องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 919
บทที่ 919
“เรื่องยันต์ที่ฉันบอกให้ไปตรวจสอบก่อนหน้านี้มีความคืบหน้าอะไรบ้างหรือเปล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยเคาะนิ้วลงบนโต๊ะไม้พลางมองสถานีรถไฟที่อยู่นอกหน้าต่าง ”ยังไม่มีเบาะแสใหม่เลยใช่หรือเปล่า”
วานรมองระบบนำทางพร้อมกับตอบว่า ”ลูกพี่ยังฉลาดเหมือนเคย ผมลองถามคนในสายงานเดียวกันกับลูกพี่มาแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์หรือพระอาจารย์ชื่อดังทั้งหลาย ทุกคนต่างก็เห็นตรงกันว่ายันต์แผ่นนี้ดูแปลกประหลาดอย่างมาก พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยครับ ผมเจาะเข้าเว็บไซต์ไปหลายเว็บ แต่ก็ยังหาข้อมูลเกี่ยวกับยันต์แผ่นนี้ในอินเตอร์เน็ตไม่เจอเลยครับ”
“แล้วพวกคำที่เกี่ยวข้องล่ะ ปกติแล้วเวลาที่เราค้นหาอะไรสักอย่าง มันมักจะมีคำที่เกี่ยวข้องปรากฏขึ้นมาด้วยนี่ คำที่เกี่ยวข้องกับเจ้านี่คืออะไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว
“คำที่เกี่ยวข้องกับยันต์แผ่นนี้ก็ค่อนข้างประหลาดทีเดียวครับ มีทั้งโรตี ผงกะหรี่ แกงไก่ และอาหารอินเดียอีกหลายอย่าง โอ๊ะ จริงสิ มีคำว่าเนปาลด้วยครับ” วานรมองถนนตรงหน้า พร้อมกับเพิ่มความเร็วรถขึ้น
“ไม่แปลกเลยที่เธอจะมาที่เขตอวิ๋นกุย” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา
“ใครหรือครับ” วานรไม่เข้าใจความหมายที่คนเป็นลูกพี่พูด
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย แทนที่จะตอบ เธอกลับถามต่อว่า ”นายรู้หรือเปล่าว่าพระพุทธศาสนามีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน”
วานรไม่ได้ตอบเธอ แต่แมวเฒ่าที่ฟังอยู่กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ”เรื่องนี้ผมรู้ มันอยู่ในเรื่องไซอิ๋วใช่ไหมครับ เป็นตอนที่พระถังซัมจั๋งกับคณะเดินทางข้ามภูเขาและแม่น้ำเหลืองเพื่อหาพระไตรปิฎกในชมพูทวีป ที่ที่เขามุ่งหน้าไปก็คือต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนา และชมพูทวีปก็คือประเทศอินเดียในปัจจุบันนั่นเอง!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองเขา เธอยังคงเงียบหลังจากได้ยินคำพูดนั้น
เสี่ยวชิงเฉิงยัดคริสตัลชวารอฟสกีเม็ดสุดท้ายใส่กระเป๋าใบเล็กของไป๋หลี่ซ่างเสีย จากนั้นจึงหันกลับไปมองแมวเฒ่า ”พระพุทธศาสนาถือกำเนิดขึ้นที่กรุงกบิลพัสดุ์มาแล้วมากกว่าสามพันปี แต่โดยทั่วไปนั้นชาวตะวันตกมักจะเชื่อว่าพระพุทธศาสนามีจุดกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ยิ่งกว่านั้นความจริงแล้วประเทศอินเดียเองก็พยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเองเหมือนกันว่าเป็น ’ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา’ ด้วยเหตุผลนี้นี่เองจึงทำให้คนส่วนมากเข้าใจอย่างผิดๆ ว่าพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ความจริงก็คือ กรุงกบิลพัสดุ์ไม่ได้อยู่ในประเทศอินเดีย แต่อยู่ในประเทศเนปาลต่างหาก คนจากประเทศจีนที่ต้องการไปเยี่ยมประเทศเนปาลย่อมต้องผ่านชายแดนของยูนนานไปทั้งนั้น”
เสี่ยวชิงเฉิงอธิบายอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะหยิบทุกอย่างที่ควรหยิบไปพร้อมกัน
ไป๋หลี่ซ่างเสียกลัวเขาจะหกล้ม ดังนั้นจึงคอยยืนประกบหลังเขา ดวงตาสีแดงของเขายิ่งดูชั่วร้ายขึ้นอย่างมากหลังจากสังเกตเห็นสีหน้าสับสนงุนงงของแมวเฒ่า จากนั้นเขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า ”กระทั่งเรื่องแค่นี้ลุงก็ยังไม่รู้หรือ นี่มันความรู้พื้นฐานนะ ถ้ามีเวลาลุงก็ควรจะอ่านหนังสือให้มากขึ้นหน่อยดีกว่า มนุษย์นี่ช่างโง่เขลากันเสียจริง”
แมวเฒ่า : …
นี่เขากำลังถูกเด็กสามขวบดูถูกสติปัญญาอยู่อย่างนั้นหรือ!?
ล้อกันเล่นอยู่ใช่ไหม!
“คนที่ชอบเด็กๆ มาจากประเทศเนปาล กรุงราชคฤห์เก่า ลักษณะท่าทางอ่อนโยน” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นประกาย ”ทำเอานึกถึงใครบางคนขึ้นมาเลย”
เสี่ยวชิงเฉิงเดินเตาะแตะไปหาผู้เป็นแม่ ”หมายถึงหารีติหรือครับ”
“หารีติรึ พวกคุณกำลังพูดถึงใครอยู่หรือ” ใบหน้าของแมวเฒ่าเริ่มซีด ”หรือว่าพูดถึงหัวหน้า เธอคือหารีติหรือ”
ไป๋หลี่ซ่างเสียยิ้ม ความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้นดูเข้มข้นขึ้นอย่างมาก ”หารีติเป็นหนึ่งในเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา และรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าพระแม่กาลี กรุงราชคฤห์เคยจัดงานเฉลิมฉลองการกำเนิดพระพุทธศาสนาขึ้นครั้งหนึ่ง และมีผู้เข้าร่วมงานนั้นกว่าห้าร้อยคน ระหว่างทางพวกเขาบังเอิญพบหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งเข้าจึงพาเธอร่วมเดินทางไปด้วย แต่โชคร้ายที่เธอแท้งลูกระหว่างทาง และคนทั้งห้าร้อยคนนั้นต่างก็ทอดทิ้งเธอไป ผู้หญิงคนนั้นจึงตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยความเคียดแค้นว่าจะเกิดใหม่ในกรุงราชคฤห์แล้วกินเด็กทุกคนที่อยู่ที่นั่นให้หมด หลังจากนั้นคำสาบานของเธอก็กลายเป็นจริง เธอกลับมาเกิดที่กรุงราชคฤห์และกินเด็กทุกคนจนหมด คนแบบนี้ควรมาอยู่ในแดนปีศาจร่วมกับพวกเรา ทำไมถึงเข้าร่วมกับพระพุทธศาสนาและกลายเป็นเทพปกป้องคุ้มครองเด็กๆ ไปได้ล่ะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเมื่อได้ยินคำถามของเขา เธอยื่นมืออกไปลูบศีรษะของเสี่ยวซ่างเสีย ”พุทธประวัติกล่าวไว้ว่าเธอยืนกรานที่จะขโมยลูกมนุษย์และฆ่าพวกเขาเพื่อเป็นอาหารให้กับลูกๆ ของตัวเอง พระพุทธองค์ก็เลยเอาลูกคนเล็กจากในจำนวนห้าร้อยคนของเธอไปซ่อน ส่งผลให้เธอออกตามหาลูกของตัวเองราวกับคนเสียสติ จากนั้นพระพุทธองค์จึงกล่าวกับเธอว่า ”เจ้ามีลูกถึงห้าร้อยคน แต่เจ้าก็ยังเสียใจที่ลูกคนหนึ่งหายไป แล้วแม่ที่สูญเสียลูกเพียงคนเดียวของตัวเองไปเล่า พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร” นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เธอสำนึกได้ และกลายเป็นเทพธิดาที่คอยปกปักรักษาเด็กทั้งหลายแทน สิ่งที่พระพุทธองค์สอนนางสามารถนำมาใช้กับพวกเราได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบ เธอก็หันไปพูดใส่โทรศัพท์ว่า ”วานร รีบหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงในเขตอวิ๋นกุยทุกคนมาเดี๋ยวนี้”
“รับทราบ” วานรหยิบหูฟังบลูทูธขึ้นมาใส่ จากนั้นจึงเลี้ยวรถจอดไว้ข้างทาง แล้วกดเปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเบาะหน้ารถ เขาเสียบสายเคเบิลเส้นหนึ่งเข้ากับระบบนำทางของรถยนต์แล้วเจาะระบบเครือข่ายไร้สายในละแวกใกล้เคียงอย่างคล่องแคล่วว่องไว หลังจากเข้าสู่ระบบ วานรก็เริ่มลงมือค้นหาจนได้ข้อมูลที่ต้องการมาในไม่ช้า ”ลูกพี่ ผมได้ข้อมูลทั้งหมดของพวกระดับสูงในเขตอวิ๋นกุยมาแล้วครับ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า ”ในจำนวนนั้นมีกี่คนที่มีลูกหรือ”
“ทุกคนเลยครับ พวกเขาอายุขนาดนี้แล้ว จะมีลูกกันก็เป็นเรื่องธรรมดา” วานรถ่ายภาพข้อมูลทั้งหมดบนหน้าจอแล้วส่งเข้าโทรศัพท์ของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มือข้างที่ว่างหยิบมันขึ้นดู ”ดีมาก สะกดรอยตามทุกคนที่คอยคุ้มครองเหล่าลิ่ว และคนที่รับเงินจากเขาด้วย เหล่าเอกับจินพวกนายสองคนไปกับวานรและรับภารกิจท้าทายนี่ซะ ไปเรียนรู้การเป็นนักค้ามนุษย์มาให้ดีล่ะ แอลกับเอส นายสองคนมุ่งหน้าต่อในเส้นทางเดิมที่วางไว้ จากนี้อีกยี่สิบนาทีพวกเราจะไปรวมตัวกันที่สถานีรถไฟเพื่อตรวจตั๋วพร้อมกัน ระวังของที่ตัวเองพกมากันด้วย แอล โดยเฉพาะนาย ที่รองเท้ากับกางเกงของนายมีป้ายทำจากทองแดงห้อยเยอะเกินไป นายอาจจะถูกค้นตัวเอาได้ จีนแผ่นดินใหญ่เข้มงวดกว่าพื้นที่อื่นมาก ดังนั้นอย่าได้ประมาทระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่เด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่า”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ เราก็แค่บอกพวกเขาไปว่าเจ้าพวกนี้เป็นของโชว์สำหรับการแสดง เป็นชุดคอสเพลย์ หรือไม่ก็เป็นอะไรที่อยู่นอกกระแสก็ได้ครับ เป็นเรื่องปกติสำหรับคนอายุเท่าแอล อยู่แล้วที่จะมีรสนิยมอย่างนี้” หน้าจอตัดไปเป็นภาพใบหน้าของเอส
เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ”คุณได้โดนลูกปืนผมเจาะหัวแน่”
“เอาล่ะ เกมเริ่มแล้ว ดูนาฬิกาซะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยกแขนขึ้นมองข้อมือตัวเอง ”ตอนนี้ตีสามยี่สิบสี่นาที ฉันต้องการพบแอลกับเอส ในอีกยี่สิบนาทีจากนี้ ส่วนจิน เหล่าเอแล้วก็วานร ฉันอยากฟังข่าวดีจากพวกนายในสามสิบนาที ทุกคนดูแลตัวเองด้วย ถ้าพวกนายเจ็บตัวขึ้นมา เสี่ยวชิงเฉิงจะหัวใจสลายเอา”
วานรสูดน้ำมูก เขาซาบซึ้งมากจนเกือบร้องไห้ออกมา ”นายน้อย รีบจำผมให้ได้เร็วๆ สิครับ! ผมทำภารกิจมาก็นาน แต่การได้ติดตามรับใช้ลูกพี่ก็ยังเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเสมอ! การเล่นละครเป็นหมอดูฮวงจุ้ยหลอกเอาเงินคนมันไม่มีอะไรท้าทายสำหรับผมเอาเสียเลย!”
แมวเฒ่า : …
สรุปก็คือนายไม่ได้เป็นอาจารย์หรอกหรือ นี่นายหลอกฉันมาตลอดเลยอย่างนั้นสิ!
“ไปกันเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยตัดสายอย่างรวดเร็วหลังจากสิ้นสุดคำพูดนั้น เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วจึงพาเด็กชายตัวน้อยที่หอบข้าวของเต็มกระเป๋าเดินออกไป
แต่แมวเฒ่ากลับยื่นมือออกไปขวางเธอเอาไว้ ”ลูกพี่เวย คุณคิดจะทำอะไรครับ คุณสั่งให้พวกเขาสืบเรื่องครอบครัวของคนเหล่านั้นไปทำไม”