ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 788 แสงแห่งวิถีธรรม! (3)
บทที่ 788 แสงแห่งวิถีธรรม! (3)
หากในการต่อสู้ครั้งต่อไป ทหารสวรรค์พ่ายแพ้ และพวกเผ่าเวทประสบความสูญเสียบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก
จากนั้นเขาก็จะใช้ตำแหน่งเทพวารีเพื่อปล่อยคลื่นยักษ์ และปล่อยให้กองทัพเผ่าทะเลที่แข็งแกร่งนับล้าน จมพวกเผ่าปีศาจเหล่านี้ให้ตาย
ทว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวก็จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในดินแดนเทวะอุดรอย่างยิ่ง มันจะทำลายระบบนิเวศของดินแดนเทวะอุดร และทำลายความแตกต่างหลากหลายของสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในโลกบรรพกาล
นอกจากนี้มันยังบังเอิญเป็นอันตรายต่อเผ่าเวทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันจะไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจมากนัก
หากไม่จำเป็น หลี่ฉางโซ่วก็จะไม่ใช้สมบัติเทพวารีจริงๆ
เมื่อพิจารณาจากความเร็วในการเดินทัพของเผ่าปีศาจในเวลานี้ มันจะใช้เวลาอีกราวสองวันหลังจากนี้ กว่าที่กองทัพเผ่าปีศาจจะมาถึงสถานที่รวมตัวของพวกเผ่าเวทในดินแดนเทวะอุดร
นับเวลาที่พวกเผ่าปีศาจได้ใช้ในการจัดทัพของพวกมันให้พร้อม จะมีการต่อสู้นองเลือดเกิดขึ้นทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดรภายในเวลาราวสามวัน
ขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังเฝ้าติดตามดูแลสภาพแวดล้อมของเขา เขาก็ยังกำลังคิดอย่างรอบคอบในใจว่า มีข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องใดๆ ในการจัดเตรียมการของเขาหรือไม่
และในขณะนั้น ไป๋เจ๋อก็ได้กลับมามีบทบาทสำคัญมากอีกครั้ง!
หนึ่งมนุษย์และหนึ่งสัตว์ร้ายต่างได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยกันมาเป็นเวลานาน
หลี่ฉางโซ่วได้ใช้พลังเซียนของเขาโดยตรงเพื่อสร้างโต๊ะทรายและใช้ธงต่างๆ เป็นตัวหมากเพื่อเป็นตัวแทนของกองกำลังของทุกฝ่าย และไป๋เจ๋อก็หยั่งรู้ถึงการต่อสู้ที่ตามมาในครั้งต่อไปอย่างระมัดระวัง
การหยั่งรู้ถึงการต่อสู้ครั้งแรกแห่งโลกบรรพกาล!
ไป๋เจ๋อมีความเข้าใจในเผ่าปีศาจอย่างลึกซึ้ง และเมื่อเขาทำหน้าที่เป็น ‘ผู้บัญชาการ’ ของเผ่าปีศาจนั้น เขาได้ใกล้ชิดกับผลงานการแสดงที่แท้จริงของเผ่าปีศาจอย่างยิ่ง
พวกเขาเดินหมากโดยคำนึงถึงอิทธิพลของสำนักบำเพ็ญประจิม พวกเขาโจมตีและป้องกันบนดินแดนทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดร
พวกเขาเดินหมากกันซ้ำๆ มากกว่าสิบครั้ง และในที่สุด ไป๋เจ๋อก็พ่ายแพ้
เพียงทว่าในแต่ละครั้ง ความสูญเสียของสวรรค์ แดนยมโลก เผ่าเวท และวังมังกรจะแตกต่างกันไป
สถานการณ์ที่น่าเศร้าสลดที่สุดก็คือ หกถึงเจ็ดในสิบส่วนของพวกเผ่าเวท และสามในสิบส่วนของเหล่าทหารนับแสนที่ศาลสวรรค์จัดเตรียมเอาไว้ได้บาดเจ็บล้มตาย…
วิญญาณทั้งสองได้พูดคุยกันเป็นเวลาครึ่งวัน และทำให้ทั้งแผนหลักและแผนสำรองของหลี่ฉางโซ่วสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจมากขึ้นอีกเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “นับเป็นโชคของศาลสวรรค์อย่างแท้จริงที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านไป๋”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “หากเทพวารีสามารถถือกำเนิดในสมัยโบราณและทำงานรับใช้ให้จักรพรรดิมนุษย์ได้ ข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่า สงครามโบราณระหว่างเผ่าเวทและมนุษย์ จะน่าตื่นเต้นมากเพียงใด”
“ครั้นเมื่อสงครามปะทุขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนพินาศ จมดิ่งลงสู่ความทุกข์ยากและความเจ็บปวดทรมาน” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจัง
“เรื่องนี้ไม่อาจใช้คำว่า น่าตื่นเต้นมาอธิบายได้”
“ใช่แล้ว” ไป๋เจ๋อโค้งคำนับให้พร้อมกับกล่าวว่า “เป็นข้าเองที่ใช้ถ้อยคำผิดไป
เทพวารี ข้ามีแผนอื่นแล้ว มันสามารถทำลายขวัญกำลังใจของเผ่าปีศาจและลดความเสียหายให้กับศาลสวรรค์ได้”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้แผนการที่ไป๋เจ๋อกล่าวถึงแล้ว
เขาถามว่า “ท่านไป๋ ท่านไม่พอใจพวกเผ่าปีศาจในเวลานี้จริงๆ หรือ?”
ดวงตาของไป๋เจ๋อฉายแววเศร้าเล็กน้อย เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้ากำลังละทิ้งที่จุดสูงสุดของศาลปีศาจ ข้าไม่ควรกล่าวเช่นนี้
ทว่าเหล่าสหายของข้าในเผ่าพันธุ์ปีศาจและสิ่งมีชีวิตที่ข้าชื่นชม ล้วนตายไปพร้อมกับศาลปีศาจในท้ายที่สุด
ความจริงแล้ว ข้าไม่ชอบพวกคนน่ารังเกียจเหล่านี้ที่กลัวความตายมาตั้งแต่ปลายสมัยโบราณ
แต่ทุกวันนี้ กลับกลายเป็นคนน่ารังเกียจเหล่านี้ที่ใช้ชื่อศาลปีศาจแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวพวกเขาเอง
ลู่หยาเป็นชายหนุ่มที่ไม่แยแสต่อความเกลียดชัง หลังจากเข้ามาติดต่อกับพวกเขาแล้ว เขาก็ค่อยๆ กลายมาเป็นเช่นนี้…
เฮ้อ อย่าไปพูดถึงมันเลย
เทพวารี การต่อสู้ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเป็นครั้งแรกของข้า ข้าไม่อาจได้รับการปกป้องจากจอมปราชญ์โดยไร้เหตุผล”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ขอให้ข้าคิดดูก่อนเถิด”
“ได้”
ไป๋เจ๋อถอนหายใจเบาๆ จากนั้น ทั้งสองร่างต่างก็โค้งคำนับให้กันและกัน แล้วหลี่ฉางโซ่วก็กลับมาที่ยอดเขาหยกน้อยเช่นกัน
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นั่งอยู่ในหอโอสถ และเหยียดยืดร่างหลักของเขาเล็กน้อยอยู่ในห้องลับใต้ดิน
เขาเดินไปที่รูปภาพเหมือนของจอมปราชญ์ไท่ชิง วางก้านธูปสามดอก และทำพิธียิ่งใหญ่ แล้วรอการปรากฏของอักขระเต๋าของจอมปราชญ์อย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นสักพัก…
ไม่ตอบสนองหรือ?
หลี่ฉางโซ่วกะพริบตา และในขณะที่เขากำลังจะกล่าวออกไป เขาก็รู้สึกว่ามีระลอกคลื่นบางๆ ได้ปรากฏขึ้นในจักรวาลข้างๆ เขา และเสี้ยวเจตจำนงวิญญาณสองสายก็แทรกซึมเข้าไปในหัวใจเต๋าของเขา และกลายเป็นเสียงที่คุ้นเคยและน่าตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆ! เจ้าศิษย์น้อย! ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องเจ้าอีกครั้ง! เจ้าจะไปฆ่าหรานเติ้งหรือ?”
“ช่วงนี้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจดีย์วิจิตรเสวียนหวงเทียนตี้!
ไม้เฉียนคุนที่แท้จริง!
ทันใดนั้นหัวใจเต๋าของหลี่ฉางโซ่วสั่นสะท้าน
สมบัติวิญญาณที่ปรมาจารย์นัจอมปราชญ์ส่งมาได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแน่นอนแก่เขาแล้ว!
หากเขาเพียงมอบท่านปู่เจดีย์มาให้เท่านั้น เขาก็จะมุ่งความสนใจไปที่การวางแผน ปกป้องตัวเองและไม่ต้องเข่นฆ่าศัตรูด้วยตัวเอง
ทว่าเมื่อมีไม้เฉียนคุนมารวมตัวด้วย นี่ก็คือ เพื่อให้เขาเป็นตัวแทนของศาลสวรรค์และเข้าต่อสู้ในนามของศาลสวรรค์ได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาสถานการณ์น่าอับอายที่ศาลสวรรค์มีปรมาจารย์ไม่เพียงพอได้ในระดับหนึ่ง
ดูจากท่าทีแล้ว คราวนี้เขาต้องจำกัดความขุนนางฝ่ายบุ๋นของศาลสวรรค์ใหม่
จากนั้นหลี่ฉางโซ่ก็คว้าไม้เฉียนคุน และเก็บเจดีย์เสวียนหวงเอาไว้ในร่างของเขาโดยตรง และโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งต่อรูปภาพเหมือนของจอมปราชญ์ก่อนจะหันหลังกลับ แล้วเดินออกจากห้องลับนี้ไป
ในเมื่อเขาได้รับอนุญาตจากจอมปราชญ์แล้ว เขาจึงสามารถใช้ไพ่ไม้ตายหลายใบที่เขาไม่ได้เปิดเผยในระหว่างการหยั่งรู้ถึงการต่อสู้กับไป๋เจ๋อ ซึ่งจะสามารถนำมาใช้ได้เช่นกันเมื่อสงครามเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในภายหลัง
……
สองวันต่อมา
ในชายแดนด้านตะวันออกของเมืองเฟิงตูแห่งแดนยมโลก หัววัวถือยันต์หยกเอาไว้ในมือ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขณะที่เขาโบกมือออกไปด้านหน้าเขา
ที่ด้านหลังเขา มีร่างแข็งแกร่งกำยำมากกว่าหนึ่งพันร่างที่มีพลังเลือดพลุ่งพล่านออกมาได้ก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมๆ กัน
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็วิ่งไปบนแดนยมโลก ทำให้เกิดฝุ่นทรายว่อนขึ้นเต็มไปทั่วท้องฟ้า
ฐานที่มั่นซึ่งกองทัพเรือเทียนเหอประจำการอยู่ในศาลสวรรค์
เหล่าทหารกองทัพเรือเทียนเหอหนึ่งแสนนาย และกองทหารสวรรค์ชั้นยอดสามแสนนาย ได้จัดทัพและพร้อมเคลื่อนพลแล้ว
แม่ทัพตงมู่ยืนอยู่เงียบๆ ต่อหน้าต่อหน้าขบวนทัพ และรอให้ยันต์หยกในมือของเขาสว่างขึ้น
อ๋าวอี่และเปี้ยนจวงกำลังยืนอยู่ด้านหลังแม่ทัพตงมู่ พวกเขายืนอยู่เงียบๆ พร้อมกับแม่ทัพสวรรค์หลายสิบคน และรอคอยคำสั่งให้เดินทัพ
ในวังมังกรทะเลอุดร ภายใต้แท่งน้ำแข็ง เหล่าทหารกุ้ง และแม่ทัพปูต่างพากันสั่นสะท้านในน้ำทะเลที่เย็นยะเยือกและมืดมิดขณะที่กำลังรอคอยคำสั่งทหารที่อาจไม่มาถึงพวกเขา
ในน้ำทะเล เหล่ามังกรครามแต่ละตัว ได้แหวกว่ายไปช้าๆ ภายใต้เปลือกตาที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ด ของพวกเขา มีดวงตามังกรที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเย็นชา…
บนท้องฟ้า ที่ด้านหน้าทางเข้าออกเพียงแห่งเดียวของวังเซิ่งหมู่ มีเรือเมฆค่อยๆ ลอยออกมาและได้บรรทุกเหล่าเทพธิดาที่กำลังยิ้มแย้มสองสามคน ตรงไปยังดินแดนเทวะทั้งห้า
………………………………………………………………..