อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 460 ที่รัก พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!
ตอนที่ 460 ที่รัก พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!
“นายพาหยางหยางกับหน่วนหน่วนไปกินข้าวเถอะ!” เมื่อกี้ดูเธอกินข้าวไป เธอเป็นห่วงว่าหยางหยางกับหน่วนหน่วนจะหิว
“โหรวโหรว ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงครึ่ง”
กินมื้อเย็นคงจะเร็วเกินไปหน่อย มีเพียงร่างกายของเธอตอนนี้ที่อ่อนแอ เพราะงั้นจะกินเยอะหน่อยก็ไม่เป็นไร
เธอหันหน้าไปมองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง มันดูสดใสจริง ๆ แสงแดดก็ดูร้อนระอุ
เธอนอนตื่นขึ้นมาก็กินโดยที่ไม่ได้ดูเวลาเลยว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง
“ฉัน…….เบลอ ๆ” เธอพูดเบา ๆ
จิ่งเป่ยเฉินมองเธอด้วยความเอ็นดู ถึงจะดูเบลอแต่ก็ยังคงน่ารัก
“ไม่เป็นไร แม่จ๋าพักผ่อนเถอะค่ะ” หน่วนหน่วนนอนบนเตียงแล้วยิ้ม
“อืม แม่จ๋าจะนอนพักผ่อน จะต้องหายป่วยไว ๆ อย่างแน่นอน” เธอยิ้มให้หน่วนหน่วนและลูบไปที่ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามของเธอ
“เป็นห่วง” หน่วนหน่วนทำท่าทางที่เป็นห่วงอย่างอดไม่ได้
อันโหรวหมดหนทาง เธอเองก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้
เธอพิงไปที่ตัวของจิ่งเป่ยเฉิน “ที่รัก พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”
เธอไม่อยากนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
“ได้”
เพราะงั้นวันนั้นจิ่งเป่ยเฉินจึงอุ้มเธอออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านแทน
แต่ว่ากลับมาที่บ้านเธอก็ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงใหญ่ แต่ว่าสบายกว่าอยู่ที่โรงพยาบาลมาก
สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่อบอุ่น เธอรู้สึกว่าสบายใจอย่างมาก แบบนี้ค่อยฟื้นตัวได้เร็วหน่อย
แต่ว่างานแต่งงานของพวกเขา…..จะทำยังไง?
ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้ พิธีแต่งงานยังดำเนินการต่อไหม?
กินข้าวไปตอนสี่โมงเย็น ตอนสองทุ่มเธอก็กินไปอีกหนึ่งมื้อ แบบนี้ถึงรู้สึกว่าได้บำรุงและฟื้นฟูร่างกาย รู้สึกเหมือนถูกขุนให้อ้วนเลย
จิ่งเป่ยเฉินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเธอนอนพิงอยู่หัวเตียงอยู่ ใบหน้าที่สวยงามนั้นหลับอย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง
เมื่ออันโหรวได้ยินเสียงฝีเท้าก็ลืมตาขึ้นมองเขา
ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พันผ้าขนหนูแล้วก็เดินออกมา……..
เธอค่อย ๆ เคลื่อนสายตามองไปที่ใบหน้าที่เย็นชาของเขา “ฉันขอนอนก่อนนะ”
“อืม……ไม่มองต่อแล้วเหรอ?” เมื่อครู่เธอมองอย่างจริงจังเองไม่ใช่เหรอ?
ชิ…..
แอบมองก็ถูกจับได้
สามีของตัวเองมองได้ตามสบาย ไม่จำเป็นต้องแอบมอง
เธอค่อย ๆ หลับตาลงและซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนจะพูดอย่างหงุดหงิด “ฉันดูมันเบื่อแล้ว”
“โหรวโหรว ฉันยังดูมันไม่เบื่อเลย”
ไม่คิดว่าเธอจะพูดว่าเบื่อแล้ว พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน ยังไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ ทำไมถึงเบื่อได้!
“ฉันพูดล้อเล่น ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้! นอนเถอะ นอนเถอะ! นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ” วันนี้เขาดูแลเธอมาตลอดหนึ่งวัน
เขากอดเธอเอาไว้แน่น “เธอนอนก่อนเลย”
โคมไฟหัวเตียงถูกปิดลง เธอจึงหลับตาลงช้า ๆ
ได้กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ลอยมาจากตัวของเขาจึงหันหน้าไปทางเขาและโอบกอดไปที่ตัวของเขา “รอให้ฉันหายดีแล้วพวกเราค่อยมีลูกอีกคนกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเบา ๆ ที่นุ่มนวล เขาก็ตอบกลับเบา ๆ “อืม มีสองคนเลย”
“เยอะขนาดนั้น! คนเดียวก็พอแล้ว”
“จะมีแฝดอีกคู่ก็ไม่เลวนะ”
ตั้งท้องหนึ่งครั้งได้กำไรสองเท่า
“ฉันไม่เอา คลอดลูกสองคนต้องทำคลอดทีละคน มีลูกแฝดมันลำบากมากเลยนะ ตอนที่ท้องหยางหยางกับหน่วนหน่วน ท้องโตจนแทบจะมองไม่เห็นทางเดิน” นอนตอนกลางคืนก็ไม่สามารถพลิกตัวได้
ยิ่งฟังบิ๊กบอสก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด ช่วงเวลานั้นทำไมเขาถึงไม่อยู่เคียงข้างดูแลเธอ ทำไม!
เขาเกลียดตัวเองที่สุด!
“งั้นไม่ต้องมีแล้ว มีหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็พอแล้ว”
เขาไม่อยากเห็นเธอลำบาก เห็นเธอลำบากก็เหมือนมีมีดเล่มใหญ่ปักมาที่ตัวของเขา มันเจ็บปวดยิ่งกว่า
“ฉันอยากมี……..”
ไม่มีลูกคนนี้แล้ว ครั้งหน้าอาจจะกลับมาเกิดอีกก็ได้
“อืม แล้วแต่เธอ”
ทำไมคำพูดฟังแล้วความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาไม่หยุดเลย?
จู่ ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นเหนือหัว “ยังไม่นอน อยากจะทำอะไร?”
“นอนเดี๋ยวนี้แหละ! นายเองก็ยังไม่นอนอีก” เธอกำลังคิดถึงเรื่องลูก
“ฉัน….นอนได้เหรอ?” เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาเองก็พยายามที่จะควบคุมตัวเอง แต่ก็ควบคุมไม่อยู่
“งั้นฉันห่างนายหน่อยแล้วกัน” เธอพูดแล้วก็ขยับตัวออกห่าง
จิ่งเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยเธอไป เขาโอบตัวเธอเอาไว้ไม่ปล่อย “ที่รัก ฉันอยากกอดเธอ”
“แต่ว่า……”
แบบนั้นเขาจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?
“ไม่มีแต่ นอนได้แล้ว” รอให้เธอหลับไปก่อนค่อยไปอาบน้ำ!
“อืม”
หลังจากที่แท้งไป ร่างกายก็อ่อนแอลงจนรู้สึกได้ อันโหรวได้แต่นอนอยู่บนเตียงอย่างไร้หนทาง
เป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่มีทางอื่น เธอมองจิ่งเป่ยเฉินที่นั่งทำงานอยู่บนโซฟาไม่ไกล ก่อนจะลงจากเตียงเงียบ ๆ คิดจะออกไปเดินเล่นข้างนอก!
เหมือนว่าเขากำลังตั้งใจมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ น่าจะเป็นงานที่สำคัญ เธอค่อย ๆ เดินไปที่ประตูห้อง
มือเอื้อมไปที่ลูกบิด เสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้นมา “ไปไหน?”
มือเธอจับลูกบิดประตูอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ไปอาบแดด”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาจากด้านหลัง เธอก็เปิดประตูและหันไปมองใบหน้าที่เย็นชาของเขา “อ่อนแอตรงไหน ไปอาบแดดน่าจะดีกว่าหรือเปล่า?”
“อืม ไปอาบแดดก็ได้” จิ่งเป่ยเฉินมองกระโปรงบาง ๆ ที่เธอใส่ ก่อนจะขมวดคิ้ว “รอก่อน”
เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองเขาไปหยิบเสื้อไหมพรมมา ตอนนี้เป็นฤดูร้อนจะไม่เป็นอะไรจริงเหรอ?
“ที่รัก….ไม่ใส่ไม่ได้เหรอ?” เธอรู้สึกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องใส่เสื้อไหมพรมอีก?
“ไม่ได้”
อันโหรวหยิบเสื้อไหมพรมมาและเดินออกไปด้านนอก “ทำไมช่วงนี้นายไม่ได้เข้าบริษัทเลย แบบนี้คงไม่ดีนะ ตอนนี้ร่างกายฉันก็ดีขึ้นแล้ว”
เพิ่งจะพักผ่อนไม่กี่วัน คิดจะหนีไปจากเขาแล้ว
คืนนั้นที่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของตัวเองก็คิดอยากจะอยู่กับเธอตลอด
ริมฝีปากบาง ๆ ขยับ “ไม่รีบ”
เขาไม่ได้รีบร้อน ช่วงนี้คาดว่าฉีเซิ่งเทียนคงจะยุ่งอย่างมาก
บอกว่าออกมาอาบแดด แต่ว่าพวกเขายังคงอยู่ในร่มและด้านข้างก็มีน้ำผลไม้วางอยู่
เมื่อเห็นน้ำผลไม้ก็ทำให้เธอคิดถึงเรื่องวันนั้น จึงหันไปมองเขา ทั้งคู่ต่างสบตากัน “นายรู้ว่าเป็นถังซือเถียน?”
ผ่านไปหลายวันแล้ว เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่อง
หลังจากที่โดนเธอลากไปก็มึนหัวเล็กน้อย น่าจะเพราะดื่มน้ำผลไม้แก้วนั้น
ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไม่เพียงแต่จะดื่มไวน์ไม่ได้ แม้แต่น้ำผลไม้เองก็ดื่มไม่ได้เช่นกัน
มันยากที่จะป้องกัน!
ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าเธอและกอดเธอไว้ โอบไปที่ตัวของเธอพลางพูดอย่างแผ่วเบา
“อืม”