สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 403 หวานเล็กน้อย
ตอนที่ 403 หวานเล็กน้อย
……….
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำหนดให้ซินโย่วรับภารกิจนี้แล้วก็ตรัสถามว่า “อาโย่ว เจ้าต้องการพาผู้ใดไปด้วยบ้าง”
“หม่อมฉันอยากลองฟังความคิดเห็นของฝ่าบาทเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสพระสุรเสียงเข้ม “มันหวานมาจากโพ้นทะเล จะเหมาะกับดินน้ำในต้าซย่าหรือไม่ ปลูกแล้วจะเกิดปัญหาใดก็ยังไม่รู้ ตามความเห็นเรา เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้แพร่ออกไป นำคนไว้ใจได้สักสองสามคนไปเป็นผู้ช่วยเจ้าก่อน รอให้เก็บเกี่ยวราบรื่นค่อยว่ากัน”
“หม่อมฉันก็คิดเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันจะพาจูลิ่วไปด้วยเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรหัวหน้าหกทีหนึ่ง “จูลิ่วนำมันหวานกลับมาจากโพ้นทะเล ย่อมต้องพาเขาไปด้วย”
“ยังต้องการขุนนางตรวจสอบที่มือสะอาดอีกสักคนเป็นผู้ควบคุมดูแล”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันมีภาพเจ้ากรมตรวจสอบเหอผุดขึ้นมา จึงสอบถามความเห็นซินโย่ว
ซินโย่วย่อมไม่มีความเห็นค้าน
“ยังมีคนที่ต้องการอีกหรือไม่”
“หม่อมฉันอยากขอเดินทางไปพร้อมกับฉางเล่อโหวเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันนิ่งอึ้งไปทันที ถึงกับคิดว่าฟังผิด
อาโย่วต้องการให้เจ้าเฮ่อชิงเซียวร่วมเดินทางไปด้วยหรือ
ท่าทีแรกของเขาก็คือไม่ได้ จากนั้นก็คือไม่เข้าใจ อาโย่วรู้ท่าทีของเขาต่อพวกนางสองคน เหตุใดจึงได้เสนอเช่นนี้
หันไปมองซินโย่วอีกครั้ง นางยังคงท่าทางนิ่งสงบ เห็นชัดว่ามิใช่วาจากล่าวโดยไร้การไตร่ตรอง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนง
ซินโย่วเอ่ยเบาๆ ว่า “หม่อมฉันเสนอนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ย่อมมีคนไม่น้อยแค้นใจ โดยเฉพาะยามเดินทางลงใต้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หม่อมฉันคิดดูแล้ว ฉางเล่อโหวไว้ใจได้มากที่สุด…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินซินโย่วกล่าวเหตุผลอย่างไม่รีบไม่ร้อน ถึงกับตรัสโต้ตอบไม่ได้
ทางใต้เดิมก็เป็นพื้นที่รุ่งเรืองตระกูลใหญ่ ขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นชาวใต้ หากจะกล่าวว่าไร้ความเห็นแก่ตนเอง ปกป้องอาโย่วโดยไม่คิดถึงชีวิตตนเองได้ ฉางเล่อโหวก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
“อีกอย่าง…” ซินโย่วหยุดไปครู่หนึ่ง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รอให้นางกล่าวต่อ
ซินโย่วสายตานิ่งสงบ สบตากับเขา “หม่อมฉันอยากให้ฉางเล่อโหวไปด้วย”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์แปรเปลี่ยน พระสุรเสียงยังคงอ่อนโยน “อาโย่ว ก่อนหน้าเจ้าเคยบอกว่า เจ้าไม่เหมาะกับฉางเล่อโหว…”
หัวหน้าหกฟังแล้วก็งุนงง
อันใดคือไม่เหมาะ ผู้ใดไม่เหมาะกับผู้ใด
มารดามันสิ ชายแต่งงานหญิงออกเรือนผู้ใดไม่เหมาะสมกัน คุณหนูกับใต้เท้าเฮ่อ?
ช่วงเวลาที่เขาเดินทางออกทะเลไป แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่
หัวหน้าหกตกใจมากจริงๆ ไม่กล้ามองฮ่องเต้ จิตใต้สำนึกสั่งให้มองไปทางซุนเหยียน
ความคิดเขาเรียบง่ายมาก เขาทำงานให้คุณหนูซิน ซุนเหยียนทำงานให้ฮ่องเต้ ล้วนเป็นคนทำงานให้เจ้านายเหมือนกัน จากมุมมองนี้ก็พอจะเข้าใจกันและกันได้
ซุนเหยียนสบตากับหัวหน้าหก ก็คาดเดาว่าเจ้าหน้าดำนี่กำลังคิดอันใด ดังนั้นจึงได้แต่เผยรอยยิ้มสับสนเล็กน้อย
นี่นับว่ากระไร เขาเป็นขันที ยังมีบุตรชายแล้ว บุตรชายแท้ๆ ด้วย
ซินโย่วพยักหน้า “ไม่เหมาะจริงเพคะ ความคิดหม่อมฉันไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทว่าหม่อมฉันอยากให้ฉางเล่อโหวไปด้วยเพคะ”
นางเสนอนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ผลิตน้ำตาลทรายขาว ให้คนนำมันหวานมาจากดินแดนโพ้นทะเล เดิมไม่คิดขอความดีความชอบ แต่ทว่าเรื่องต่างๆ ที่นางทำมาเหล่านี้ ในสายตาคนผู้นี้ หรือว่าไม่คู่ควรแก่การให้ชายสักคนที่นางมีใจปฏิพัทธ์ไปกับนาง
นางไม่เสียดายแรงกายที่ต้องทุ่มเทเพื่อให้ราษฎรต้าซย่าที่ยากลำบากได้มีชีวิตที่ดี แต่ทว่านางจะไม่ทนลำบากตนเอง
นางต้องการความหวานเล็กน้อย
ตอนท่านแม่อยู่ แต่ไรมานางไม่เคยขาดความหวาน ตอนนี้นางไม่มีท่านแม่แล้ว คนมากมายคิดเพียงให้นางประสบความลำบากขื่นขม ไม่อยากให้นางได้ลิ้มรสความหวาน เช่นนั้นนางก็จะแสวงหามาด้วยตนเอง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงจ้องมองซินโย่ว สายพระเนตรแปรเปลี่ยนไปมา สุดท้ายก็พยักพระพักตร์ “ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ ก็ให้ฉางเล่อโหวไปกับเจ้า เพียงแต่อาโย่ว เจ้าอย่าได้ลืมคำพูดที่พูดกับเราไว้”
ตอนพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็อยากบอกกับซินโย่วว่า บรรดาขุนนางและชนชั้นสูง เจ้าอยากแต่งกับตระกูลใดล้วนย่อมได้ มีเพียงฉางเล่อโหวที่ไม่ได้
เขากับบิดาเฮ่อชิงเซียวฟาดฟันกันมาบนสนามรบแท้จริง หลั่งโลหิตดังสายน้ำ ศพกองเกลื่อนกลาดนับไม่ถ้วน ก็เพื่อแย่งชิงแผ่นดินต้าซย่า ความสัมพันธ์พี่น้องร่วมสาบานเริ่มแรกร่วมรบทำให้เขาเหลือสายเลือดสุดท้ายของตระกูลเฮ่อเอาไว้ แต่บุตรหลานตระกูลเฮ่อจะแต่งกับบุตรสาวที่มีความสามารถเหนือสามัญของเขาปล่อยภัยร้ายไว้ให้แผ่นดินของตระกูลเฉิน เขาจะรับปากได้อย่างไร
ไม่ใช่เขาไม่รักอาโย่ว แต่เขาไม่เพียงเป็นบิดา ยังเป็นฮ่องเต้ เขาไม่อาจนำแผ่นดินที่พี่น้องนักรบของเขาเสียสละมาต้องเสี่ยงภัยนี้
“หม่อมฉันจดจำได้เพคะ” ซินโย่วสีหน้าสงบนิ่ง เอ่ยทีละคำ “ขอฝ่าบาทวางพระทัย หม่อมฉันจะจดจำไว้ในใจตลอดเวลา”
ออกจากวังหลวงแล้ว หัวหน้าหกก็เหลือบมองสีหน้าซินโย่ว อยากพูดอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้พูด
ซินโย่วหันหน้ามามองเขา “พี่หกอยากเอ่ยอันใด”
“อ้อ ลืมบอกท่านไป ท่านให้ข้าน้อยไปหาคนต่อเรือใหญ่ ต่อเสร็จแล้ว”
ความจริงที่หัวหน้าหกอยากถามก็คือเรื่องฉางเล่อโหว แต่พอเอ่ยปากก็เลี้ยวไปเรื่องอื่น
“งั้นหรือ รอให้ลงใต้ มีโอกาสก็จะไปชมสักหน่อย”
กลับถึงจวนตระกูลซิน ซินโย่วก็บอกเรื่องลงใต้กับเสี่ยวเหลียน เสี่ยวเหลียนรีบถาม “บ่าวไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“จะพาเจ้าไปด้วยแน่นอน”
“ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนวางใจแล้วก็เริ่มถามคนร่วมทาง
“ใต้เท้าเฮ่อก็ไปด้วย ดีมากเลยเจ้าค่ะ!”
“เจ้ากรมตรวจสอบเหอ? เจ้ากรมตรวจสอบเหอเป็นคนดี ย่อมต้องไม่ทำให้คุณหนูลำบากใจ”
“เชียนเฟิงกับผิงอันก็จะปกป้องคุณหนู ฝ่าบาทยังให้คุณหนูไป๋นำกำลังทหารกล้าตามไปปกป้องคุณหนูด้วยหรือนี่!”
“จูลิ่ว…” เสี่ยวเหลียนชะงัก ความตื่นเต้นกลายเป็นความระแวง “จูลิ่วก็ไป?”
ซินโย่วคิดถึงอิสรภาพที่จะได้ไปจากเมืองหลวง ก็ยากระงับอารมณ์ตื่นเต้นได้ หยอกล้อเอ่ยว่า “จูลิ่วมีความคุ้นเคยกับงานที่จะทำครั้งนี้ที่สุด การลงใต้ครั้งนี้ไม่อาจขาดเขาไปได้”
เสี่ยวเหลียน “!”
เฮ่อชิงเซียวรับพระดำรัสให้ติดตามซินโย่วลงใต้ ก็คิดว่าฝันไป
วันนี้เป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคนหลังเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง สถานที่พบกันที่คุ้นเคยที่สุด ก็คือร้านหนังสือชิงซง
ต้นทับทิมในเรือนตะวันออกออกผลทับทิมไม่น้อย ห้อยหนักอยู่ปลายกิ่งที่ทิ้งตัวโค้งลง ทำให้ลานบ้านที่เดิมเงียบเหงามีกลิ่นอายมงคลขึ้นมาไม่น้อย
ซินโย่วพาเฮ่อชิงเซียวเข้าไปในเรือนบุปผา เสี่ยวเหลียนนำน้ำชามาแล้วก็รีบถอยออกไป การเคลื่อนไหวรวดเร็วจนทำให้มุมปากซินโย่วแอบกระตุก
นางเพิ่งพบว่า เสี่ยวเหลียนชอบเป็นแม่สื่อ
“เหนือความคาดหมายใช่หรือไม่” ซินโย่วยิ้มนิดๆ พลางถาม แล้วจึงค่อยยิ้มออกมาเต็มที
ไม่ถึงครึ่งเดือน เขาดูแล้วผ่ายผอมลงอีกแล้ว
“เหนือความคาดหมายมาก” แววตาเฮ่อชิงเซียวแอบซ่อนความยินดี
หลังคืนวันนั้น เขาไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะได้อยู่ร่วมวันคืนกันในไม่ช้า ร่วมกันผ่านฤดูหนาวอันยาวนานไปสู่ฤดูใบไม้ผลิ
เป็นช่วงเวลามีค่าอีกช่วงหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดฝัน
“อีกสองวันออกเดินทาง” ซินโย่วยิ้มร่าเริงให้ชายในดวงใจ “เฮ่อชิงเซียว อย่ามาสายล่ะ”
“ไม่สาย”
เฮ่อชิงเซียวได้พบกับนางครั้งนี้ก็รู้สึกจิตใจสงบนิ่งลง ลุกขึ้นกล่าวอำลา ซินโย่วยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเขา
เขาไม่มีตำแหน่งเป่ยเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน สวมชุดยาวสีครามกลางเก่ากลางใหม่ แขนเสื้อกว้างถูกมือเรียวงามคว้าไว้ ขับเน้นดังเมฆขาวปรากฏกลางท้องฟ้าแจ่มใสหลังฝนตก
แววตาอ่อนโยนของเฮ่อชิงเซียวมองไปยังมือนั้น ก่อนจะย้ายไปยังเจ้าของมืออย่างไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปช้ามากและก็เร็วมาก หลายครั้งนึกถึงค่ำคืนในเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงนั้นแล้วก็ราวกับอยู่คนละโลก แต่หลายครั้งก็ดังเกิดขึ้นวันวาน เขาจดจำและรับรู้สัมผัสของห้วงเวลารายละเอียดทุกอย่างตอนนั้นได้อย่างชัดเจน
แต่พอคิดแล้ว ก็ได้แต่นึกรังเกียจตนเองอยู่ลึกๆ
ซินโย่วคาดเดาว่า หลังคืนนั้นเกรงว่าในใจเขาก็คงปวดร้าว จึงได้ผ่ายผอมลงไปมากเช่นนี้
บางทีทำให้ชินจะดีกว่า?
“เฮ่อชิงเซียว จะไปแล้วหรือ”