สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 406 ขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 406 ขอความช่วยเหลือ
……….
ใกล้เที่ยงแล้ว ชาวนาที่กำลังยุ่งกับงานก็มาถึงบริเวณด้านหน้าแปลงนา มีคนหาบอาหารมาโดยเฉพาะ เริ่มเตรียมกินอาหาร
นี่คือช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยที่สุด
คุณหนูซินจ้างให้มาทำนา อาหารมื้อเที่ยงเป็นอาหารที่บริบูรณ์ที่สุด ไม่เพียงแต่มีข้าวให้กินอย่างเพียงพอ ยังมีเนื้ออีกด้วย
“ท่านอารองเซียว ท่านยังมัวทำอันใดอยู่ มากินข้าวก่อนค่อยทำงานต่อเถอะ” มีคนตะโกนไปทางคนที่นั่งย่อตัวอยู่ในทุ่งนาผู้หนึ่ง
“ต้นไม้สองสามต้นนี้คล้ายมีปัญหา” คนในทุ่งนาย่อตัวลงนั่งไม่ขยับ
ซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวเดิมจะกลับโรงนา พอได้ยินว่าเถามันมีปัญหา ก็ก้าวเข้าไปดู
“เถามันมีปัญหาอันใดหรือ”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านอารองเซียวเป็นชาวนาอายุราวสี่สิบกว่า เห็นซินโย่วมาก็รีบชี้ไปที่ใบเถามันแถบหนึ่ง “คุณหนูซิน ท่านดู ใบของเถามันสองสามต้นนี้แห้งแล้ว ใบยังมีจุดด่าง คล้ายว่าถูกแมลงกัดกิน”
ในความทรงจำของซินโย่ว ท่านอารองเซียวเป็นชาวนามีอายุที่ทำงานเคร่งเครียด ไม่พูดไม่จา ทำงานคล่องแคล่ว
นางจ้องมองอารองเซียวทีหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง “ใบแห้งหรือ เกิดขึ้นเมื่อไร…”
แสงเงินวาบ ท่านอารองเซียวควักมีดสั้นออกจากแขนเสื้อแทงใส่หน้าอกซินโย่ว
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วและนิ่ง ลงมือเด็ดขาดเฉียบคม ไม่มีกลิ่นอายเงอะงะของชาวนามีอายุแม้แต่น้อย
ระยะห่างเพียงแค่นี้ การลอบสังหารฉับพลันเช่นนี้ แม้เป็นยอดฝีมือก็ยากจะหลบพ้น แต่ซินโย่วคล้ายเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ตอนมีดสั้นฝ่ายตรงข้ามวาบขึ้นในชั่วขณะนั้น ก็กลิ้งตัวหลบการโจมตีได้ทันที
นางไม่ทันได้ลุกขึ้น อารองเซียวก็ถูกเฮ่อชิงเซียวสกัดไว้แล้ว
เหตุเกิดกะทันหันนี้ทำให้ชาวนาที่ถูกจ้างมาพากันนิ่งงันไร้ปฏิกิริยา บ้างไม่ยกชามข้าว ก็ตักข้าวค้างไว้
เชียนเฟิงกับผิงอันว่องไวราวกับเงา พุ่งเข้าขวางหน้าซินโย่วคนหนึ่ง อีกคนไปช่วยเฮ่อชิงเซียว
อารองเซียวชะงักกึกพร้อมกับโลหิตไหลออกจากมุมปาก
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าแปรเปลี่ยน แต่กลับขัดขวางไม่ทันแล้ว
จนอารองเซียวล้มลง บรรดาชาวนาจึงได้ส่งเสียงร้องตกใจ
ชาวนาหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามา สีหน้าแตกตื่นตกใจ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ “ท่านอารองเซียว!”
ผิงอันก้มตัวลงตรวจสอบรอบหนึ่ง แน่ใจว่าสิ้นลมแล้ว
“คุณหนูซิน ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ไป๋อิงพุ่งเข้ามา
“ไม่เป็นอันใด” ซินโย่วมองไปยังศพที่พื้นทีหนึ่ง กล่าวกับไป๋อิงว่า “นำชาวนาทุกคนไปรวมตัวกันก่อน คุมไว้ก่อน ลุกขึ้นเถอะ”
ชั่วขณะที่นางหลบนั้นก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายสังหารรุนแรง อารองเซียวต้องเป็นมือสังหารที่ฝึกฝนมาโดยเฉพาะ
ไป๋อิงรับคำพลางเอ่ยเตือนเบาๆ “คุณหนูซิน พวกเรานำคนมาไม่ถึงหกสิบ แม้ชาวนาเหล่านี้ไม่มีปัญหา แต่โรงนากว้างใหญ่เช่นนี้ ยังไม่รู้ว่าจะมีเรื่องใดอีก…”
การจะเคลื่อนกำลังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาแทน จะไว้ใจได้หรือไม่ก็ยังไม่อาจทราบได้
“อืม จัดการควบคุมคนเหล่านี้ไว้ก่อนค่อยว่ากัน”
ไป๋อิงรีบเรียกรวมกำลังพล
เฮ่อชิงเซียวส่งสัญญาณเรียกชาวนาหนุ่มผู้นั้นเข้ามา ชี้ไปที่ศพท่านอารองเซียวพลางถามว่า “พวกเจ้าเป็นอาหลานกันหรือ”
ชายหนุ่มรีบตอบว่า “อารองเซียวเป็นเพื่อนบ้านข้าน้อย ภรรยาล้มป่วยจากไปนานแล้ว ก็ไม่ได้แต่งอีก อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด…”
“เขาเป็นเพื่อนบ้านเจ้าจริงหรือ”
ชายหนุ่มตกใจล้มลงคุกเข่า สาบานต่อฟ้าทันที “ข้าน้อยมิกล้าโกหกใต้เท้า!”
เฮ่อชิงเซียวย่อตัวลงยื่นมือไปจับใบหน้าอารองเซียว
ชายหนุ่มเขยิบเข้าไปใกล้ คิดจะอังดูลมหายใจอารองเซียว แต่กลับต้องเบิกตากว้าง
ในสายตาของเขา ผิวหนังบนใบหน้าอารองเซียวถูกนิ้วมือเรียวยาวสองนิ้วค่อยๆ เปิดขึ้นทีละนิด
ชายหนุ่มส่งเสียงร้องตกใจ พลางถอยหลังหลายก้าว ผิวหนังบนใบหน้าอารองเซียวถูกลอกออก เป็นใบหน้าของชายแปลกหน้า พอเสียงร้องตกใจหยุดลง ก็คล้ายว่าตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไปแล้ว “คนผู้นี้ เจ้ารู้จักหรือไม่”
ชายหนุ่มราวกับฝันไป รีบส่ายหน้าทันที “ไม่รู้จัก! ไม่เคยพบเห็น!”
จากนั้นก็เรียกบรรดาชาวนามายืนยัน ไม่มีคนรู้จักคนแปลกหน้าผู้นี้ ก่อนไปค้นหาที่บ้านอารองเซียวต่อ ค้นพบศพหนึ่งที่ช่องใต้ดิน เป็นอารองเซียวตัวจริง
“ตายได้สองสามวันแล้ว มือสังหารลงมือได้รวดเร็ว ไม่ได้หลั่งโลหิตมากนัก” เฮ่อชิงเซียวตรวจสอบเสร็จ สภาพการณ์ก็นับว่ากระจ่างแล้ว
มือสังหารสวมรอยเป็นอารองเซียว ปลอมตัวเป็นเขามาทำงานในที่นา หาโอกาสลอบสังหารซินโย่ว
นายอำเภอจางรีบมาถึงอย่างร้อนใจ ขออภัยไม่หยุด “คุณหนูซินโปรดวางใจ ข้าต้องหาตัวคนบงการเบื้องหลังออกมาให้ได้!”
“รบกวนใต้เท้าจางแล้ว” ซินโย่วกล่าวให้นายอำเภอจางกลับไปด้วยวาจาสุภาพ ไม่ได้คาดหวังว่าขุนนางท้องถิ่นจะค้นหาตัวผู้บงการออกมาได้
แม้นายอำเภอจางไม่ใช่คนพื้นที่ ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าจะถูกคนพวกนั้นซื้อตัวไปหรือไม่
“ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องสืบ ก็แค่พวกตระกูลใหญ่ที่เสียผลประโยชน์พวกนั้น”
สืบไปพบตระกูลหวัง ก็ยังมีตระกูลหลิว คนที่คิดเอาชีวิตนางมีมากมาย การแก้ไขเช่นนี้มิใช่การแก้ไขจากต้นเหตุ
เฮ่อชิงเซียวเอ่ยว่า “ข้าขอคำแนะนำจากชาวนาผู้มีประสบการณ์สองสามคนแล้ว ยามนี้งานในที่นาไม่มากแล้ว จากนี้ก็รอ หากฝนตกลงมาเพียงพอ ก็พอจะงดการรดน้ำได้ หนึ่งเดือนกว่าจากนี้ พวกเราดูแลต่อเองได้”
ไม่ให้คนนอกเข้าใกล้ที่นา ก็คงไม่อาจลอบทำร้ายได้อีก
ไป๋อิงกลับเอ่ยว่า “หากเพียงแต่ดูแลที่นาพวกนี้ คนของพวกเรามีเพียงพอ แต่ที่นาสิบห้าหมู่แบ่งออกเป็นสามแห่ง หากต้องการปกป้องที่นาไม่ให้ถูกทำลาย คนของเราไม่พอ ยังต้องคิดเรื่องที่ว่าหากคนพวกนั้นทุ่มสุดตัวไม่สนใจผลที่จะตามมา ลงมือกับคุณหนูซิน…”
ลอบสังหารไม่สำเร็จ หันไปทำลายเถามันหวานแทน เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้
“ดังนั้นพวกเราต้องเคลื่อนกำลังทหารมาช่วยเหลือ”
“เคลื่อนกำลังทหาร?” ไป๋อิงเลิกคิ้ว
ตอนนี้ฉางเล่อโหวไม่ใช่เจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเป่ยแล้ว ย่อมไม่อาจมีตรากองทัพที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ จะเคลื่อนกำลังทหารมาช่วยเหลือได้หรือ
เฮ่อชิงเซียวสบตากับซินโย่วทีหนึ่ง
มีบางคำกล่าวว่า ขุนนางไม่อาจกล่าว แต่ซินโย่วกล่าวได้ “จากที่ข้ารู้ กองกำลังฉางผิงประจำการอยู่ละแวกนี้ ขอให้พวกเขามาช่วยก็พอ”
คนผู้นั้นให้ความสำคัญต่อการปลูกมันหวานมาก คิดปกป้องนางก็ดี กลัวนางอาศัยจังหวะลงใต้โบยบินหนีไปก็ดี กองกำลังฉางผิงย่อมต้องรับภารกิจลับให้จับตาดูการเคลื่อนไหวทางนี้อยู่นานแล้ว เกรงว่าเรื่องที่นางถูกลอบสังหาร ไม่นานก็คงจะรายงานไปถึงแล้ว
ทางนี้ส่งคนไปขอความช่วยเหลือ เป็นเหตุผลให้กองกำลังฉางผิงเคลื่อนกำลังมาได้อย่างเปิดเผยพอดี
ไป๋อิงได้ยินดังนี้ ก็อาสาไปขอกำลังมาช่วยด้วยตนเอง
วันรุ่งขึ้น ฟ้าเพิ่งเริ่มสาง
“คุณหนูไป๋นำคนไปมากอีกหน่อย”
ไป๋อิงโบกมือย่างไม่ยี่หระ “นำไปสองคนก็พอ ที่เหลือไว้อารักขาคุณหนูซินกับแปลงปลูกมันหวาน”
“เช่นนั้นคุณหนูไป๋เดินทางระวังด้วย” ซินโย่วกำชับอีกครั้ง จ้องมองไป๋อิงครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบข้างหูนางเบาๆ
ไป๋อิงเผยสีหน้าประหลาดใจ เพียงแต่แต่ไรมานางเป็นคนสงบนิ่งเก็บท่าที จึงพยักหน้าไม่ถามอันใดอีก
กองกำลังฉางผิงประจำการอยู่ไม่ไกลนัก ออกเดินทางตอนเช้า ห้อม้าควบไปไม่หยุด ก็จะไปถึงในวันเดียวกัน ไป๋อิงไม่กล้ารอช้า นำทหารคนสนิทสองคนเร่งออกเดินทางทันที
ซินโย่วมองไปจนลับตา จึงได้ถอนสายตากลับ กล่าวกับเฮ่อชิงเซียวว่า “คนพวกนั้นอาจดักซุ่มอยู่ระหว่างทาง ขัดขวางไม่ให้คุณหนูไป๋ไปส่งข่าว เจ้านำคนจำนวนหนึ่งไปช่วยเถอะ”
เฮ่อชิงเซียวส่ายหน้า “เจ้าถูกลอบสังหาร ทางกองกำลังฉางผิงจะต้องรู้แล้ว แม้ว่าพวกเราไม่ส่งคนไปขอความช่วยเหลือ กองกำลังฉางผิงได้รับราชโองการภารกิจติดตัว ย่อมไม่กล้านิ่งเฉยดูดาย คนพวกนี้ย่อมรู้หลักการเหล่านี้ดี หากพวกเขาคิดขัดขวางคุณหนูไป๋ ก็มีความเป็นไปได้เพียงข้อเดียว ก็คือยื้อเวลาการมาถึงของกองกำลังฉางผิง”
ซินโย่วมองไปยังที่นา เอ่ยเบาๆ “ข้ารู้”
ฝ่ายตรงข้ามคิดถ่วงเวลา อาศัยจังหวะที่คนไม่พอ ลงมือกับแปลงปลูกมันหวาน นี่ก็คือสาเหตุที่นางไม่คิดติดตามสืบเรื่อง ‘อารองเซียว’
มังกรแข็งแกร่งไม่อาจสู้งูเจ้าถิ่น สืบเรื่องพวกนี้เสียสมองและกำลังคนมาก แปลงปลูกมันหวานอาจเกิดช่องโหว่ได้ง่าย
นางไหว้วานหัวหน้าหกเดินทางรอนแรมไปนำเถามันหวานล้ำค่านี้กลับมา ถึงวันนี้เพิ่งได้เห็นแปลงมันหวานเขียวขจีขึ้นมา ไม่อาจปล่อยให้เรื่องอื่นมาทำให้หลงลืมเรื่องสำคัญนี้ไปได้