หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 551 หมอเซียนกลับมาอีกครั้ง (1)
ตอนที่ 551 หมอเซียนกลับมาอีกครั้ง (1)
เหยาเฟิ่งเกอเห็นเช่นนี้ ก็หันไปน้อมคำนับเฟิงฮูหยิน “พี่สะใภ้ใหญ่ ที่ข้ายังมีบุตรสามคนและผู้ป่วยหนึ่งคนต้องดูแล อยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เช่นนั้นข้ากล่าวอำลาก่อน”
เฟิงฮูหยินพยักหน้า “น้องสะใภ้สามกลับดีๆ ล่ะ เช่นนั้นข้าไม่ส่งเจ้าแล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอพยักหน้าให้ซุนฮูหยินแล้วหันหลังเดินจากไป
ซุนฮูหยินกัดริมฝีปาก กำลังจะพูดอะไรออกมา กลับได้ยินเหยาเฟิ่งเกอที่ถึงประตูสวนหน้าพูดว่า “ท่านโหวมาแล้ว” นางจึงรู้ว่าซูอวี้ผิงเข้ามา ตนเองก็ไม่ควรอยู่ต่อ จึงแค่นเสียงเบาๆ แล้วสาวเท้าจากไป
เฟิงฮูหยินมองซุนฮูหยินเดินจากไป ลอบกัดฟันกรอด
ซูอวี้ผิงมาแล้วเข้าเรือนทำคลอดไม่ได้โดยตรง แค่ปลอบโยนเฟิงซิ่วอวิ๋นผ่านหน้าต่างสองสามประโยค เฟิงฮูหยินก็พาเขาไปเจอบุตรชายที่สกุลหลี่ให้กำเนิด เขาอุ้มคุณชายน้อยที่ทำหน้ายับ ซูอวี้ผิงก็ดีใจมาก ไม่ว่าเขาจะออกจากครรภ์สตรีใด ก็คือบุตรชายทางสายเลือดของตน เพื่อบุตรชายคนนี้ ทำให้ทั้งตระกูลเกิดเรื่องมากมาย และเรื่องพวกนั้นคงไม่อาจหวนกลับมาได้
เฟิงฮูหยินมองสีหน้าของซูอวี้ผิง รู้ว่าเขาคิดถึงท่านโหว พอนึกถึงลู่ฮูหยิน ก็นึกถึงบุตรที่ตนเองเสียไปก่อนหน้านี้ เพียงแต่เรื่องมาถึงวันนี้ ต่อให้หวนคิดไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นปลอบโยนด้วยเสียงเบา “ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็คือบุตรชายคนโตของท่านโหว ต้องตั้งนามดีๆ ให้เขา”
ซูอวี้ผิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วลังเลเล็กน้อย จึงพูดขึ้น “รอให้บุตรของซิ่วอวิ๋นคลอดแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เฟิงฮูหยินตะลึงงันเล็กน้อย แล้วพูดยิ้มๆ “ท่านโหวกล่าวถูกเจ้าค่ะ”
ที่แท้ในใจของเขา ซิ่วอวิ๋นก็ได้แทนที่ตนเองไปเสียแล้ว! เฟิงฮูหยินเปรยในใจเงียบๆ บอกว่าเคียงคู่กันทุกภพ บอกว่าต่อให้ฟ้าดินสลายก็จะยังรักกัน อันที่จริงรักใหม่แทนรักเก่าก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ซูอวี้ผิงเห็นเฟิงฮูหยินค่อยๆ หุบยิ้ม จึงถาม “เหตุใดฮูหยินถึงไม่มีความสุขเล่า หรือว่า…”
เฟิงฮูหยินยิ้มน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ วันนี้น้องสาวทั้งสองคลอดบุตรให้ท่านโหวพร้อมๆ กัน ข้าดีใจยังไม่ทันเลย”
ซูอวี้ผิงอุ้มคุณชายน้อยไปให้แม่นม จากนั้นผายมือให้พวกนางออกไป แล้วจับมือของเฟิงฮูหยินไว้ พร้อมเปรยเสียงต่ำ “ข้ารู้ว่าภายในใจของเขายังคงรู้สึกเจ็บปวด เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร เจ้าจะเป็นฮูหยินที่ยืนเคียงข้างข้าตลอดไป พวกเราได้รับการแต่งตั้งและเข้าไปขอบพระทัยในวังหลวงด้วยกัน ในจวนโหว เจ้ายังคงเป็นนายหญิงของจวน ไม่มีใครทดแทนได้”
“แต่ว่า…มีเรื่องหนึ่งที่ข้าปิดบังท่านโหว วันนี้เลยอยากจะบอกท่านโหวตรงๆ ท่านโหวได้โปรดอย่าถือสา”
ซูอวี้ผิงยิ้มจางๆ “ไหนๆ เจ้าก็บอกตรงๆ กับข้าแล้ว ข้าจะถือสาเจ้าได้อย่างไร อีกอย่างเจ้าปิดบังข้าก็ย่อมมีเหตุผลของเจ้าอยู่แล้ว”
ความเจ็บปวดภายในใจของเฟิงฮูหยินถูกบรรเทาเพราะคำพูดเหล่านี้ของเขา นางกุมมือซูอวี้ผิวกลับ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ครรภ์ของน้องสาวคือเพศหญิง ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจเอาบุตรชายของสกุลหลี่มาอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของข้า วันข้างหน้าเขาก็คือบุตรชายภรรยาเอกคนโตของท่านโหวแล้ว ท่านโหวได้โปรดเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“เกิดอะไรขึ้น?!” ซูอวี้ผิงตะลึงงัน แล้วมองเฟิงฮูหยินด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้
เฟิงฮูหยินถอนหายใจ แล้วพูดขึ้น “น้องสะใภ้สามเป็นคนบอกข้า ตอนนั้นพวกนางสองคนตั้งครรภ์พร้อมกัน ข้าตามหมอหลวงมาจับชีพจรให้พวกนางทั้งสองว่าได้บุตรชายหรือบุตรี ตอนนั้นหมอหลวงรู้ว่าสกุลหลี่ได้บุตรชาย ซิ่วอวิ๋นได้บุตรี น้องสะใภ้สามบอกว่าถึงแม้สกุลหลี่จะเกิดมามีฐานะทางครอบครัวที่ใสสะอาด ทว่าย่อมต้อยต่ำกว่าหนึ่งชั้น นางมีบุตรชาย เกรงว่าทุกคนจะจู่โจมนาง ตามรอยเดิมของข้าในตอนนั้น และซิ่วอวิ๋น…เพราะว่าเป็นน้องสาวของข้า จึงมีตระกูลเฟิงคอยหนุนหลัง อีกเหตุผลก็เพราะว่านางแต่งเข้าจวนเร็ว สองปีนี้จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเหล่าสะใภ้ในจวน ดังนั้นไม่ค่อยเป็นอันตรายมากนัก อีกอย่าง ต่อให้ทารกในครรภ์ของนางเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ…” พูดถึงตอนนี้ น้ำตาของเฟิงฮูหยินไหลริน
พูดถึงขั้นนี้ ซูอวี้ผิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ดังนั้นเขาดึงฮูหยินเข้ามาในอ้อมกอด แล้วเปรยเสียงเบา “เพื่อบุตรชายที่เป็นทายาทของข้า ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมากเช่นนี้ ข้าเองที่ทำผิดต่อพวกเจ้าสองพี่น้อง ข้าซูอวี้ผิงไม่มีทางทำไม่ดีกับเจ้าแน่นอน”
“เรื่องนี้เหมือนก้อนหินที่ฝังอยู่ในใจของข้ามาโดยตลอด วันนี้บุตรคนนี้เกิดมาอย่างราบรื่น ข้าก็ถือว่าโล่งอกแล้ว แค่ท่านโหวไม่โทษข้าที่ปิดบังความจริงก็พอแล้ว แค่นี้ข้าก็ดีใจมากแล้ว”
“แต่ว่า หากเจ้ารับเด็กคนนี้มาเลี้ยง ท่านพ่อคงไม่ยอมหรือเปล่า”
“หากซิ่วอวิ๋นก็มีบุตรชาย แน่นอนว่าต้องเลือกบุตรชายของนางอยู่แล้ว ทว่าถ้าเป็นบุตรี ข้าก็จนปัญญาจริงๆ ตอนนี้พวกเราไว้อาลัยมาสามปีแล้ว ท่านโหวได้รับตำแหน่งมาหลายปีเช่นนี้ คงไม่อาจยืดเยื้อเรื่องทายาทอีกต่อไป ทางฝั่งท่านพ่อ ข้าจะบอกเอง หากซิ่วอวิ๋นไม่พอใจ ข้าก็จะรับเลี้ยงบุตรของนางเหมือนน้องสะใภ้สามในตอนนี้”
ซูอวี้ผิงรู้สึกซาบซึ้งในท่าทีเช่นนี้ของภรรยา แล้วตบหลังนางเบาๆ “เจ้าลำบากใจแล้ว!”
“ตอนนั้นข้าใกล้สิ้นใจ ท่านโหวยอมลดตัวไปขอร้องอ้อนวอนหมอหลวงเหยา ข้ารู้ว่าท่านโหวรักข้ามาก ดังนั้นความทุกข์ทรมานแค่นี้ ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรเลย” แม้แต่เรื่องอนุภรรยา บุตรชายและบุตรีของอนุภรรยาก็ทนมาแล้ว เรื่องแค่นี้ก็ย่อมทนได้อยู่แล้ว
ซูอวี้ผิงถอนหายใจพลางพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรที่อ่อนหวานดั่งน้ำผึ้ง สาวใช้นอกประตูมารายงานอย่างกระวนกระวาย “โหวฮูหยิน! อี๋เหนียงใหญ่แย่แล้วเจ้าค่ะ!”
“เดิมทีอี๋เหนียงก็ไม่ถึงวันกำหนดคลอด เพราะว่าหกล้มน้ำคร่ำเลยแตก นี่…เพราะว่าตกเลือดมากเกินไป ทารกยังไม่ออกมา พวกบ่าวสรรหาทุกวิธีก็ไม่ได้ผล…ฮูหยินได้โปรดช่วยด้วย” หมอตำแยคุกเข่าพูดด้วยเสียงสั่น
เฟิงฮูหยินได้ยินคำพูดเหล่านี้ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา สถานการณ์เหมือนนางในวันนั้น! แต่ตอนนั้นทารกในครรภ์ของนางยังไม่ครบเดือน ทว่าตอนนี้ทารกคนนี้มีอายุแปดเดือนแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไร ต้องรักษาชีวิตของสองแม่ลูกไว้ให้ได้” เฟิงฮูหยินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วสั่งคนที่อยู่ด้านข้าง “รีบส่งคนไปเชิญหมอหลวงเลี่ยวมาเร็ว!”
คนที่อยู่ด้านข้างตอบกลับ เฟิงฮูหยินสั่งหมอตำแยอีกครั้ง “ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีอะไร ต้องช่วยชีวิตมารดาและบุตรไว้ก่อน! มิเช่นนนั้นข้าย่อมมีวิธีทำให้พวกเจ้าตายตามไปด้วย!”
“ฮูหยิน!” หมอตำแยยังอยากแย้งกลับ
“รีบเข้าไปดูแลให้ดี! พวกเจ้าภาวนาให้ตนเองอย่าเป็นอะไรก็พอ” เฟิงฮูหยินสบถเสียงเย็นชา
ผัวจื่อไม่กล้ามากความ ก็ลุกขึ้นจากพื้นกลับเข้าไปในเรือนทำคลอดทันที ซูอวี้ผิงจับมือของฮูหยินไว้ และถอนหายใจเสียงเรียบ “หากหมอหลวงเหยาอยู่ก็คงดี!”
เฟิงฮูหยินยิ้มอย่างขมขื่น “ได้ยินน้องสะใภ้สามบอกว่าร่างกายของนางไม่เหมือนวันวาน ตอนนี้แม้แต่ฝ่าบาทยังรอให้ร่างกายนางฟื้นฟู เรื่องของซิ่วอวิ๋น…”
“ใช่แล้ว! ไม่ใช่ว่ายังมีชุ่ยเวยและชุ่ยผิงหรือ รีบสั่งให้คนไปเชิญมาเถอะ” ซูอวี้ผิงทำนัยน์ตาเป็นประกาย
“เจ้าค่ะ” เฟิงฮูหยินก็เหมือนเห็นความหวัง จึงสั่งไฉ่จูทันที “เจ้ากับเฉินซินรีบไปจวนแม่ทัพฝู่กั๋ว ต้องเชิญชุ่ยผิงและชุ่ยเวยมาให้ได้ ยังดีที่รองแม่ทัพถังและน้องสามอาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพ ทำให้ทุกอย่างสะดวกมากขึ้น”