novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 48 จางหยวนเหลียว

  1. Home
  2. ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)
  3. บทที่ 48 จางหยวนเหลียว
Prev
Next

บทที่ 48 จางหยวนเหลียว

ยิ่งใช้เวลาในป่ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้อื่น

หนก่อน ซูเฉินเองก็ได้พบกับคนอื่นอยู่ 2-3 ครั้ง พวกเขาได้ทำการแลกเปลี่ยนอาหารและข้อมูลกันเป็นครั้งคราว

คนส่วนใหญ่ที่เดินอยู่ในป่าสีเลือดเป็นนักล่าธรรมดาทั่วไป แม้พวกเขาจะไม่แข็งแกร่งมากนัก ทว่าพวกเขาก็มีประสบการณ์การเอาชีวิตรอดและรู้วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายอยู่มากมาย พวกเขาสามารถสัมผัสถึงการมาถึงของอสูรร้ายได้จากระยะไกลและสามารถหลบหนีออกไปก่อนได้อย่างรวดเร็ว

ซูเฉินได้เรียนรู้วิธีค้นหาอสูรร้ายจากนักล่าคนหนึ่ง ตอนนี้เขาสามารถหาอสูรร้ายเจอได้จากการดมกลิ่นที่มาตามลม ไม่อย่างนั้น ซูเฉินคงทำได้เพียงแค่เดินอย่างไร้จุดหมายในป่า แล้วทีนี้อัตราความสำเร็จของเด็กหนุ่มก็จะลดต่ำพร้อมกันกับที่ความเสี่ยงอันตรายก็จะสูงขึ้นตาม

นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดเหมือนเขาบางคน ที่กำลังผจญภัยในป่าโดยมีเป้าหมายเป็นอสูรร้ายอยู่เช่นกัน

ชายหนุ่มที่ถูกพยัคฆ์สีรุ้งสองหางไล่ล่าอยู่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด นักล่าทั่วไปไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกอสูรร้ายไล่ล่า พวกเขาจะตายก่อนที่จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น

พยัคฆ์สีรุ้งสองหางจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างมีค่า ขนของมันมีมูลค่าสูง แน่นอนว่าซูเฉินไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ไป อย่างไรก็ตาม แทนที่รีบวิ่งเข้าไป ซูเฉินกลับเลือกซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ในเส้นทางของคนที่กำลังวิ่งหนี

ชายหนุ่มเร่งรีบวิ่งหนีมาตลอดทางและผ่านใต้ต้นไม้ไปโดยไม่สังเกตเลยว่ามีคนอยู่ด้านบนเหนือศีรษะของเขา ขณะที่พยัคฆ์สีรุ้งสองหางทั้ง 2 กำลังวิ่งผ่านไป ซูเฉินก็กระโจนลงมาบนหลังของพยัคฆ์สีรุ้งสองหางตัวหลังที่รั้งท้ายมาในทันที

พยัคฆ์สีรุ้งสองหางส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกับแทงหางเหล็กทั้งสองของมันเข้าใส่ซูเฉิน ชุดเกราะพลอยม่วงเปล่งประกาย โล่ปรากฏขึ้นและบล็อกการโจมตีที่ด้านหลังของเขาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันมือขวาของซูเฉินก็ปลดปล่อยการโจมตีกระแทกเข้าที่คอของพยัคฆ์สีรุ้ง

คอเป็นหนึ่งในจุดสำคัญของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง ด้วยการโจมตีครั้งเดียวพยัคฆ์สีรุ้งสองหางก็สูญเสียพละกำลังทั้งหมดไป ซูเฉินคว้าตัวพยัคฆ์สีรุ้งและรัดคอของมันเอาไว้ เขาแข่งขันความแข็งแกร่งกับเจ้าพยัคฆ์สีรุ้งสองหางตัวนี้ ต้องขอบคุณวิชากายาเวหาเวียนที่ซูเฉินได้ฝึกฝนทำให้ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เขาสามารถท้าทายอสูรร้ายตัวนี้โดยอาศัยเพียงแค่พละกำลัง

เมื่อพยัคฆ์สีรุ้งสองหางอีกตัวที่กำลังไล่ล่าชายหนุ่มอยู่ ได้ยินเสียงความวุ่นวายที่ด้านหลังหันกลับมามองเห็นฉากนี้ มันก็เลิกไล่ตามชายหนุ่มและเปลี่ยนเป้าไปเป็นซูเฉินแทน

“หยุดมัน!” ซูเฉินตะโกนพร้อมกับใช้ออกนัยน์ตาวิญญาณในทันที

ดวงตาของซูเฉินปล่อยลำแสงตรงไปยังดวงตาของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง ร่างของมันสั่นสะท้าน ก่อนที่จะหยุดชะงักนิ่งไป

ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่วิ่งหนีอยู่ด้านหน้าก็ตอบโต้ในทันทีเช่นกัน เขาหมุนตัวกลับมาและใช้ดาบเล่มหนึ่งฟันเข้าไปที่หัวของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง ก่อนที่เจ้าสัตว์จะทันได้ฟื้นคืนสติ

เมื่อได้เห็นเช่นนั้นหัวใจของซูเฉินก็เจ็บปวดยิ่ง ‘หนังเสือชั้นดีถูกทำลายไปหนึ่งแล้ว’

มือทั้งสองข้างของซูเฉินออกแรงมากยิ่งขึ้น พยัคฆ์สีรุ้งดิ้นและพยายามจู่โจมอย่างดุเดือดเพื่อจะหลุดออกไป

พยัคฆ์สีรุ้งสองหางที่ดิ้นอย่างสิ้นหวังคำรามด้วยความโกรธแค้น มันกระโจนออกไป คน 1 คนกับเสืออีก 1 ตัว พัวพันกันวุ่นวายหายลับจากสายตาเข้าไปในป่า เสียงดังก้องแว่วมาให้ได้ยินตลอดทาง ชายหนุ่มผู้วิ่งหนีการไล่ล่าก่อนหน้านี้รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เขาไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ที่ป่าด้านหน้าก็มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกจากป่าพร้อมกับศพเสือขนาดใหญ่ในมือ

มันเป็นเด็กผู้ชายที่ชนะ

ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ

ซูเฉินโยนศพพยัคฆ์สีรุ้งไว้ใต้ต้นไม้ จากนั้นก็เริ่มแยกส่วนซากพยัคฆ์สีรุ้ง “เจ้ายังไม่ได้จัดการมันอีกหรือ? อยากจะให้ข้าช่วยไหม? แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นครึ่งหนึ่งของอสูรร้ายนั้นต้องเป็นของข้านะ”

ชายหนุ่มพูดเสียงดัง “ไม่จำเป็น ข้าจัดการมันเองได้”

ในขณะที่เขาพูดดาบเกล็ดมรกตก็ได้ปรากฏขึ้นและฟาดฟันลงไปที่พยัคฆ์สีรุ้ง ซูเฉินทำได้เพียงแต่ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก

หลังจากถูกกรีดเฉือนไปหลายครั้ง หนังแผ่นนี้คงจะถูกมองว่าไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายหนุ่มก็สังหารพยัคฆ์สีรุ้งลงได้ในที่สุด เขาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง จากนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้งขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตน “ขอบคุณ ขอข้าถามหน่อย ข้าเห็นว่าเจ้าก็มีมีดอยู่กับตัว เหตุใดจึงไม่ใช้? ไฉนจึงใช้หมัดของเจ้าเพื่อฆ่ามันแทนกัน?”

ชายหนุ่มชี้ไปยังมีดสั้นริ้วดำที่ด้านหลังของซูเฉินในขณะที่เขาพูด

“หนังพยัคฆ์สีรุ้งสองหางนั้นมีราคา มันน่าเสียดายหากพวกมันได้รับความเสียหาย”

ชายหนุ่มยิ้ม “สำหรับผู้ที่สามารถหาเครื่องมือต้นกำเนิดมาไว้ใช้งานได้ เจ้ายังสนใจเรื่องแบบนั้นอยู่อีกหรือ?”

ชายหนุ่มเห็นอย่างชัดเจนว่าเมื่อยามที่ซูเฉินต่อสู้กับพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง หากไม่ได้รับการปกป้องจากเครื่องมือต้นกำเนิดประเภทชุดเกราะแล้ว ต่อให้ซูเฉินจะลอบโจมตีมันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารพยัคฆ์สีรุ้งด้วยมือเปล่า ยิ่งกว่านั้น อาวุธกับรองเท้าของเขาก็มีรูปร่างที่ค่อนข้างแปลกตา พวกมันก็คงจะเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดเช่นเดียวกัน

ผู้ที่มีเครื่องมือต้นกำเนิดอยู่กับตัวถึง 3 ชิ้นเช่นนี้ แม้จะหาดูทั่วทั้งเทือกเขาสีเลือดก็ยากที่จะเจอได้

ซูเฉินเองก็ยิ้มตอบ “สำหรับผู้ที่ไม่มีเครื่องมือต้นกำเนิดให้ใช้สักชิ้น เจ้าก็ดูจะไม่สนใจกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เลยนะ”

ใบหน้าของชายหนุ่มแดงขึ้นด้วยความเขินอาย “ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจ ข้าแค่ไม่มั่นใจว่าจะสามารถจัดการมันได้ด้วยมือเปล่าเท่านั้นเอง”

“ข้าตรงกันข้ามกับเจ้า เพราะข้ามั่นใจว่าข้าสามารถทำได้ เช่นนั้นสิ่งที่เป็นตัวกำหนดวิธีการต่อสู้ของเราไม่ใช่เบื้องหลังที่เรามี ทว่าความมั่นใจในตัวของเราเองไม่ใช่หรือ?”

ชายหนุ่มตกตะลึง แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้ามีนามว่าจางหยวนเหลียว คนตระกูลจางจากหลิงซี”

“ซูเฉิน ตระกูลซูจากหลินเป่ย” ซูเฉินตอบกลับขณะที่เขายังคงให้ความสนใจกับการถลกหนังเสือต่อไป

หลิงซีอยู่ไม่ไกลจากหลินเป่ยมากนัก มันได้รับการพิจารณาให้เป็น 1 ในเขตเทือกเขาสีเลือด แต่หลิงซีนั้นแข็งแกร่งกว่าหลินเป่ยมาก ซูเฉินเองก็เคยได้ยินชื่อของตระกูลจางในหลิงซีมาก่อนเช่นกัน มันเป็นตระกูลโบราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตระกูลซู

“ซูเฉิน? ซูเฉินแห่งตระกูลซูจากหลินเป่ยนั่นน่ะหรือ?” จางหยวนเหลียวตกใจจนผงะไปอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าเคยได้ยินชื่อของข้ามาก่อนงั้นรึ?” ซูเฉินก็ตกใจไปเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่ใช่คนเด่นดังอะไร ทว่าอีกฝ่ายนั้นกลับเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน

“ข้ามีเพื่อนอยู่ในหลินเป่ย 2-3 คน ข้าจึงเคยได้ฟังเรื่องราวของเจ้ามาบ้าง ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนตาบอด?”

“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้ามองเห็น” ซูเฉินตอบกลับอย่างสบาย ๆ “บางสิ่งบางอย่างแม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ยังสามารถทำได้”

ฉัวะ! เมื่อเอ็นเส้นสุดท้ายถูกตัดด้วยมีดเลาะกระดูก        ซูเฉินก็ยกมือขึ้น เผยให้เห็นผืนหนังพยัคฆ์สีรุ้งสองหางอันงดงามและสมบูรณ์แบบที่เขาบรรจงถลกมันอย่างพิถีพิถัน

จางหยวนเหลียวตกตะลึงอีกครั้ง

ซูเฉินเริ่มทำลายโครงกระดูกพยัคฆ์สีรุ้งสองหางแล้ว เขาเอื้อมมือเข้าไปในซากของเสือและนับข้อต่อจนพบจุดสิ้นสุด จากนั้นก็เริ่มดึงกระดูกสันหลังออกมาอย่างช้า ๆ ทีละเล็กทีละน้อย

กระดูกสันหลังถือเป็นส่วนที่มีค่าที่สุดในร่างกายของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง มันสามารถใช้กลั่นให้กลายเป็นโอสถสืบสายเลือดได้ หรือจะนำไปหมักเป็นเหล้าเพื่อเสริมสร้างร่างกายก็ได้เช่นกัน พยัคฆ์สีรุ้งสองหางจัดเป็นอสูรร้ายระดับต่ำ ดังนั้นการใช้มันกลั่นเป็นโอสถสืบสายเลือดคงจะเป็นการประเมินไว้สูงเกินไป  ทว่าเหล้าที่ใช้มันหมักนั้น นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและคุณภาพสูงมาก ราคาของมันจัดอยู่ในอันดับที่ 2  เป็นรองเพียงหนังพยัคฆ์สีรุ้งสองหางที่สมบูรณ์และไม่เสียหายเท่านั้น

จางหยวนเหลียวสะบัดมือไปมาตรงหน้าซูเฉิน แต่ซูเฉินไม่ได้รู้สึกตัวเลย ราวกับว่ามีเพียงพยัคฆ์สีรุ้งเท่านั้นที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้

“มันมองไม่เห็นจริง ๆ …  ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อครู่มันเลือกลอบจู่โจมจากทางด้านบน สำหรับคนตาบอดถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้” จางหยวนเหลียวพึมพำกับตัวเอง

จางหยวนเหลียวได้สร้างข้ออ้างใหม่ให้ซูเฉินโดยอัตโนมัติ

หลังจากคิดสักครู่ จางหยวนเหลียวพูดขึ้น “การพบกันของเราคือโชคชะตา ในเทือกเขาสีเลือดนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงและอันตรายถึงชีวิตในทุกย่างก้าว หากผู้ใดเผลอลดการป้องกันลงแม้เพียงครู่เดียวในสถานที่ที่น่ากลัวแห่งนี้ ก็เป็นอันจบสิ้น เจ้าสนใจที่จะมาร่วมมือกับข้าหรือไม่? ด้วยวิธีนี้หากเราพบอสูรร้ายที่มาเป็นคู่ เราก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีอีกต่อไป”

ซูเฉินส่ายหัว “ข้าคุ้นเคยกับการเดินทางคนเดียว”

ความสามารถในการเห็นแสงจากพลังต้นกำเนิดเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ซูเฉินไม่ต้องการให้คนอื่นพบมัน

อย่างไรก็ตาม จางหยวนเหลียวเข้าใจผิดอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายมองไปที่เครื่องมือต้นกำเนิดบนร่างของซูเฉิน “ข้าเข้าใจว่าเจ้ามีเครื่องมือต้นกำเนิดช่วย และความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าก็ถือว่าสูงกว่าข้า เช่นนั้นเจ้าก็เอาไป 6 ส่วนข้าเอาเพียง 4 ? ส่วนเป็นอย่างไร?”

“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์” ซูเฉินส่ายหัว เขาเลาะเอากระดูกสันหลังทั้งหมดที่นับยาวไปจนถึงหางของพยัคฆ์สีรุ้งสองหางออกมาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มคลำหาเจ้าโลก* ของพยัคฆ์สีรุ้งต่อ มันเป็นส่วนที่มีค่าที่สุดส่วนสุดท้ายของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง

[ * การกินอวัยวะเพศของสัตว์นั้นน่าจะช่วยเพิ่มความฟิตและยังสามารถใช้เป็นยาโป๊ได้อีกด้วย ]

“เช่นนั้นเจ้าเอาไป 7 ส่วนแล้วข้า 3 ส่วน? ว่าอย่างไร?” จางหยวนเหลียวยังคงไม่ยอมแพ้ “ซูเฉิน ข้าไว้หน้าและแสดงความจริงใจต่อเจ้าที่สุดแล้ว ดวงตาของเจ้ามองไม่เห็น ดังนั้นข้าจะช่วยทำหน้าที่แทนดวงตาของเจ้า เจ้าจะได้จะปลอดภัยและผ่อนคลายมากขึ้น ข้าเพียงแค่อยากจะตอบแทนที่เจ้าช่วยข้าไว้”

ซูเฉินก็ยังคงส่ายหัว “อย่างที่ข้ากล่าวไป มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์”

ฉัวะ! ใบมีดสะท้อนประกายเล่นกับแสงอาทิตย์ แล้วเจ้าโลกของพยัคฆ์สีรุ้งสองหางก็ถูกตัดออก

ซูเฉินเก็บมันไปแล้วพูดต่อ “หากเจ้าอยากจะตอบแทนจริง ๆ งั้นก็ช่วยข้าก่อไฟและย่างเนื้อ หลังจากทานอาหารมื้อนี้แล้ว ก็ทางใครทางมัน”