่ทำให้จิตวิญาณแห่งความว่างเปล่าหลายตนต้องบา าดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ผลการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวขาดนี้ คิดไม่ถึงว่ามังกรนิลจะยังไม่พอใจ แล้วแบบนี้เขาจะพูดอะไรได้…
“อืม…แต่จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่านี้รสชาติโอชะไม่เบา หนุบหนับเคี้ยวเพลิน อีกทั้งยังเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณได้ด้วย…” มังกรนิลขยับปากเคี้ยวเล็กน้อย กลืนร่ างสองร่างลงท้องไป ลักษณะดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจนัก
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากที่ยื่นมือเข้ามาช่วยข้า! ในเขตดารามายานี้ยังมีจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าของเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่าอีกหลายตน ถ้าท่านผู้อาวุโสชื่นชอบรสชาติ ข้าน้อยพาท่านไปค้นหาอาหารอันโอชะนี้ได้…” หลี่ว์ต้งปินหัวเราะเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตน
มังกรนิลกวัดไกวหางบิดตัวไปมา คล้ายว่าปรับตัวเข้ากับร่างกายใหม่ได้แล้ว หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวขึ้นว่า “อ้อจริงด้วยสิ เผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเจ้าเข้ามาในแดนโบราณบรรพก กาลนี้ใช้เส้นทางเดียวกันใช่หรือไม่”
หลี่ว์ต้งปินลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง จึงแสดงท่าทางคำนับพร้อมกล่าวว่า “ใช่แล้ว ท่านผู้อาวุโส”
“งั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าแล้ว คนที่เจ้าต้องขอบคุณคือสหายอันหลิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาฆ่าข้าตาย ข้าก็คงไม่ได้มาปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ และคงยื่นมือเข้ามาช่วยเจ้าไว้ไม่ได ด้” มังกรนิลโบกหางอย่างจำใจ
เมื่อหลี่ว์ต้งปินได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่กับที่ ราวกับโดนฟ้าผ่า
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ตำหนักเมื่อวันนั้นได้ ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มไร้พิษภัยคนนั้น…
พับผ่าสิ…!
ที่แท้อันหลินคือผู้ที่สังหารมังกรนิลที่แข็งแกร่งทรงพลังตัวนี้?!
ที่แท้อันหลินคนที่โดนเขาสบถด่าเป็นหมื่นคำอยู่ในใจ?!
คุณพระ…
ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นในใจหลี่ว์ต้งปินในเวลานี้คือ
คิดไม่ถึงว่าอันหลิน…จะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!