เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 107 โฮมสเตย์
บทที่ 107 โฮมสเตย์
อันเชี่ยนดึงฉู่ลั่วเข้ามาในรถแล้ว ก่อนแนบลำตัวไปกับกระจก มองฉู่เหิงกับพวกฉู่หร่านที่คุยกันอยู่ข้างนอก
เธอพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ไม่ได้ยินอะไรเลย
“เธอคิดว่าพี่เหิงพูดอะไรกับฉู่หร่านเหรอ?” อันเชี่ยนซุบซิบถามฉู่ลั่ว “ร้องแล้ว! ฉู่หร่านร้องไห้อีกแล้ว! ป้าซ่งกำลังพูดสั่งสอนพี่เหิง ต้องเป็นเพราะฉู่หร่านอีกแน่”
อันเชียนส่งเสียงไม่พอใจ หมดอารมณ์จะดูต่อแล้ว
“ฉู่ลั่ว เธอไม่เป็นอะไรเลยเหรอ?” เธอถามอีกฝ่ายที่ไม่แยแสอะไรเลยด้วยความสงสัย “ป้าซ่งลำเอียงขนาดนี้ ทำกับเธอแบบนี้ เธอไม่โกรธเหรอ?”
ถ้าป้าซ่งเป็นแม่ของตัวเองละก็ อันเซี่ยนคงกระโดดออกไปตบกับฉู่หร่านสักตั้ง
ถ้าเธอไม่ได้มีชีวิตที่ดี ทั้งครอบครัวก็อย่าคิดจะอยู่ดีเลย!
ฉู่ลั่วพูดออกมานิ่ง ๆ ว่า “ไม่มีอะไรให้โกรธ ความผูกพันมาจากการเข้ากันได้ของคนสองฝ่าย ฉันกับคนตระกูลฉู่เข้ากันไม่ค่อยได้ จะไม่ผูกพันกันก็ปกติ”
อันเชี่ยนพูดเสียงเบา “ปกติบ้าอะไรล่ะ! จะพูดยังไงก็ช่าง เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของป้าซ่ง ป้าซ่งจะทำกับเธอแบบนี้ไม่ได้”
ถ้าจะลำเอียง… ก็ไม่ควรลำเอียงให้เห็นกันโจ่งแจ้งแบบนี้
รอให้พวกฉู่หร่านขึ้นรถเรียบร้อย รถหลายคันก็พากันมุ่งหน้าไปสู่จุดหมาย
วัดผี ความหมายก็ตามชื่อว่าเป็นวัดแห่งหนึ่ง
เป็นวัดที่เต็มไปด้วยดอกท้อหยิน*[1] บานสะพรั่ง
รถมากมายถูกจอดเอาไว้ที่ตีนเขา
เยี่ยนฉวีเดินมาหาฉู่ลั่ว “ผมได้ยินมาว่าที่นี่เป็นวัดร้าง มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก”
ว่าแล้วเขาก็ยิ้มเยาะ “บอกว่าเป็นวัดร้าง แต่ที่จริงยังมีคนแอบมาบูรณะวัดแห่งนี้อยู่ ถึงแต่ละปีจะมีคนมาน้อยมาก แต่ก็มักจะมีคนมาอยู่เสมอ”
ภูเขาไม่สูง พวกเขายืนอยู่ตรงตีนเขาก็สามารถมองเห็นวัดหลังใหญ่แห่งนั้น กระเบื้องเคลือบภายใต้แสงอาทิตย์แวววาวเสียจนแสบตา
อันเชี่ยนยกมือขึ้นมากอดอก “คงจะถูกซ่อมแซมจากคนที่กลับมาแก้บนน่ะค่ะ วันที่มาคราวก่อนไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่สวยมาก วิจิตรและโอ่อ่ายิ่งกว่าวัดจริง ๆ เสียอีก”
หลังเธอเงียบไปสักพัก ก็สารภาพว่า “ฉันเองก็เคยมาแก้บนเหมือนกัน”
เยี่ยนฉวีหันขวับมามอง
อันเชี่ยนถลึงตา “มองอะไรคะ ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่ว่าวัดนี้มันมีปัญหา!”
ดาราหนุ่มเก็บสายตากลับไป ก่อนพูดกับฉู่ลั่วว่า “วันนี้เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยเข้าไปในวัดเถอะครับ แถวนี้มีโฮมสเตย์อยู่ ผมจองเอาไว้แล้ว”
อันเชี่ยนก็เดินมาหยุดข้างฉู่ลั่ว “ฉันก็จองโฮมสเตย์เอาไว้เหมือนกัน ฉู่ลั่ว เธอพักกับฉันนะ”
ไม่พูดเปล่า เธอคล้องแขนฉู่ลั่วเอาไว้ “พี่เหิงฝากเธอไว้กับฉันด้วยตัวเอง”
เยี่ยนฉวี “…”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “ไปที่พักกันก่อนเถอะ”
สภาพแวดล้อมในท้องถิ่นสงบเงียบ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ จึงมีการสร้างโฮมสเตย์ขึ้นมาหลายแห่ง
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงหน้าที่พักก่อน
โฮมสเตย์สองหลังอยู่ไม่ไกลกัน ขับรถแค่สองสามนาทีก็ถึงแล้ว
อันเชี่ยนพาฉู่ลั่วเข้าไปข้างใน “เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ฉันเลยเหมาโฮมสเตย์เอาไว้ ฉันจะบอกให้นะ ช่วงนี้คนมาเที่ยวกันเยอะมาก มันจองยากมากเลยละ”
“เชี่ยนเชี่ยน!” ฉู่หร่านวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา แล้วรั้งพวกเขาเอาไว้อย่างเขินอาย
อันเชี่ยนสีหน้าเย็นชา “มีธุระอะไร?”
ฉู่หร่านก้มหน้า ถามเสียงเบาว่า “เชี่ยนเชี่ยน พวกเราขอพักที่โฮมสเตย์หลังนี้ด้วยได้ไหม?”
“ไม่ได้” อันเชี่ยนพูดจบก็ดึงแขนฉู่ลั่วเดินหนีไป
ฉู่หร่านคว้าแขนอีกข้างของฉู่ลั่วเอาไว้ “ลั่วลั่ว เธอพูดกับเชี่ยนเชี่ยนให้หน่อยสิ พวกเราโทรไปถามแล้ว โฮมสเตย์ที่ยังว่างต้องขับรถจากนี่ไปอีกครึ่งชั่วโมง”
“ตลอดทางที่มาที่นี่ คุณแม่ท่านเหนื่อยมากแล้ว”
“ลั่วลั่ว ถึงเธอจะโกรธฉัน แต่จะไม่สนใจคุณแม่ไม่ได้นะ!”
ฉู่ลั่วไม่พูดอะไร ส่วนอันเชี่ยนก็แกะมือฉู่หร่านออกอย่างทนไม่ไหว “ตอนพวกเธอออกจากบ้านไม่รู้จักจองที่พักกันไว้เหรอ?”
ฉู่หร่านพูดอย่างเสียใจว่า “เมื่อก่อนเวลาออกไปนอกบ้าน คุณพ่อคุณแม่กับพวกพี่ชายเป็นคนจัดการให้ ฉันไม่เคยจองมาก่อน เลยไม่รู้น่ะ”
อันเชี่ยนกลอกตา
นี่เป็นการแสดงต่อหน้าฉู่ลั่วว่าคนตระกูลฉู่รักเธอมากแค่ไหนใช่ไหม?
เหอะ!
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษที เธอขอร้องฉู่ลั่วไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่ยอมก็คือไม่ยอม” อันเชี่ยนดึงฉู่ลั่ว “ไปกันเถอะ! คนแบบนี้ อย่าพูดด้วยให้มากนักเลย เสียเวลาเปล่า”
[1] 阴桃花 ดอกท้อหยิน หมายถึง พลังงานหรือโชคลาภที่เกี่ยวข้องกับความรัก