ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 180 ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่
ใครจะไปรู้ เจียงหลีกลับพูดว่า “ทำไมต้องทำลายกิเลสให้เจ้าด้วยล่ะ”
หืม
รอยยิ้มของเว่ยจี๋หยุดชะงัก เป็นแบบนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่เขาจับเป้าหมายของเจ้าเด็กสาวผู้นี้ได้ นางก็เปลี่ยนกะทันหันอีกแล้ว เข้าใจยากจริงๆ
“หรือว่าเจ้าไม่อยากออกไปจากที่นี่” เว่ยจี๋หยั่งเชิงถาม
เจียงหลีกลับหัวเราะเยาะ “เจ้าชิงไหวชิงพริบกับข้าหรือ ข้าถามจนรู้ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ขอแค่ทำลายกิเลสให้วิญญาณชั่วร้ายหนึ่งตน ข้าก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ หลายปีมานี้ ข้าทำลายกิเลสไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ไหนเจ้าลองนับดูสิ”
พวกผีเฒ่าชั่วร้ายเหล่านั้น ต้องบอกนางจนหมดไหม! เว่ยจี๋กัดฟันก่นด่าในใจ
“เจ้าทำทุกวิถีทางเพื่ออยากรู้กิเลสของข้าให้ได้ ไม่ใช่เพื่อทำลายมันหรอกหรือ ทำไมตอนนี้เจ้าถึงถอดใจไปได้เสียเล่า” เว่ยจี๋จี้ถามนาง
คราวนี้เจียงหลีไม่พูดอ้อมค้อมอีก “หลังจากทำลายกิเลสได้ เจ้าจะหายไปตลอดกาลใช่หรือไม่”
ดวงตาเปล่งประกายคู่นั้นจ้องไปที่เว่ยจี๋ ด้วยความรู้สึกจริงจังจากใจ ทำให้แววตาเย้ยหยันค่อยๆ มลายหายไป และเข้าก็ซาบซึ้งอย่างนึกประหลาดใจ แม่ตัวแสบไร้หัวใจนี่ ทำใจให้เขาหายไปไม่ได้หรือ
“ข้ายังไม่ทันได้เรียนวิชาปลุกเสกหุ่น เจ้าจะไปได้ยังไง”
เอ่อม!
ความซาบซึ้งในดวงตาของเว่ยจี๋แตกละเอียดย่อยยับ เลือดกระอักจุกอก แต่ก็ถูกเขากลืนลงคอกลับไปเหมือนเดิม เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว้าไม่ควรตั้งความหวังกับแม่เด็กคนนี้ แม่ตัวแสบคนนี้เป็นคนใจจืดใจดำ เย็นชาอำมหิต!
“เจ้านี่ช่างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” เว่ยจี๋ฝืนยิ้ม
“ความเสมอต้นเสมอปลายเป็นคุณธรรมอันดีงามของข้าเองแหละ” เจียงหลีเอ่ยขึ้นอย่างหน้าหนาไร้ยางอาย ทำไมนางถึงจะมองไม่ออกว่านางแทงใจดำเว่ยจี๋เข้าอย่างจัง แต่ว่า นี่ก็คือเป้าหมายของนาง นางมีความสุข และนางก็ชอบใจด้วย!
“มาๆๆ ไหนลองเล่าเรื่องกลั่นสุราของเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ” เจียงหลีแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า และเปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างชาญฉลาด
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เว่ยจี๋จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าย้อมไปด้วยความครุ่นคิดถึงความทรงจำ “แปลกมากใช่ไหมล่ะ หากอธิบายขั้นตอนการกลั่นสุราไปหมดแล้ว ก็มีแค่ไม่กี่ขั้นตอน ข้าชื่นชอบสุรามากขนาดนี้ เป็นคนที่เข้าใจสุราอย่างถ่องแท้ แต่กลับกลั่นสุราออกมาไม่ได้สักหยด ใช้น้ำแร่ชนิดเดียวกัน วัตถุดิบกลั่นสุราประเภทเดียวกัน อุปกรณ์เหมือนกัน และกรรมวิธีเหมือนกัน คนอื่นต่างกลั่นออกมาได้สุรากลิ่นหอมชั้นเลิศ แต่ข้ากลับกลั่นออกมาเป็น…”
เขาส่ายหน้าและหัวเราะเยาะตัวเอง “ก็เหมือนอย่างที่เจ้ากล่าวมานั่นแหละ คงเรียกได้แค่น้ำเน่า”
ทันใดนั้นแววตาเขาก็เฉียบคม น้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่ยอมแพ้! ข้าไม่พอใจ ทำไมข้าถึงไม่มีทางกลั่นสุราชั้นเลิศออกมาได้ ในใต้หล้านี้ หุ่นเชิดที่ว่ายากขนาดนั้นข้ายังทำออกมาได้ แล้วสุราที่แสนง่ายดายทำไมข้าถึงกลั่นมันออกมาไม่ได้”
กิเลสอันดุร้ายเป็นไฟแผดเผาอาบย้อมไปทั่วรอบตัวของเว่ยจี๋ จึงทำให้บรรยากาศรอบห้องกลั่นสุราเต็มไปด้วยไอดุร้าย เจียงหลีถอยไปข้างหลังสองเก้าอย่างทนไม่ไหว ทันใดนั้น นางก็เบิกตาโพลง มองสัญลักษณ์ลายเส้นสีดำที่ปรากฏอยู่บนหน้าผากของเว่ยจี๋ด้วยความประหลาดใจ
ลายทางนี้ทำให้ใบหน้ารูปงามของเว่ยจี๋มีความรู้สึกแปลกขึ้นเล็กน้อย และมีร่องรอยของความรุนแรง
“เว่ยจี๋!” เจียงหลีตะโกนลั่น
ทันใดนั้น ไอดุร้ายในร่างกายของเว่ยจี๋ก็แผ่กระจายออกมา ลายทางสีดำบนหน้าผากก็พลันสลายหายไป สีผิวของเขาก็กลับไปเป็นสีขาวผ่องดั่งเดิม
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เจียงหลีก้าวไปข้างหน้า นางเข้าประคองเว่ยจี๋ที่ดูเหมือนจะอ่อนลง
เว่ยจี๋ปัดป่ายมือไปมา “ข้าไม่เป็นไร เมื่อครู่นี้แต่เกิดกิเลสเฉยๆ”
“การกลั่นสุราชั้นเลิศสำหรับเจ้าแล้ว มันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ หรือว่า เจ้าอยากพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเจ้าสามารถกลั่นสุราได้” เจียงหลีเอ่ยถาม
จู่ๆ เว่ยจ็ก็ขำออกมา แล้วถามกลับไปว่า “เหตุผลอะไร มันสำคัญด้วยหรือ ถึงอย่างไร ไม่ว่าตอนแรกข้าคิดอย่างไรถึงอยากกลั่นสุรา ตอนนี้ มันก็กลายเป็นกิเลสของข้าไปเสียแล้วล่ะ”
เจียงหลีนิ่งเงียบ
รู้จักมักจี่คุ้นเคยกันมาหลายปี ยากนักที่นางจะเห็นเว่ยจี๋เป็นเช่นนี้
“ช่างเถอะ ข้าจะพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าไปทำไมกัน” ผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ เว่ยจี๋ก็หัวเราะอีก แล้วทำเป็นปัดป่ายมืออย่างไม่ใคร่ใส่ใจ
“ออกไปเดินเล่นดีไหม” เจียงหลีเสนอแนะ
เว่ยจี๋ก็หัวเราะขึ้นทันที “เจ้าอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี ราวกับเป็นเจ้าของที่แห่งนี้ไปเสียแล้ว”
เจียงหลีกระตุกคิ้วและยิ้มให้
จะว่าคำพูดนี้ก็ไม่ถือป็นความเท็จเสียทีเดียว อยู่ที่นี่มาหลายปี เว่ยจี๋พานางไปสถานที่ต่างๆ หลายที่ สามารถพูดได้เลยว่า อยู่เป็นศูนย์กลางของเหล่าวิญญาณชั่วร้าย ไม่มีวิญญาณชั่วร้ายตนไหนไม่รู้จักคนที่ชื่อเจียงหลีอีกแล้ว
วิญญาณชั่วร้ายใดๆ ก็ตามที่ต้องการหลุดพ้นจากดินแดนผนึกมาร ก็จะเป็นฝ่ายมาหาเจียงหลีก่อน แล้วขอให้นางทำลายกิเลสให้ ถึงอย่างไร ทุกปีจะมีคนเข้ามาแค่สามสิบห้าคน ในสามสิบห้าคนนี้ มีส่วนน้อยที่จะเดินเข้ามาถึงที่นี่ และคนที่สามารถทำลายกิเลสให้พวกเขาได้ก็ยิ่งมีน้อยลง ให้อดใจรอหรือ คงอยากรอนักล่ะ… ตอนนี้ มีเพียงความหวังเดียว แล้วพวกเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร
“ไม่ไปแล้ว” เว่ยจี๋หุบยิ้ม เขามองเจียงหลีด้วยสายตาดำดิ่ง “เวลาของเจ้ามีไม่มากแล้ว ยังเหลืออีกสองปี หากเจ้าอยากเรียนวิชาปลุกเสกหุ่นเชิด ต่อให้มีพรสวรรค์เหนือใคร ก็เรียนรู้ได้เพียงหยิบมือเท่านั้น เจ้าเร่งทำเวลาเรียนให้มากขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเถอะ”
ทันใดนั้นเจียงหลีก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด “มีหนทางใดบ้าง ที่สามารถพาเจ้าออกไปจากดินแดนผนึกมาร โดยที่ไม่ต้องให้เจ้าหายไปไหน”
“หืม” เว่ยจี๋อึ้งไปชั่วขณะ
หลังจากนั้น เพราะเจียงหลีเขาจึงหัวเราะจนน้ำตาไหลด้วยความแปลกใจ “อย่าว่าแต่ข้าจะยอมหรือไม่ยอมออกไปกับเจ้าเลย ต่อให้ข้ายอมไป เจ้าก็ไม่มีความสามารถนี้อยู่ดี นอกเสียจากว่าเจ้าเป็นเจ้าของของโลกใบนี้ หรือมีความสัมพันธ์พิเศษกับบรรพบุรุษผู้สร้างโลก เช่น…ภรรยาหรือไม่ก็บุตรสาว”
“…” เจียงหลีนิ่งเงียบ
ผ่านไปสักพัก นางจึงเอ่ยถาม “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ หมายความว่าอย่างไร”
เว่ยจี๋ยกสุราขึ้นมาหนึ่งไห แล้วโยนให้เจียงหลี นางรับไว้แล้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ดินแดนผนึกมารสร้างขึ้นมาจากกลองศิลาจารึก ว่ากันว่า กลองศิลาจารึกเป็นสมบัติวิเศษของบรรพบุรุษผู้สร้างโลก ดังนั้น ดินแดนผนึกมารจึงสามารถรับรู้ถึงลมหายใจของบรรพบุรุษผู้สร้างโลก หากเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษผู้สร้างโลก เจ้าอยากพาวิญญาณร้ายที่มีกิเลสออกไปจากที่แห่งนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายแล้วมิใช่หรือ” เว่ยจี๋อธิบาย
เจียงหลีมองไหสุราว่างเปล่าในมือ แล้วนึกถึงสิ่งที่เว่ยจี๋พูดเมื่อครู่นี้ และทันใดนั้นนางก็โพล่งออกมา “เข้ามา”
เว่ยจี๋กำลังจะหัวเราะเยาะให้กับความคิดแปลกประหลาดของเจียงหลี แต่กลับคาดไม่ถึงว่าพลังดึงดูดที่มาจากปากไห จะดูดเขาเข้าไปด้วย
เขาดิ้นไม่พ้น และเขาก็ถูกดูดเข้ามาในไหสุราเปล่าๆ ภายในพริบตา
“…” เจียงหลีมองไหแล้าเปล่าในมือเบิกตาอ้าปากค้าง หัวสมองขาวโพลน นี่มันเหตุการณ์อะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้าทำอะไรลงไป เมื่อครู่นี้ก็แค่เผลอพูดออกไปอย่างไม่ตั้งใจเท่านั้น อ้ากกก!
“เจียงหลี! เจียงหลี! เจ้าได้ยินที่ข้าพูดไหม รีบปล่อยข้าออกไปเดี่ยวนี้ ปล่อยข้าออกไป…!” ไหสุราในมือของเจียงหลี ส่งเสียงดังอู้อี้ของเว่ยจี๋
ที่เสียงอู้อี้อื้ออึงเช่นนี้ เพราะว่ามันดังออกมาจากในไหสุรา
และนี่ก็ยืนยันได้ว่าเว่ยจี๋อยู่ในไหสุราจริงๆ!
เมื่อครู่นี้เขาถูกดูดเข้าไปในไหเปล่าจริงๆ ด้วย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่นางได้จินตนาการเอาไว้ แต่ว่ามันคือควาจริง
“ข้า…ข้าจะช่วยปล่อยเจ้าออกมาได้อย่างไรเล่า” เจียงหลีเอ่ยขึ้นความมึนงง
เมื่อครู่นี้ข้าทำอย่างไรนะ
เจียงหลีครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วตะโกนเรียกเข้าไปในไห “ออกมา”
มีควันลอยออกมาจากปากไหสุรา แล้วกลิ้งหลุนๆ ลงกับพื้น จากนั้นจึงปรากฏร่างของเว่ยจี๋ออกมา แต่เขากลับมองหน้าเจียงหลีด้วยสีหน้าสะพรึงกลัว แล้วเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง “ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่”