หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 547 กลอุบายของฮูหยิน (1)
ตอนที่ 547 กลอุบายของฮูหยิน (1)
ได้ยินสะใภ้ที่เพิ่งสู่ขอเข้ามาในจวนทราบข่าวลือด้านนอกที่ว่าฝีมือการแพทย์ของเหยาเยี่ยนอวี่เกรงว่าคงจะรักษาไม่หาย จึงรู้สึกโมโหเดือดพล่านขึ้นมา จากนั้นทุบโต๊ะสบถหยาบใส่สะใภ้คนนี้ “เหลวไหล! ดูท่าแล้วเจ้าคงหวังว่าข้าตาบอดเช่นนี้ต่อน่ะสิ เจ้าจะได้เป็นใหญ่ในจวนอ๋อง ใช่หรือไม่”
สะใภ้คนใหม่ได้ยินเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้นพลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “สะใภ้มิบังอาจเพคะ สะใภ้ไม่เคยมีกลอุบายเช่นนั้นเพคะ
“มิบังอาจ? เจ้าเห็นว่าข้าเป็นสวะ ดังนั้นถึงได้ไม่เห็นข้าในสายตาใช่ไหม! ข้าจะบอกเจ้า อย่าเห็นว่าข้าตาไม่ดี แต่ว่าภายในใจของข้ารู้ดี! พวกเจ้าแต่ละคนเอาแต่สุมหัวกันทำให้ข้าตาย พวกเจ้าถึงจะได้เป็นนายหญิงในจวน! ข้าจะบอกพวกเจ้า ฝันไปเถอะ!”
ซื่อจื่อฮูหยินที่ยืนอยู่ตรงนั้นหน้าแดงระเรื่อทันที ต่อให้พูดอะไรไปก็โดนว่า ดังนั้นไม่พูดย่อมดีกว่า
เฉิงหวังเฟยกลับโมโหยิ่งกว่าเดิม ชี้หน้าสะใภ้แล้วสบถหยาบไม่หยุด บอกว่านางไม่ดีตรงนี้ ไม่ดีตรงจุดนั้น เหมือนเจ้าได้แต่งงานกับบุตรชายของข้านั้นเป็นลาภอันประเสริฐ เจ้าต้องปฏิบัติตนอย่างสงบเสงี่ยม เพื่อดูแลงานเรือนให้บุตรชายข้า เจ้าต้องกตัญญูต่อแม่สามี แม้แต่คำพูดเช่นหากรักษาตาของข้าไม่หาย เจ้าต้องเอาตาของเจ้าให้ข้าเปลี่ยน ก็ยังพูดออกมาในตอนสุดท้าย หลังจากสั่งสอนสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้าจวนใหม่ๆ ไปครึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็ยังเป็นอวิ๋นเหยาที่เข้ามาเกลี้ยกล่อม นางถึงจะหยุดไป
ซื่อจื่อฮูหยินถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในจวนตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะรู้กฎระเบียบและมารยาท ทว่าถูกเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจจนโตป่านนี้ เพียงแค่หนึ่งประโยคของนางก็ทำให้โดนว่าต่อเช่นนี้ นางคงจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว จึงกลับเรือนไปร้องไห้บนเตียง หลังจากร้องไห้เสร็จก็เก็บห่อผ้ากลับจวนต้นตระกูล
บังเอิญเจอกับอวิ๋นคุนที่กลับจากด้านนอกพอดี ได้ยินสาวใช้ในเรือนเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟังไปหนึ่งรอบ จึงเข้าไปปลอบโยนฮูหยินตนเอง
ตอนนี้เป็นช่วงที่ข้าวใหม่ปลามัน ซื่อจื่อฮูหยินเป็นกุลสตรีที่อ่อนปวกเปียกผู้หนึ่ง พอเห็นสามีใส่ใจและอ่อนโยนเช่นนี้ ความรู้สึกที่อัดอั้นไว้ในใจก็ค่อยๆ จางหายไป ทันใดนั้นก็บอกว่าไม่กลับจวนต้นตระกูลแล้ว
ทว่าอวิ๋นคุนกลับถอนหายใจแล้วถอนหายใจเล่าในใจ ถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดตอนนั้นหันหมิงชั่นถึงเลือกที่จะทิ้งตนแล้วเลือกเซียวหลินนั้นเป็นความคิดที่ชาญฉลาดอย่างมาก ต่อให้สะใภ้คนนี้ยังถือว่าเป็นสตรีที่มารดาโปรดปราน ทว่าพอแต่งเข้ามาสักระยะก็เริ่มรู้สึกเบื่อนางแล้ว หากเขาสู่ขอหันหมิงชั่นที่มารดาไม่โปรดปรานเสมอมา คงจะทุกข์ทรมานน่าดู!
อวิ๋นคุนมองภรรยาที่หลับใหลไป ภายในใจลึกๆ ก็ถอนหายใจยาวๆ คำว่า บ่มเพาะศีลธรรมของตนเอง ดูแลบ้านช่องเรือนชาน ปกครองประเทศ และปราบปรามแผ่นดินให้สงบราบคาบนั้น เขาถามตนเองว่าการบ่มเพาะศีลธรรมของตนเองนั้นดีแค่ไหน ถึงแม้จะไม่เป็นผู้ที่ดีเด่นในด้านนี้ที่สุด ทว่าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคนอื่น ทว่าพอพูดถึง ‘ดูแลบ้านช่องเรือนชาน’ เหตุใดเขาถึงจะย่ำแย่กว่าคนอื่นไปมาก!
นอกห้องอักษร ณ จวนจิ้งไห่โหวกำลังจัดโต๊ะต้อนรับคุณชายใหญ่จวนอัครเสนาบดีเฟิง
เซียวหลินและเฟิงเซ่าเชินเป็นสหายที่มีความสัมพันธ์ไม่เลว ตอนแรกเซียวหลินเข้าเมืองมาสอบคัดเลือกขุนนางก็ได้อาศัยอยู่ในจวนอัครเสนาบดี เฟิงเซ่าเชินก็โปรดปรานเขาที่มากรอบรู้ ทั้งยังเป็นคุณชายที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงคบหากันโดยตลอด
วันนี้เซียวหลินมีฐานะตำแหน่งมั่นคงในราชสำนักแล้ว ทั้งยังได้บุตรชาย จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต และเฟิงเซ่าเชินกลับรู้สึกเบื่อหน่ายที่คนในจวนเริ่มพูดถึงเรื่องงานมงคลของเขาแล้ว ก็อดหนีมาดื่มสุรากับเซียวหลินไม่ได้
เซียวหลินรู้เรื่องในใจของเฟิงเซ่าเชิน ด้วยเหตุนี้ก็ไม่ได้มากความอะไร แค่คำนับเขาด้วยสุราไม่หยุด
เฟิงเซ่าเชินที่เผชิญหน้ากับสหายที่ดี สุดท้ายก็เก็บความในใจไว้ไม่อยู่ ฉะนั้นถือโอกาสตนมึนเมา ถอนหายใจยาวๆ “จื่อรุ่น ข้าน่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ”
“เจ้าอิจฉาข้าเรื่องอะไร” เซียวหลินยิ้มจางๆ ไม่ยอมมากความ
วันนี้เขาถือว่าเป็นทองแผ่นเดียวกับตระกูลเหยาแล้ว จำเป็นต้องรักษาระยะห่างกับอัครเสนาบดีเฟิง ใครจะไปรู้ว่าตอนอยู่ในราชสำนักทั้งสองท่านไม่ถูกคอกัน ส่วนอัครเสนาบดีก็มักจะเอาความสัมพันธ์ที่ดีของรุ่นอาวุโสมาเตือนสติเขา เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายมากพอแลว ดังนั้นตอนเขาอยู่กับเฟิงเซ่าเชินก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องราชกิจมาโดยตลอด และไม่อยากพูดคุยถึงผลประโยชน์ของตระกูล พวกเขาแค่ดื่มสุราแต่งบทกวี แล้วยังเสวนาถึงเรื่องทิวทัศน์เท่านั้น
“ข้าน่ะอิจฉาเจ้าที่มีหญิงงามอยู่เคียงข้าง ทั้งยังมีบุตรชายแล้ว!” เฟิงเซ่าเชินถอนหายใจ แล้วถอนสุราด้วยความหมองเศร้า
เซียวหลินยกยิ้ม แล้วยกเหยือกสุรามารินเหล้าให้เฟิงเซ่าเชิน แล้วเกลี้ยกล่อม “ได้ยินว่าในจวนพูดถึงงานมงคลของเจ้า อีกไม่นานเจ้าก็มีหญิงงามเคียงคู่แล้ว และผ่านไปปีสองปีก็มีบุตรเหมือนข้า เรื่องพวกนี้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว”
เฟิงเซ่าเชินยิ้มเย้ยหยันตนเอง แล้วเปรยว่า “ต่อให้นางจะงดงามเพียงใด กลับไม่เข้าตาข้า แล้วจะมีประโยชน์อะไร”
เซียวหลินเข้าใจดีว่าเฟิงเซ่าเชินยังคงโปรดปรานเหยาเยี่ยนอวี่มาโดยตลอด ต่อให้คนอื่นแต่งงานกับบุรุษอื่นไปแล้ว ทั้งยังเป็นคู่ครองที่รักใคร่กันอย่างมาก คุณชายใหญ่เฟิงก็ยังไม่ลืมนาง ทว่าเว่ยจางคือใคร เหยาเยี่ยนอวี่เป็นใคร สองสามีภรรยาล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับเซียวหลินมิใช่หรือ
อีกอย่าง ต่อให้เว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเซียวหลิน เขาเป็นถึงจิ้งไห่โหวคงไม่มีทางช่วยบุรุษที่แอบรักอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้สามีภรรยาแตกคอกันหรือเปล่า ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เซียวหลินทำได้เพียงแสดงความจนปัญญากับสหายรัก แล้วเกลี้ยกล่อมให้เขาตัดใจไป “ทุกคนมีโชคชะตาที่กำหนดไว้แลว เรื่องของพรหมลิขิต เจ้าก็ไม่อาจบังคับกันได้”
“ข้าก็ไม่ได้บังคับอะไรนี่” เฟิงเซ่าเชินส่ายหัว “ข้าคงไม่ตกอับถึงขั้นนั้นหรอก!”
เซียวหลินหรี่ตาลง ภายในใจคิดว่า หากเจ้าตกอับขั้นนั้น เกรงว่าข้าคงไม่ให้เจ้ามาจวนข้าหรอก เพียงแต่เจ้าควรตัดใจได้แล้ว!
“ขัาแค่เป็นห่วงนาง” เฟิงเซ่าเชินพูดไป กลับน้ำตาไหลพราก
เซียวหลินตบไหล่เขาอย่างจนปัญญา แล้วปลอบโยน “สหาย ว่ากันว่าบุรุษไม่ร้องไห้ เจ้าจะร้องไห้เพื่อสตรีที่ไม่มีทางเป็นของเจ้าไปไยกัน อย่าทำเช่นนี้”
“อืม” เฟิงเซ่าเชินเงยหน้าขึ้น แล้วอัดอั้นน้ำตาไว้ แล้วถอนหายใจออกมา “ได้ยินว่าฝีมือการแพทย์ของนางากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว? ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่”
เซียวหลินกำลังคิดในใจว่าให้เขาตัดใจ! เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาหรือเปล่า
เฟิงเซ่าเชินมองเซียวหลินไม่พูดไม่จา จึงพูดเพิ่มเติม “เจ้าว่า เว่ยเสี่ยนจวินจะปฏิบัติไม่ดีกับนางหรือเปล่า”
เซียวหลินต้องพูดอะไรที่ทำให้เขาตัดใจอย่างถ่องแท้ เพราะถ้าเขายังเป็นสภาพเช่นนี้ เกรงว่าอนาคตมีภรรยาไปแล้วก็คงจะไม่ปล่อยวาง ขืนวันใดเมาสุราแล้วพูดความในใจเช่นนี้ออกมา คงจะทำให้เหยาเยี่ยนอวี่เสียชื่อเสียง
ดังนั้นจึงถอนหายใจเบาๆ ตอบไหล่ของเขา เซียวหลินจึงพูดด้วยวาจาจริงจัง “สหาย ข้าจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“อืม เจ้าว่ามาสิ” เฟิงเซ่าเชินพยักหน้า แล้วเอาเหยือกขึ้นมาเทสุราให้ตนเอง
“เจ้ารู้ไหมตอนที่อยู่เมืองเฟิ่ง หมอหลวงเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัส?”
“รู้ ได้ยินว่าเป็นฝีมือของชาวเกาหลี ยิงหน้าไม้ตรงหน้าท้องของนาง จนเกือบจะสิ้นใจไป”
“เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดสตรีที่รู้เพียงวิชาการแพทย์อย่างนางถึงโดนยิง?”
“ไม่ใช่ว่าโดนจู่โจมระหว่างที่กลับจากการรักษาหูอ๋องผู้เฒ่าหรือ ได้ข่าวว่าชาวเกาหลีอยากทำลายสัญญาระหว่างหูอ๋องและต้าอวิ๋น อยากจะทำลายการเจราสงบศึกหรือ”
“ทว่าสถานการณ์ตอนนั้น หมอหลวงเหยาที่เป็นเพียงสตรีต้องถูกทหารมากความคุ้มกันอยู่แล้ว เหตุใดมีคนคุ้มกันนางมากเช่นนั้น กลับยังได้รับบาดเจ็บสาหัสล่ะ”