เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 197 ไม่ใช่ฉัน
บทที่ 197 ไม่ใช่ฉัน
ฉู่ลั่วไม่เอ่ยอะไร
อิ่นซานเห็นดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “ถ้าเกิดว่ามันยากเกินไป ก็ไม่เป็นอะไรครับ”
เธอส่ายหน้า “ไม่ได้ยากหรอกค่ะ เพียงแต่…”
สายตาของปรมาจารย์หญิงจ้องมองไปยังเหิงหว่านไป๋ “ความโกรธแค้นในตัวคุณรุนแรงขึ้นนะ”
อิ่นซานตกใจ พลางมองผีร้ายอย่างประหลาดใจ
เหิงหว่านไป๋ซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง มีเพียงกระโปรงสีขาวซึ่งโผล่ออกมาทำให้รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเธอ
ฉู่ลั่วเอ่ย “ฉันตกลงทำให้คุณปรากฏตัวได้ ไม่ใช่เพื่อให้ความปรารถนาของคุณฝังลึกมากขึ้น ถ้าคุณควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันก็คงต้องส่งคุณออกไปแล้วละ”
“ฉันควบคุมตัวเองได้ค่ะ ฉันควบคุมได้” เหิงหว่านไป๋ลอยมาตรงหน้าฉู่ลั่ว มองฉู่ลั่วท่าทางเสียใจและน่าสงสาร “ฉัน… ฉันควบคุมได้จริง ๆ นะคะ”
ความโกรธในตัวเธอรุนแรงขึ้น ใบหน้าน่าสะพรึงกลัวดูแปลกกว่าเดิม แม้กระทั่งใบหน้าขอความเมตตา ในตอนนี้ก็ยังดูโหดร้ายจนน่าตกใจ
อิ่นซานสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
เหิงหว่านไป๋เอาแต่ก้มหน้า ใช้ผมยาวของเธอปิดหน้าเอาไว้ ตอนที่คุยโต้ตอบกับพวกเขา ท่าทางก็ดูปกติดีทุกอย่าง
แต่ตอนนี้เมื่อเหิงหว่านไป๋เงยหน้าขึ้น เขากลับรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
รูม่านตาของเธอหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง ตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือด กระทั่งรอยคล้ำใต้ตาก็เข้มขึ้น
เหิงหว่านไป๋เห็นว่าตนเองทำให้อิ่นซานตกใจจึงรีบก้มหน้า ถอยไปข้างหลัง
ผู้กำกับกลับถามอย่างร้อนใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เหิงหว่านไป๋ไม่พูดอะไร
ฉู่ลั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะทำร้ายคนเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ ฉันจะ…”
“ฉันควบคุมได้ค่ะ” เหิงหว่านไป๋รีบพูด “ท่านปรมาจารย์ ฉันควบคุมได้ ฉันควบคุมได้ค่ะ”
พูดไป น้ำตาเลือดก็ไหลออกมาด้วย
ฉู่ลั่วเงียบงัน “…”
อิ่นซานใจอ่อนแล้วหันไปหาเด็กสาว “ท่านปรมาจารย์ ให้โอกาสเธออีกครั้งเถอะครับ!”
ฉู่ลั่วออกความเห็น “ผีกับคนแตกต่างกันมากค่ะ ผีมีความโหยหามาก เหิงหว่านไป๋เธอมีความปรารถนาอัดแน่นเกินไป ทั้งยังตายอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อไหร่ที่กลายเป็นวิญญาณร้าย ฉันก็ทำได้แค่ลงมือกำจัดเธอเท่านั้น”
“และจุดจบของเธอ มีแต่ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน”
อิ่นซานเงียบงัน “…”
ชีวิตก่อนของเหิงหว่านไป๋น่าสงสารมากพอแล้ว หากตายไปแล้วยังต้องกลายเป็นเถ้าถ่านอีก…
เขาพูดคำว่า ‘ถ่ายทำต่อ’ ไม่ออกทีเดียว
เหิงหว่านไป๋ร้องไห้โฮออกมา จนไฟทุกดวงภายในห้องกะพริบติด ๆ ดับ ๆ
ปัง!
ก่อนจะมีเสียงประตูห้องพักถูกผลักให้เปิดออก
คนเขียนบทที่ปกติเป็นคนรักสันโดษวิ่งเข้ามา “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?”
หญิงสาวนักเขียนบทไม่ได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้อง แต่ก็เดินตรงไปอยู่ข้างเหิงหว่านไป๋ แล้วมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวไป๋ เธอเป็นอะไรไปเหรอ? มีคนรังแกเธอใช่ไหม?”
หลายวันมานี้เพื่อเขียนบทภาพยนตร์ เธอมักจะอยู่กับเหิงหว่านไป๋บ่อย ๆ จนไม่ได้กลัวผีร้ายขนาดนั้นแล้ว
เหิงหว่านไป๋ส่ายหน้า ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ครวญครางอีก แม้กระทั่งไฟในห้องก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
ฉู่ลั่วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่เหรอที่คุณบอกว่าควบคุมได้?”
เหิงหว่านไป๋ส่งเสียงคร่ำครวญ
คนเขียนบทมองอิ่นซานด้วยความไม่เข้าใจ อิ่นซานจึงเล่าถึงความผิดปกติของเหิงหว่านไป๋ให้ฟัง
“…” คนเขียนบทเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แบบนี้ก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ? เธอทำการเคลื่อนไหวแบบนี้ออกมาได้ อย่างน้อยเวลาถ่ายทำ ในกองถ่ายก็ไม่ต้องใช้เอฟเฟกต์พิเศษแล้วไง! ทางฝั่งทีมอุปกรณ์ประกอบฉากก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
เธอหันไปบีบไหล่เหิงหว่านไป๋ “เสี่ยวไป๋ ความสามารถนี้ของเธอดีมากเลย ฉันจะเขียนฉากนี้ให้เธอโดยเฉพาะ”
ฉู่ลั่ว “…”
อิ่นซาน “…”
เหิงหว่านไป๋ชะงักไปชั่วครู่ กลิ่นอายความโกรธแค้นลดลงไปไม่น้อย “ไม่… ไม่ต้องหรอกค่ะ!”
“จะไม่ต้องได้ยังไง! เธอเก่งขนาดนี้ ฉันต้องเขียนให้เธอแน่นอน” คนเขียนบทพูดจบ ก็หันไปมองฉู่ลั่ว “ท่านปรมาจารย์ นี่เป็นเรื่องดีนะคะ! ถ้าเสี่ยวไป๋สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับเธอลดต้นทุนให้กองถ่ายได้ไม่น้อยเลย แบบนี้มันคือเรื่องดีสำหรับทีมงานไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉู่ลั่วเห็นความวิตกังวลที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของคนเขียนบทขณะพูดโต้แย้งน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะมองไปยังเหิงหว่านไป๋ที่ยืนอยู่ข้างหลัง เหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยที่เสียใจเพราะไม่ได้รับความยุติธรรม
คนเขียนบทเห็นว่าปรมาจารย์หญิงไม่พูดอะไร จึงยกนิ้วขึ้นมานับ “เสี่ยวไป๋เเป็นวิญญาณดีนะคะ เธอถูกคนทำร้าย แต่ก็ไม่ได้ไปตามแก้แค้น เธอแค่อยากให้พ่อแม่ของเธอได้เห็นหนังที่เธอแสดงเท่านั้นเองค่ะ”
“ตอนที่เธออยู่ในกองถ่าย ก็เอาแต่แอบอยู่ในกล้องอย่างเชื่อฟังมาก ไม่เคยออกมาหลอกหลอนผู้คน ถ้าไม่ใช่เพราะอิ่นซานถ่ายติดเธอ พวกเราก็ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเธอเลยนะคะ”
“เธอไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน!”
อิ่นซานขมวดคิ้ว
คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?
หมายความว่าการที่ถ่ายติดเหิงหว่านไป๋คือความผิดของเขาเหรอ?
ฉู่ลั่วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางถามผีสาว “เรื่องที่เกิดขึ้นในกองถ่ายก่อนหน้านี้ ทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของคุณเหรอ?”
เหิงหว่านไป๋ส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉันนะคะ ฉันอยู่แต่ในกล้องตลอดเลยค่ะ ฉันปรากฏได้แค่ในภาพที่กล้องถ่ายเท่านั้น ฉันออกมาไม่ได้”
ฉู่ลั่วหลุบตาลง