สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1137 ตอนพิเศษ (36-2)
บทที่ 1137 ตอนพิเศษ (36/2)
“นังเด็กเหม็นโฉ่ แม่เจ้าเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้า เจ้าจะเมินนางไม่ได้! เรื่องงานศพนี้ข้าจะมอบให้เจ้าจัดการ ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบหาเลี้ยงข้ายามแก่เฒ่า!”
หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เป็นไปไม่ได้”
“ว่าอย่างไรนะ?!” หลิ่วซานเฉวียนมองนางอย่างขุ่นเคือง “ข้าถูกเจ้าทำร้ายมากเพียงนี้ เจ้ายังไม่สนใจข้าอีกหรือ?”
“ท่านย่าต่างหากที่เลี้ยงดูข้ามา ท่านไม่ได้เลี้ยงดูข้า ข้าย่อมไม่จำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของท่าน นอกจากนี้ท่านแม่ยังทิ้งจดหมายไว้ให้ข้า นางบอกความจริงกับข้าแล้ว เดิมทีท่านก็ไม่ใช่พ่อข้า ในเมื่อท่านไม่ใช่พ่อ อีกทั้งยังไม่ได้เลี้ยงข้ามา เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องรับผิดชอบชีวิตท่านด้วย ส่วนอวี๋ซื่อ นางด่าข้าทุกครั้งที่เห็นหน้า ทั้งยังเกือบจะขายข้าหลายครั้งหลายครา นางจะใจดีถึงขั้นวิ่งเข้ามาในบ้านข้าและช่วยทำความสะอาดห้องหรือ? เรื่องนี้ท่านจะโกหกผู้ใดก็เชิญ แต่กับข้า ท่านลืมไปเสียเถิด เกรงว่าพวกท่านจะมาบ้านข้าเพื่อขโมยของมากกว่า ส่วนขโมยอะไรนั้น ข้าไม่ถามแล้ว”
“ในเมื่อนางไม่อยู่แล้ว ตายไปแล้ว ข้าก็ไม่อยากสาดน้ำโคลนใส่นางอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ข้าไม่มีทางสนใจความเป็นความตายของท่าน อย่าได้คิดจะเอารัดเอาเปรียบข้า!”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านฟังเถิดว่านางกล่าวอะไร” หลิ่วซานเฉวียนตบขาของตน ร้องไห้ฟูมฟายราวกับสตรีปากร้าย “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านต้องตัดสินให้ข้า! ข้ารู้ว่าข้าไม่ได้ดีเลิศ แต่ตอนนี้แม้กระทั่งข้าพ่อแท้ ๆ นางก็ไม่สนใจไยดีแล้ว! ตอนนี้ภรรยาข้าตาย ลูกชายข้าติดคุก เหลือเพียงคนแก่ผู้นี้ หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าต้องการให้หลิวจิ่วจู๋มาเลี้ยงดูข้าในยามแก่เฒ่า!”
หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ยามนี้แล้ว เจ้าควรคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะจัดการงานศพของภรรยาเจ้าอย่างไร เหตุใดจึงมาโต้เถียงกับนังหนูจิ่วเอ๋อร์อยู่เล่า? พอ! ไฟก็ดับแล้ว หากพวกเจ้าไม่คิดจะรายงานทางการ พวกเราจะช่วยจัดการเรื่องอวี๋ซื่อให้เรียบร้อย”
ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน หากหลิวจิ่วจู๋และหลิ่วซานเฉวียนยังคงสร้างปัญหาเช่นนี้ต่อไป อีกทั้งยังมีคดีฆาตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นนั้นย่อมเป็นภัยต่อชื่อเสียงของทั้งหมู่บ้าน
เพื่อที่จะจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าทำอะไรสักอย่างเพื่อยุติเรื่องเสียก่อนย่อมดีกว่า
“หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ตรวจสอบแล้วหรือ?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยถาม
“จะตรวจสอบอย่างไร?” หัวหน้าหมู่บ้านเริ่มรำคาญใจ
ตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม หากมีสตรีของคหบดีจางเข้ามาเกี่ยวข้อง เดิมทีพวกเขาก็ไม่มีโอกาสชนะ นอกจากนั้นนี่ยังเป็นปัญหาของหลิวจิ่วจู๋ เกี่ยวอะไรกับหมู่บ้าน? เขาไม่อยากจัดการกับเรื่องยุ่งยากเหล่านี้
ดวงตาของหลิ่วซานเฉวียนแวววาบเป็นประกาย
ฝางซิ่วหลาน…
หญิงผู้นั้น…
หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนาง ด้วยสถานะปัจจุบันของนางตอนนี้ คงไม่ขาดแคลนเงิน
เขาโง่จริง ๆ!
เหตุใดต้องพุ่งความสนใจไปที่หลิวจิ่วจู๋เล่า? นังเด็กเหม็นโฉ่ผู้นั้นจะมอบประโยชน์อะไรให้เขาได้?
“หัวหน้าหมู่บ้าน ช่างเถิด ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน ข้าก็อยากจะเห็นนางเป็นครั้งสุดท้าย” หลิ่วซานเฉวียนเปลี่ยนใจ
หัวหน้าหมู่บ้านมองเขาด้วยสายตาเคลือบแคลง “เจ้าไม่ต้องการให้เราจัดการงานศพแล้วหรือ?”
“ไม่จำเป็น” หลิ่วซานเฉวียนร้อง “ข้าอยากอยู่กับนางอีกสักพัก ไม่รีบร้อนที่จะฝังนาง”
สิ้นคำ เขาก็หันไปมองหลิวจิ่วจู๋ “ไม่ว่าอย่างไร แม่เจ้าก็ขวางภัยพิบัติให้เจ้า เจ้าต้องเลี้ยงดูข้ายามแก่เฒ่า”
หลิวจิ่วจู๋ไม่ยอมรับเรื่องนี้
หลังจากที่ท่านย่าจากไป ความอดทนของนางที่มีต่อหลิ่วซานเฉวียนก็ได้หมดลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ตอนท่านย่าจากไป หลิ่วซานเฉวียนไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ไม่เพียงเท่านั้น หลิวจิ่วจู๋ใช้เงินก้อนสุดท้ายไปกับงานศพ นึกไม่ถึงว่าเขาจะชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่หลงเหลืออยู่ในบ้านไป แม้กระทั่งเครื่องปรุงที่เหลือจากงานก็ยังไม่เหลือไว้
ชาวบ้านแยกย้ายกันไปแล้ว
สองครอบครัวที่อยู่ติดกันก็ต้องกลับไปทำความสะอาดบ้านเช่นกัน
“จู๋จือ บ้านเจ้าไม่มีแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร?”
หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เดิมทีข้าตัดใจไปจากที่นี่ไม่ได้เพราะร่องรอยของท่านย่าล้วนอยู่ที่นี่ ตอนนี้แม้กระทั่งบ้านหลังเล็ก ๆ ของข้ากับท่านย่า ข้ายังรักษาไว้ไม่ได้ ที่นี่ไม่มีอะไรให้ข้าอาลัยอาวรณ์แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงคิดจะย้ายไปอาศัยอยู่ในเมืองจะได้สะดวกในการทำการค้า”
“จู๋จือ…” หยางชิงซือวิ่งเข้ามา “จู๋จือ เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?!”
หยางชิงซือหยุดฝีเท้าที่วิ่งมาอย่างเร่งรีบ คว้าตัวหลิวจิ่วจู๋ไปตรวจดู “เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง? ข้าเพิ่งกลับมา เดิมทีจะนำของกินมาให้เจ้า แต่พบกับพวกอาหลี่เสียก่อน พวกเขาบอกบ้านเจ้าเกิดเรื่อง เจ้าเกือบจะถูกไฟคลอกตายในบ้านตนเองแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลิวจิ่วจู๋มองดูบ้านตรงหน้า “บ้านหลังนั้นไม่เหลือสิ่งใดแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลิวจิ่วจู๋อธิบายการวิเคราะห์ของตนให้หยางชิงซือฟัง
หยางชิงซือกล่าวด้วยความโมโห “สตรีผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิตจริง ๆ เจ้าจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?”
“นายอำเภอเป็นน้าของคหบดีจาง สตรีผู้นั้นมีคหบดีจางคุ้มครอง หากพวกเราไปรายงานทางการ นั่นจะไม่ใช่แกะเข้าปากเสือหรอกหรือ?” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าจึงไม่ได้ให้หัวหน้าหมู่บ้านไปรายงานทางการ”
“เจ้าจะปล่อยให้แล้วไปเช่นนี้หรือ?” หยางชิงซือไม่ยินดี
“สตรีพรรค์นั้น ใช้วิธีปกติจัดการไม่ได้” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “นางจะถูกลงโทษ เพียงแต่ไม่ใช่การลงโทษตรง ๆ นางพึ่งพาคหบดีจางปกป้องตนเองไม่ใช่หรือ? หากคหบดีจางผู้นี้ไม่ปกป้องนางต่อ เช่นนั้นเจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเล่า?”
“แต่ท้องของนางมีสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคหบดีจาง ขอเพียงทารกในท้องของนางยังอยู่ คหบดีจางย่อมไม่ทอดทิ้งเป็นแน่”
“ยังพอมีทาง” หลิวจิ่วจู๋กล่าว
“จู๋จือ…” หยางชิงซือมองสหายอย่างเป็นกังวล “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”
หลิวจิ่วจู๋ดูสงบเกินไป
หยางชิงซือกับหลิวจิ่วจู๋เติบโตมาด้วยกัน กระโปรงตัวเดียวกันยังสามารถสวมด้วยกันได้ หลิวจิ่วจู๋มีนิสัยเรียบง่ายไม่เคยปิดบังสิ่งใด ทว่าวันนี้นางกลับสงบเป็นพิเศษ
“ชิงซือ ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าสูญเสียท่านย่าไป แต่ข้ามีสามีแล้ว ข้าสูญเสียครอบครัวก่อนไป แต่ข้าก็มีครอบครัวใหม่ทดแทน ยามนี้สามีไม่อยู่ ระหว่างรอให้เขากลับมา ข้าไม่อยากเป็นสตรีบอบบางที่ถูกรังแกอีกต่อไปแล้ว ข้าอาจจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็นในอดีต เช่นนี้ เจ้าจะเกลียดข้าหรือไม่?”
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? ผู้ใดจะปล่อยให้เจ้าถูกคนรังแก?” หยางชิงซือมองนางด้วยแววตาแน่วแน่ “เจ้าอยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง!”
หลิวจิ่วจู๋กอดหยางชิงซือ
ในยามนี้ จุดอ่อนทั้งหมดของนางเผยออกมาแล้ว
“จู๋จือ ฝางซิ่วหลาน หญิงใจคอโหดเหี้ยมผู้นั้นคิดจะจุดไฟเผาเจ้าจริง ๆ สตรีที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนาง ไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไรเพื่อลงโทษ นางก็สมควรได้รับ ลืมนิสัยของข้าไปแล้วหรือ? ข้ากล้ารักกล้าเกลียดมาตลอด ฝางซิ่วหลานกล้าทำแบบนี้กับเจ้า ข้าเองก็แทบอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ เช่นกัน เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไปกับเจ้า”
“ข้าโชคดีที่มีเจ้า” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ชิงซือ เจ้าต้องอยู่กับข้าตลอดไปนะ”
“แหม เจ้าอย่าได้เสแสร้งไป ไยทำราวกับว่าข้าเป็นสามีของเจ้าเล่า!” หยางชิงซือจงใจเอ่ยกระเซ้าสหายสนิท