ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 102 เทียนเจียวผู้เป็นที่สนใจ
“ล่วงเกินแล้ว!” ผู้ทดสอบพูดกับคนที่อยู่บนสนามประลอง กำหมัดแล้วจึงจู่โจม
เวลานี้ภายในอาณาเขตของกลุ่มอำนาจฮวงเสิน บนน้ำตกอันยิ่งใหญ่นั้นก็ปรากฏภาพการต่อสู้ของคนสองคนออกมา ภาพที่เห็นนั้น ทำให้คนดูจำนวนมากต่างเงียบลง ตั้งใจดูอย่างจดจ่อ กระซิบข้างหูถกเถียงกันอย่างเบาๆ อยู่เป็นพักๆ
ตู้มมม!
เพิ่งผ่านไปห้าสิบกระบวนท่า ผู้ทดสอบก็ถูกหมัดระเบิดซัดตกลงมา ร่างพุ่งตกลงไปในเชิงเขา ติดอยู่บนป้ายหิน
“ตกรอบ” เสียงจากบนท้องฟ้าเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
เจียงหลีมองยังชายหนุ่มที่ไม่ผ่านการทดสอบคนนั้น เห็นเพียงใบหน้าราวสีขี้เถ้าของเขา กุมอกไว้แล้วค่อยๆ คลานขึ้นมา มองเขาหนานซานอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วจึงเดินคอตกหันหลังกลับออกไปอย่างช้าๆ
ภายในฮวงเสิน บรรดาศิษย์ของสำนักนี้ล้อมวงมองดู มองผู้ทดสอบที่ไม่ผ่านนั้นเดินออกไปอย่างโดดเดี่ยว ศิษย์บางคนที่ทนงตนก็เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “หึ ความสามารถแค่นี้ ยังอยากจะเข้าเมือง
ฮวงเสินของพวกเราน่ะหรือ”
“ฮวงเสินของพวกเราถึงแม้เป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนต่างรู้ดี ถึงแม้ให้เทียบชั้นเรากับกลุ่มอำนาจระดับสูง พวกเราก็ไม่ได้แย่ แน่นอนว่ามีคนมากมายอยากจะเข้ามาสร้างชื่อเสียงกันทั้งนั้น”
“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกไร้ความสามารถ รีบไล่ออกไปเถิด ข้าได้ยินว่าหันเหยากวงจะมาทดสอบ ถึงได้ตั้งใจมารอที่นี่”
“เจ้าก็มารอหันเหยากวงเช่นกันหรือ ข้าก็ด้วย”
“โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก ข้าว่าวันนี้ที่นี่คึกคัก ผู้คนมามากมายขนาดนี้ จำนวนหนึ่งคงมาเพราะเขาเป็นแน่”
“ใช่ ท่านนี้ผู้เป็นที่เลื่องลือ เทียนเจียวผู้เป็นที่สนใจแห่งซีฮวง ข้าอยากจะรู้ว่าเขามีความสามารถสักแค่ไหน แล้วก็อยากรู้ว่าเขาจะสามารถได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเย่าหรือไม่”
“ตำหนักเย่าหรือ”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาท่ามกลางผู้คน
“ช่างเถิด ตำหนักเย่ากี่ร้อยปีแล้วที่ไม่รับศิษย์ การได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเย่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ข้าคิดว่าแค่ได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเย่ว์ก็ดีมากแล้ว อย่างไรก็ตามการทดสอบแต่ละครั้ง ผู้ที่ถูกคัดเลือกจากตำหนักเย่ว์ ก็ช่างหาได้ยากมีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้น แม้ว่าหลายครั้งจะไม่มีเลยก็ตาม”
“จะว่าไปแล้ว ฮวงเสินของพวกเราทั้งสี่ตำหนักนี้เย่า เย่ว์ ซิง เฉิน ตำหนักเย่าลึกลับที่สุด ตำหนักเย่ว์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ตำหนักซิงถือว่าเป็นชั้นสูงในสำนัก ตำหนักเฉินน่ะ…ตำหนักเฉินล้วนเป็นพวกชั้นธรรมดา”
ฮ่าๆๆๆ
เสียงหัวเราะอย่างไร้มารยาทก็ดังขึ้นมา
ท่ามกลางผู้คน ศิษย์ชุดสีเทาจำนวนไม่น้อยต่างมีสีหน้าที่แน่วแน่มองไปยังพวกเขา
เมื่อสักครู่นี้การสนทนาของคนสองสามคนนี้ พวกเขาได้ยินหมดแล้ว ทว่ากลับทำได้เพียงแค่โกรธแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ ใครใช้ให้พวกเขาเป็นศิษย์ตำหนักเฉินที่เป็นเทียนเจียวผู้ธรรมดาที่สุดล่ะ
“เป็นแค่คนของตำหนักซิง กลับโอ้อวดได้ถึงเพียงนี้” ลู่เสวียนเอ่ยพลางใช้สายตาเยือกเย็นมองจากที่ไกลๆ
“คนของตำหนักซิง ก็เป็นเช่นนี้กันหมดไม่ใช่หรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยอย่างไม่พอใจ
ลู่เสวียนมองนาง แล้วยิ้มขึ้นมา “เจ้าโกรธอะไรหรือ ข้าก็ไม่ได้ว่าเจ้านี่ บัดนี้ข้าก็เป็นศิษย์ของตำหนักซิง เจ้าดูสิ พี่เฮ่าก็เป็นคนของตำหนักเย่ว์แต่ก็ไม่เคยโอ้อวดเช่นพวกเขาสักหน่อย”
“หึ!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่สนใจเขา
…
บริเวณเชิงเขาหนานซานมีคนสิบคนขึ้นเขามาทดสอบอย่างต่อเนื่อง
เจียงหลีพบว่าคนที่ปรากฏอยู่บนสนามประลองแรกเป็นผู้มาทดสอบที่ฝึกฝนมาในระดับเดียวกัน ในสิบคนนี้ ถูกตัดออกแล้วเก้าคน เหลือเพียงหนึ่งคน ตอนนี้ขึ้นไปยังสนามประลองที่สองแล้ว
เมฆหมอกลอยหายไป เจียงหลีรี่ตาลงพลางรู้สึกประหลาดใจ หรือว่าเป็นอาณาเขตเดียวกัน
แต่ไม่นาน ความสงสัยในใจเจียงหลีก็หมดไป
ถึงแม้จะเป็นอาณาเขตเดียวกัน แต่ผู้ประจำสนามประลองชัดเจนมาก ทักษะการต่อสู้ต้องมากกว่าผู้ทดสอบ การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ก็ต้องหลากหลาย
หรือว่าในสนามประลองที่สองจะทดสอบการหยั่งรู้ของทักษะการต่อสู้ เจียงหลีคาดเดาในใจ
ฟู่!
ผู้ทดสอบสุดท้ายสู้ไม่ได้ พ่ายแพ้ไปในสนามประลองที่สอง
แต่ทว่าเขากลับไม่ถูกขับออก
“ความสามารถพอใช้ การหยั่งรู้พอใช้ แต่ความขยันในภายหลังสามารถชดเชยสิ่งไม่มีติดตัวมาแต่กำเนิดได้ หากเจ้ายินดีมาฝึกที่ตำหนักเฉินแห่งฮวงเสินของข้า หากทำสำเร็จ สามารถผ่านการทดสอบของสำนักไปได้ จึงสามารถเข้าตำหนักอื่นได้ หากไม่ยินดี ก็กลับไปเสียเถิด”
“ข้ายินดี! ข้ายินดี! ” ผู้ทดสอบเอ่ยอย่างตื่นเต้นไม่หยุด
“ตำหนักเฉินหรือ” เจียงหลีกลับไม่คุ้นเคยกับระบบภายในฮวงเสิน
ยังดีที่ข้างกายนางมีเจิ้งหยวนอยู่ด้วย
“ภายในฮวงเสินแบ่งออกเป็นสี่ตำหนักใหญ่คือ เย่า เย่ว์ ซิง เฉิน ภายในตำหนักใหญ่ทั้งสี่ ก็แบ่งเป็นพวกที่มีพลังแข็งแกร่งและฝีมืออ่อน ในนี้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือตำหนักเย่า เงื่อนไขการรับศิษย์สูงที่สุด ว่ากันว่าหลายร้อยปีมาแล้วยังไม่เคยได้รับศิษย์คนใหม่เข้ามา ตำหนักเฉินกลับมีเงื่อนไขต่ำที่สุด จำนวนคนมากที่สุด และเป็นตำหนักที่อ่อนฝีมือที่สุด การทดสอบเข้าสำนักนั้น นอกจากตำหนักเฉินแล้ว นอกนั้นสามตำหนักล้วนจะเลือกคนเข้าเอง หากว่าอยากมีคุณสมบัติได้รับเลือกจากสามตำหนักนี้ อย่างแรกก็ต้องขึ้นยอดเขาให้ได้ หากขึ้นไม่ถึงยอดเขา แต่กลับสามารถผ่านด่านไปได้สักด้านหรือสองด่าน คงได้รับเลือกเข้าตำหนักเฉินเท่านั้น”
ฟังคำอธิบายอย่างละเอียดจากเจิ้งหยวนแล้ว เจียงหลีก็เข้าใจระบบโครงสร้างของฮวงเสินแล้ว
ข้าก็ลืมถามไปว่าพวกพี่ใหญ่อยู่ตำหนักไหน…พวกเขาก็จริงๆ เลย แล้วยังลืมบอกข้า เจียงหลีบ่นในใจ
ก็เป็นคนคุ้นเคยทั้งนั้น แน่นอนว่าคงรออยู่ที่ใดที่หนึ่ง
เพียงแต่ตอนนี้ในเมื่ออีกฝ่ายลืมสอบถาม อีกฝ่ายลืมบอกกล่าว ก็ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงทดสอบให้ผ่านแล้วค่อยว่ากัน
ตรงเชิงเขา มีคนขึ้นเขามาทดสอบการต่อสู้อยู่เรื่อยๆ และก็มีผู้ที่ถูกคัดออกอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเฉิน ชั่วพริบตา ทดสอบไปร้อยคน บัดนี้ผ่านมาครึ่งหนึ่งแล้ว
ทว่าผู้ที่สอบผ่านมีเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้น แล้วทั้งเจ็ดคนนี้ล้วนเข้าตำหนักเฉินทั้งหมด
หันเหยากวงที่ถูกเจิ้งหยวนยกย่องเทิดทูนคนนั้น กลับยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ คงจะตัดสินใจขึ้นเป็นคนสุดท้าย
ภายในฮวงเสินดูไปแล้วบรรดาศิษย์จำนวนหนึ่งหมดความตื่นเต้นลงไปแล้ว
“คาดไม่ถึงว่าผู้ทดสอบรุ่นนี้จะมีความสามารถแย่ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ถ้าไม่ใช่ว่ายังมีหันเหยากวงที่ยังไม่ได้ขึ้นเขามาสอบ เกรงว่าที่นี่คงไม่เหลือใครแล้ว”
“หันเหยากวงก็จริงๆ เลย เย่อหยิ่งอะไรเช่นนั้น ไม่ยอมขึ้นเขามาเสียที กำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้พวกเราเสียเวลารอ”
“เสียดายที่ที่นี่เห็นเพียงแค่สภาพการณ์ของเขาหนานซาน แต่มองไม่เห็นคนที่อยู่เชิงเขา ดังนั้นหันเหยากวงคิดจะทำอะไรกันแน่ พวกเราก็เดาไม่ออก”
“รอดูเถิด! หวังว่าเขาจะไม่ทำให้พวกเราที่รอกันนานขนาดนี้ต้องผิดหวัง”
“…”
…
เชิงเขาหนานซาน คนเป็นร้อยเหลือเพียงสามคนที่ยังอยู่ที่เชิงเขา
หันเหยากวงเบนสายตาอย่างช้าๆ มองยังทิศที่เจียงหลีกับเจิ้งหยวนอยู่ เจียงหลีไม่รีบร้อน ส่วนเจิ้งหยวนเสียดายหากจะต้องจากสาวงาม ดังนั้นก็ยังไม่ยอมขึ้นเขามาสอบ
เวลานี้หันเหยากวงมองมาด้วยสายตาที่เรียบนิ่งแฝงความเย็นชา แผ่นหลังของเจิ้งหยวนก็เย็นวาบอย่างควบคุมไม่ได้ พยักหน้ายิ้มเย้ย เพียงแต่ว่าสายตาของหันเหยากวงกลับไม่ได้หยุดอยู่ที่เขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองเจียงหลีที่อยู่ข้างกายเขา
เจียงหลีรู้สึกว่าถูกมองจึงหันมองกลับไป สายตาสบกับหันเหยากวงพอดี
องค์ประกอบบนใบหน้าทั้งห้าที่มีเสน่ห์งดงามของนางอยู่ในสายตาของหันเหยากวง ทำให้ตาของเขาทั้งสองข้างหรี่เล็กลง มองเข้าไปในดวงตาที่สวยงามน่าตะลึง
ชั่วพริบตา หันเหยากวงก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขาหยุดสายตาที่มองนั้น แล้วก้าวเท้าเดินไปทางเขาหนานซาน
ภายในฮวงเสินภาพตรงหน้านั้น ปรากฏร่างหันเหยากวงในที่สุด ทำให้ผู้คนมากมายที่รออย่างเบื่อหน่ายถอนหายใจยาว
“เฮ้ออ...! ในที่สุดก็ยอมขึ้นเขามาจนได้!”