สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 943-2 ความลับของกล่องยา (2)
บทที่ 943 ความลับของกล่องยา (2)
……….
หลังยามจื่อ เซียวผิงโหวและฉังจิ่งก็กลับมาถึงจวน
ตระกูลศัตรูที่สะกดรอยตามเขามาหลายวันถูกฉังจิ่งจัดการ ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
แน่นอนว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับฉังจิ่ง
“เอ๊ะ เหตุใดพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ยังไม่หลับอีกรึ”
เพิ่งเข้ามาในลานบ้าน เซวียนผิงโหวเหลือบไปเห็นลูกชายสองคนจุดเทียนสลัวคุยกันอยู่ในห้องโถง
เซียวเหิงมองฉังจิ่ง จากนั้นจึงเล่าเรื่องหลีเจียงผิง
เซวียนผิงโหวหันไปมองฉังจิ่ง
ฉังจิ่งตกใจสุดขีด หากคนอื่นพูด เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน แต่คำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของเซียวเหิง เขาพูดไม่ออก
เซวียนผิงโหวส่งเสียงฮึดฮัด เอ่ยเสียงเย้ยหยัน “ดูก็รู้ว่ามิใช่คนดีเด่อะไร”
ฉังจิ่งสวนกลับเสียงอ่อน “ท่านลุงหลีเป็นคนดี เขาดูแลข้าและพี่สาวทั้งเจ็ดคนเป็นอย่างดีมาตลอด ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เขาคือคนออกรับแทนหน้า”
เซวียนผิงโหวมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “ถึงไม่ออกรับหน้า พ่อเจ้าก็ลงโทษเจ้าไม่ลงหรอก”
ฉังจิ่งไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร
หลักฐานมีให้เห็นอยู่ทนโท่ เซวียนผิงโหวไม่มีทางแก้ต่างให้คนชั่วที่ขโมยกล่องยาของลูกสะใภ้ตัวเองไปหรอก “แปลว่าเจ้าหลีเจียงผิงนั่นก็แค่เล่นละครตบตา ประจบสอพลอพวกเจ้าก็เท่านั้น”
ฉังจิ่งเถียงกลับเสียงอ่อน “ทว่าครั้งนี้ก็เป็นเขาที่เกลี้ยกล่อมท่านพ่อข้า พ่อข้าถึงยอมให้มาดูตัว”
เซียวเหิงวิเคราะห์ให้ฉังจิ่งฟัง “หากเขาไม่เกลี้ยกล่อมพ่อเจ้า ก็มาแคว้นเจากับเจ้าไม่ได้ เป้าหมายของเขาชัดเจน คือกล่องยาของเจียวเจียว”
ฉังจิ่งพยายามแก้ต่างครั้งสุดท้าย “เจี้ยนหลูก็เป็นเขาที่ค้นพบ”
เซียวเหิงทอดถอนใจ “จะไม่ค้นพบได้อย่างไร ประการแรกเขาต้องสร้างคุณงามความดีมากพอ พ่อเจ้าจึงจะเห็นความสำคัญ ประการที่สองสำนักอั้นเย่กฎระเบียบเข้มงวด เขาไม่อาจออกจากเกาะได้ จึงจำต้องอาศัยข้ออ้างว่าออกไปตรวจตราเจี้ยนหลูเป็นครั้งคราว ปกปิดความสัมพันธ์ของตนเองกับเจี้ยนหลู”
“จะเป็นเช่นนั้นหรือ” ความจริงแล้วฉังจิ่งนั้นเข้าใจแล้ว ไม่ว่าท่านลุงหลีจะเป็นสายลับจากเจี้ยนหลูหรือไม่ แต่วินาทีที่เขาขโมยกล่องยาของกู้เจียวไป เขาก็มิใช่ผู้อาวุโสหลีแห่งสำนักอั้นเย่อีกต่อไปแล้ว
สำนักอั้นเย่ไม่มีทางสั่งให้เขาทำเรื่องพวกนี้
ซ่างกวานชิ่งถามอย่างสงสัย “แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดพวกเขาต้องขโมยกล่องยาของเจียวเจียวด้วย”
“ในกล่องนั้นมียาราคาแพงมากมายอย่างนั้นหรือ” ซ่างกวานชิ่งถามเองตอบเอง “หรือว่าจะเจ้ากล่องนั่นยิงไม่เข้า ฟันไม่เข้า พวกเขาถึงได้ต้องการชิงกล่องใบนั้นกลับไปตีเป็นชุดเกราะ”
เซียวเหิงส่ายหน้า ไม่ได้เล่าถึงความลับของกล่องยาใบน้อยให้คนในห้องรับรู้
กล่องยาใบน้อยนั้นมียาให้ใช้ไม่มีวันหมด ทั้งยังมีห้องผ่าตัดที่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากจริงๆ
นั่นแหละคือปัญหา
เจี้ยนหลูจะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร
เขาเป็นสำนักกระบี่ มิใช่สำนักยา
หรือว่าจากนี้ไปพวกเขาจะไม่สอนกระบี่แล้ว แต่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นหมอแทน
หรือว่าใครคนหนึ่งในบรรดาพวกเขาเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่บังเอิญว่าในกล่องยาใบน้อยนั้นมียาที่รักษาเขาได้
ความเป็นไปได้นี้สามารถตัดออกไปได้ทันที จากความสัมพันธ์ของหลีเจียงผิงและฉังจิ่งแล้ว ขอแค่เขาเอ่ยปาก ไม่ว่าจะยาอะไร กู้เจียวก็ยอมมอบให้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องขโมยกล่องยาให้ลำบาก
เซวียนผิงโหวไม่ซักไซ้ว่าในกล่องยาใบน้อยของกู้เจียวนั้นมีของแปลกประหลาดอะไร กล่องยาใบน้อยเป็นของกู้เจียว เขาไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น อีกอย่างไม่ว่าในนั้นจะมีอะไร ล้วนแต่ไม่ใช่เหตุผลที่เจี้ยนหลูจะมาขโมยไป
พวกเจี้ยนหลูสมควรตายจริงๆ
เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เซียวเหิงจึงเอ่ยถามฉังจิ่ง “ประมุขเกาะเจี้ยนหลูที่ตายไปแล้วกับฮูหยินของ… ใครเป็นคนยืนยันตัวตนศพเหล่านั้น”
“ท่านลุงหลี…หลีเจียงผิง” ฉังจิ่งแก้คำเรียกของตัวเอง “มีเขาคนเดียวในอั้นเย่ที่คอยจับตามองเจี้ยนหลู แล้วก็มีเขาคนเดียวที่รู้ว่าใครเป็นใครบนเกาะ ด้วยเหตุนี้ตอนที่เขาบอกว่าเป็นศพของผู้ใด ข้ากับท่านพ่อข้าต่างก็เชื่อสนิทใจ”
เซียวเหิงเอ่ย “ดูท่าแล้วประมุขแห่งเจี้ยนหลูจะยังไม่ตาย”
ช่างกวานชิ่งถาม “แล้วหลงอีเคยไปที่เกาะหรือไม่กันแน่”
เซียวเหิงส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด บอกทีเขาอาจจะไปแล้ว ฆ่าศิษย์เจี้ยนหลูไปไม่น้อย มีบางส่วนหนีไปได้ หรือบางทีเขาอาจจะยังไม่ทันได้ลงมือ คนของสำนักอั้นเย่ก็ขึ้นเกาะพอดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นละครตบตาเจี้ยนหลูแสดงให้สำนักอันเย่ดู”
ซ่างกวานชิ่งพยักหน้า “หลีเจียงผิงรู้ว่าสำนักอั้นเย่จะฆ่าเจี้ยนหลู จึงส่งข่าวให้เจี้ยนหลูรู้ล่วงหน้า เจี้ยนหลูถึงได้แสดงฉากสำนักล่มสลายอันแสนน่าอนาถ จะว่าไปแล้วก็ฟังขึ้นอยู่เหมือนกัน”
เซียวเหิงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “เป็นไปได้สูงว่าหลงอีกเคยไป ไม่อย่างนั้นด้วยฝีมือของเจี้ยนหลู คงไม่ถึงขั้นต้องหลบเลี่ยงสำนักอั้นเย่เช่นนี้หรอก”
ฉังจิ่งเอ่ยสีหน้าจริงจัง “สำนักอั้นเย่ของพวกเราเก่งกาจมากนะ!”
เซียวเหิงเอ่ย “แน่นอนกว่าพวกเจ้าเก่งกาจ แต่เพราะมีหลีเจียงผิงแฝงตัวอยู่ภายใน การที่เจี้ยนหลูจะสร้างกับดักให้พวกเจ้าตกหลุมพรางก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ฉังจิ่งพูดไม่ออก
ก็จริงอย่างที่ว่า
พวกเขาเชื่อใจท่านลุงหลีเกินไป
ตอนขึ้นเกาะก็มีท่านลุงหลีนำทางตลอด หากท่านลุงหลีจงใจพาพวกเขาไปติดกับดัก ป่านนี้พวกเขาคงบาดเจ็บสาหัสกันหมดแล้ว
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ฉังจิ่งไม่เข้าใจ “แต่ว่าท่านลุงหลี… ท่านลุงหลี ทำไมถึงไม่ลงมือ ต่อให้พวกข้าจะบาดเจ็บล้มตายบนเกาะเจี้ยนหลู ก็ไม่มีทางสงสัยเขา เขาสามารถฉวยโอกาสตัดกำลังเกาะอั้นเย่ได้”
เซียวเหิงมองเขาด้วยสายตาจริงจัง “หากเจ้าบาดเจ็บขึ้นมาเล่า แล้วไม่สามารถมาดูตัวที่แคว้นเจาได้ เขาก็ไม่มีทางเข้าใกล้เจียวเจียวได้”
ฉังจิ่ง “อ๋อ”
ในตอนนี้ความหวังอันสุดท้ายอันริบหรี่ในใจของฉังจิ่งก็ถูกดับมอดลง
หลีเจียงผิงเป็นสายลับมาโดยตลอด
อันที่จริงยังมีอีกหลายสิ่งที่น่าสงสัย เซียวเหิงต้องกลับไปครุ่นคิดให้กระจ่าง
“กล่องใบนั้นจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม” ซ่างกวานชิ่งยังคงพะว้าพะวงกับกล่องยาใบน้อย ถึงขั้นเป็นของที่ปืนไฟยิงไม่เข้า ต้องบอกไว้ก่อนว่าแม้แต่เกราะที่กู้เจียวใส่ออกรบยังต้านแรงของปืนกระบอกนี้ไม่ไหว
เซียวเหิงเอ่ยเสียงหนักแน่น “ไม่เป็นไร พวกเขาขโมยไปไม่ได้หรอก”
…
ถนนฉางอันอันเงียบสงัด รถม้าคันหนึ่งแล่นผ่านไปราวถลาบิน
หลังจากหลีเจียงผิงขึ้นรถก็รีบเก็บกล่องยาไว้ใต้ที่นั่ง ทั้งยังใช้สองเท้าหนีบไว้แน่น ป้องกันไม่ให้รถม้าสะเทือนจนมันกลิ้งขลุกขลัก
มือกระบี่ที่ช่วยชีวิตเขายื่นยารักษากำลังภายในให้เขา
เขาแหงนหน้ากินยา พลังปราณปรับสมดุลต้องใช้เวลา สูดหายใจลึก โล่งใจที่รอดตายหวุดหวิด เขาเอ่ย “เมื่อครู่อันตรายยิ่งนัก ในมือของเจ้าหมอนั่นคืออาวุธชนิดใดกัน เกือบยิงข้าตายแล้ว”
“นั่นเรียกว่าปืนไฟ” มือกระบี่เอ่ย นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ตอนที่อยู่ภูเขาฝี ปืนไฟมิได้รุนแรงเช่นนี้”
มือกระบี่มิได้ร่วมสงครามภูเขาผี แต่ผู้อาวุโสลู่และสหายร่วมศึกคนอื่นๆ ต่างส่งจดหมายแจ้งข่าวให้พาคนกลับเจี้ยนหลู
หลีเจียงผิงเอ่ยทอดถอนใจ “ตัวตนข้าถูกเปิดโปงแล้ว วันหน้าข้าคงกลับไปที่สำนักอั้นเย่มิได้แล้ว”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนั้น หลีเจียงผิงก็เดือดดาลขึ้นมา จำศีลมานานยี่สิบปี หลอกลวงคนทั้งเกาะ แต่กลับถูกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งเล่นงานเสียได้!
มือกระบี่เอ่ย “ไม่เป็นไร ท่านชิงกล่องยามาได้แล้ว ภารกิจสำเร็จแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่สำนักอั้นเย่แล้ว”
หลีเจียงผิงเอ่ยสะท้อนใจ “ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ของที่ท่านเจ้าสำนักตามหากลับอยู่ในมือของนางหนูคนหนึ่ง”
มือกระบี่เองก็เหลือเชื่อ “นั่นสิ พวกเรานึกว่าของสิ่งนั้นอยู่ในสำนักอั้นเย่มาตลอด ยี่สิบปีที่ท่านตามหาในเกาะอั้นเย่กลับกลายเป็นสูญเปล่า”
หลีเจียงผิงหัวเราะ “ก็ไม่นับว่าสูญเปล่าหรอก หากไม่ได้จำศีลอยู่ที่เกาะอั้นเย่ ข้าก็คงไม่มีโอกาสได้มาแคว้นเจากับฉังจิ่งหรอก”
มือกระบี่ “ก็จริง”
หลีเจียงผิงขมวดคิ้ว “แต่ว่า ข้าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านเจ้าสำนักรู้ได้อย่างไรว่าของนั่นอยู่ในมือลูกสาวบุญธรรมของอันกั๋วกง”
มือกระบี่อธิบาย “หมอถิงแซ่มู่ช่าวแคว้นเฉินผู้หนึ่งบอกกับคนตระกูลหันแคว้นเยี่ยน ตระกูลหันบอกกงซุ่นอวี่ บังเอิญว่าคนของพวกเราอยู่ตรงนั้นพอดีจึงได้ยินเข้า กงซุนอวี้ไม่ได้สนใจของสิ่งนั้น จึงเข้าทางพวกเรา”
หลีเจียงผิงแจ่มแจ้งในทันใด “อย่างนี้เอง”
มือกระบี่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ฉังจิ่งและครอบครัวสามีของลูกสาวบุญธรรมอันกั๋วกงมีความสัมพันธ์กัน คงจะเป็นลิขิตสวรรค์ที่ทำให้เจี้ยนหลูของพวกเราได้มันมาครอง”
เขาเอ่ยพลางเหลียวไปมองหลีเจียงผิง “ครั้งนี้ท่านทำคุณงามความดีครั้งใหญ่ ท่านเจ้าสำนักต้องตบรางวัลอย่างงามแน่นอน”
หลีเจียงผิงยิ้มอย่างยากจะปกปิด เขาหน้าศีรษะลงหมายจะหยิบกล่องยาใบน้อยขึ้นมา ทว่าเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น
“กล่องยาเล่า!“
เขาตื่นตะลึง
มือกระบี่ขมวดคิ้วมุ่น “เมื่อครู่ท่านมิได้วางไว้ใต้เกาะอี้หรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ! ข้าวางไว้ตรงนี้!” หลีเจียงผิงนั่งยองลง ไม่ได้หาแค่ใต้เก้าอี้ของตัวเอง แต่หาทุกซอกทุกมุมของรถม้า
แต่เจ้ากล่องยาใบน้อยหายไปไหน!