เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 110 เดินทางสู่วัดผี
บทที่ 110 เดินทางสู่วัดผี
วันต่อมาอากาศแจ่มใส คนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางไปตั้งแต่เช้า
ภูเขาที่ตั้งไม่นับว่าสูงมาก แต่ต้องเดินไปตามทางลูกรังครึ่งชั่วโมง แล้วผ่านป่าไผ่ไปจึงเห็นจุดหมายปลายทางอยู่ตรงหน้า
วัดผีเป็นสิ่งก่อสร้างสูงเจ็ดถึงแปดชั้น ด้านบนเป็นกระเบื้องเคลือบทอง ในขณะที่ตัววัดส่วนอื่นเป็นโครงสร้างที่ทำจากไม้ ทุกส่วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเก่าแก่
อันเชี่ยนยืนอยู่ข้างฉู่ลั่ว “ครั้งก่อนตอนที่ฉันมา วัดยังไม่ดูใหม่ขนาดนี้ ดูเหมือนจะมีคนกลับมาแก้บนแล้ว”
เธอดึงคนข้างกายไว้ “ฉู่ลั่ว ฉันจะบอกให้เธอรู้ไว้ก่อนนะ นักพรตคนนั้นที่พ่อของฉันเชิญมา หลังจากเข้าไปในวัดได้ไม่นาน ก็วิ่งออกมาหน้าตาตื่น”
“เขาบอกว่าวัดผีแห่งนี้ร้ายกาจมาก เขาสู้ไม่ไหว”
“ถึงตอนนั้น เธอก็ทำเท่าที่ทำได้นะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ไม่ต้องฝืนตัวเอง พวกเราจะหาปรมาจารย์ท่านอื่นมาแทน”
ฉู่ลั่วพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปดูก่อน”
อีกฝ่ายพยักหน้า “ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเธอตะโกนเรียกพวกเราเลยนะ!”
เยี่ยนฉวีก็พูดด้วยความเป็นห่วง “ปรมาจารย์ฉู่ ถ้ามีอะไร ตะโกนออกมาเลยนะครับ”
เด็กสาวเอ่ยหน้านิ่ง “อืม”
ทางด้านซ่งเชียนหย่าก็กระซิบเตือนฉู่ลั่ว “ถ้าลูกรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาก็เลิกนะ…”
ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่หร่านก็ดึงชายเสื้อแม่เบา ๆ เมื่อซ่งเชียนหย่าเห็นสายตาอ้อนวอนของฉู่หร่าน ก็พลิกลิ้นทันที “เอาเป็นว่าลองเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนก็แล้วกัน”
ฉู่ลั่วไม่พูดอะไร เพียงเดินตรงเข้าไปในวัดผี ประตูใหม่เอี่ยมแต่ใต้ชายคาไม้ยังมีเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาอยู่หลายใบ เมื่อย่ำเท้าไปข้างหน้าจะมีเสียงดังกรอบแกรบ
มือของเด็กสาววางลงที่บานประตูไม้ทั้งสองบาน ก่อนออกแรงเล็กน้อยเพื่อผลักให้มันเปิดออก
ภายในวัดผีค่อนข้างมืดมิด
เห็นได้ชัดว่าเป็นตอนกลางวัน ทั้งที่มีแสงแดดส่องเข้ามาเต็มที่ แต่วัดผีที่อยู่ตรงหน้า ราวกับแยกตัวออกจากแสงสว่าง หลายคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลต่างมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
“มีหน้าต่างอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ”
“ครั้งก่อนตอนที่ฉันมาไม่ใช่แบบนี้เลยนะ” อันเชี่ยนพูดอย่างกังวล
เธอมองฉู่ลั่วที่ก้าวเข้าไปในความมืด ก่อนประตูด้านหลังของฉู่ลั่วค่อย ๆ ปิดลง
อันเชี่ยนขมวดคิ้ว แล้วเดินไปเดินมาอยู่ด้านนอก
เยี่ยนฉวียืนพิงต้นไม้ต้นหนึ่ง ในแววตามีความกังวลอยู่ไม่น้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ลั่วลั่วเก่งขนาดนั้น ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ” ฉู่หร่านดึงซ่งเชียนหย่ามานั่งบนก้อนหิน “แม่คะ นั่งก่อนนะคะ หนูเอาน้ำมาด้วย จะดื่มน้ำสักหน่อยไหมคะ?”
ซ่งเชียนหย่าส่ายหน้า ดวงตาทั้งสองข้างของเธอจับจ้องอยู่ที่ประตูวัดผี มือกุมกันไว้แน่นด้วยความวิตกกังวล
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า…
เป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว ในวัดยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร
อันเชี่ยนเดินไปเดินมา เหยียบต้นหญ้าใต้ฝ่าเท้าจนแทบจะกลายเป็นถนนเส้นหนึ่งแล้ว ก่อนชะงักฝีเท้า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”
เยี่ยนฉวีก็ยืนตัวตรง “จะเข้าไปดูไหมครับ?”
ทั้งคู่หันไปหาฉู่หร่านพร้อมกัน อีกฝ่ายนั่งอยู่บนโขดหินด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เธอยังเก็บดอกไม้ป่าหลายดอกที่ขึ้นอยู่แถวนั้นมาเล่นอีกด้วย
เห็นท่าทางแบบนี้ของฉู่หร่าน ใจของอันเชี่ยนก็เต้นรัว
หลังจากฉู่ลั่วเข้าไปในวัดผี สีหน้าที่เคยเคร่งเครียดของฉู่หร่านก็เปลี่ยนไป
เธอดูไม่ได้ใส่ใจเรื่องดวงชะตาของตัวเองเลยแม้แต่น้อย และไม่สนใจสถานการณ์ของฉู่ลั่วที่อยู่ในวัดผีด้วย
อันเชี่ยนหันกลับไปมองวัดผี ความไม่สบายใจก่อตัวชัดขึ้นแล้ว
ฉู่ลั่ว หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอนะ!
ในขณะที่อันเชี่ยนกำลังไม่สบายใจเป็นอย่างมาก สีหน้าของฉู่หร่านก็ยิ่งผ่อนคลายขึ้น บางครั้งเธอยังมองไปที่วัดผีพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ
อันเชี่ยนพูดไม่ออก “…”